สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 90 ทําการค้า
ตอนที่ 90 ทําการค้า
เมื่อวานตอนที่หยุนเถียนเถียนเข้าไปในเมือง นางขอเศษผ้าขี้ริ้วเล็ก ๆ มากมายจากเจ้าของร้าน
วันนี้นางจึงหมกตัวอยู่ในห้องและจัดการผ้าขี้ริ้วเล็กเหล่านั้น
ใช้ทําอะไรน่ะหรือ… หยุนเถียนเถียนไม่ได้บอกจี๋ชื่ออย่างละเอียด แต่ความจริงแล้วนางมีแผนในใจ!
ชาวบ้านส่วนใหญ่ที่เป็นผู้หญิงในเมืองนี้ต่างก็มีปิ่นปักผมไม้เรียบ ๆ อยู่บนศีรษะ หากสวยงามขึ้นมาสักหน่อยก็มีปิ่นทองแดงและปิ่นเงิน คนที่ฐานะร่ำรวยก็ใช้ปิ่นปักผมทอง!
ส่วนสถานที่อื่น ๆ นางยังไม่เคยไปจึงไม่สามารถบอกได้ แต่สถานที่ใกล้เคียงนี้ก็น่าจะเหมือน ๆ กัน!
หลินชวนฮวาใช้ปืนปักผมทองแดงที่ดูแข็งแรง ในหมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ ต่อให้เป็นอัญมณีที่พอมีคุณค่า ย่อมเป็นที่น่าอิจฉาของผู้อื่น!
หยุนเถียนเถียนคิดว่าหากทําเครื่องประดับจากผ้าควรขายในราคาถูก อย่างน้อยก็ยังสวยกว่าการเอาดอกไม้มาทัดผม เพราะไม่ต้องกังวลกับเครื่องประดับว่าจะเหี่ยวเฉาเห มือนดอกไม้พวกนั้น
ในยุคนี้ มีวิธีบางอย่างที่ใช้หาเงินได้ แต่ตอนนี้นางยังไม่กล้าทํา
ความงดงามของร่างกายนี้นั้นเป็นบาปที่จะชักนําความเดือดร้อนมาให้ โชคดีที่ตอนนี้อายุเพียงแค่สิบสี่หนาว เมื่อยังไม่โตนักจึงไม่มีภัยคุกคาม!
ต้องรอให้ร่างกายนี้เติบโตถึงวัยสาวสะพรั่ง หวังเพียงว่าเมื่อถึงเวลานั้นนางจะสามารถปกป้องตัวเองได้
สําหรับเด็กหญิงอายุสิบสี่ นอกจากความสวยที่เป็นบาปติดตัวแล้ว ร่ำรวยมากก็ไม่ดีนัก ผู้คนในหมู่บ้านอาจจะเพ่งเล็งว่าสามารถหาเงินมากมายได้อย่างไร?
ดังนั้นบางอย่างจึงต้องค่อย ๆ เป็นค่อย ๆ ไป แม้ว่าเสี่ยวเถาจะอยากแสดงฝีมือเต็มที่ แต่ก็ทําได้เพียงยับยั้งเอาไว้ เพื่อรอเวลาที่สามารถปกปิดการมีอยู่ของมันได้ในอนาคต
แต่ตอนนี้เสี่ยวเถาก็ใช่ว่าจะไร้ประโยชน์เสียทีเดียว!
“เสี่ยวเถา…ที่คุณบอกว่าให้ฉันซื้อผ้าจากคุณ แล้วหัดทําด้วยตัวเอง! วิธีนี้จะสามารถหาเงินได้มากในยุคนี้ คนอื่นจะไม่สงสัยเหรอ? ”
เสี่ยวเถาตอบกลับมาด้วยเสียงเครื่องจักรกลที่เย็นชา “แน่นอน! ไม่เพียงแต่สินค้าที่ทําจากผ้าที่สามารถนําไปขายได้ แต่ยังรวมถึงวัสดุสําหรับผลิตผ้าด้วย! เช่นเดียวกับ หนังสือเล่มนี้ ร้านเถาเป่าขายถูกจริงๆ เจ้าลองดูได้!”
หยุนเถียนเถียนซื้อหนังสือเล่มนี้โดยไม่ลังเล จากนั้นทําตามขั้นตอนด้านบนเพื่อเริ่มผลิตสินค้าชิ้นแรกของนาง
ข้อมูลที่ให้มานั้นดีมาก แม้ว่าทักษะฝีมือของหยุนเถียนเถียนจะค่อนข้างเลวร้าย แต่นางก็ทํางานชิ้นแรกเสร็จอย่างรวดเร็ว
มันเป็นดอกไม้สีแดงเล็ก ๆ ใช้ผ้าฝ้ายสีแดงมัดเป็นกลีบลูกกลม ๆ ตรงกลางมีสีเหลืองเป็นเกสรตัวผู้
จากนั้นพันผ้าสีเขียวที่แข็งกว่าเป็นกิ่งดอกไม้และมีใบเล็ก ๆ ติดอยู่ด้านบนอย่างสวยงาม
หยุนเถียนเถียนยิมด้วยความพึงพอใจ แม้จะดูเรียบง่าย แต่ก็น่าสนใจ! ปิ่นปักผมสีเงินและทองเหล่านั้นไม่มีสีอื่น แม้ว่าพวกเขาจะทําได้แต่ก็ไม่ใช่สิ่งที่คนในเมืองนี้จะมี ดังนั้น หากมีใครมาเอาผ้าแบบนี้มาประดับศีรษะคงจะโดดเด่นน่าดู!
ในระหว่างนี้บางครั้งมักจะถูกเฉินเฉินรบกวนโดยการมาถามคําถาม แต่หยุนเถียนเถียนก็ทําได้เพียงตอบคําถามของเขาอย่างอดทน
เฉินเฉินรู้ดีว่าหากแม่ของเขาเข้าไปในเมือง นางมักจะกลับมาตอนที่ตะวันลับขอบฟ้าและเฉินผิงอันก็กลับมาในเวลานั้นเช่นกัน
ก่อนที่ตะวันจะลับขอบฟ้า เฉินเฉินจึงรีบกลับบ้าน เขาทําความสะอาดห้องครัวอย่างละเอียดอีกครั้งและล้างชามทั้งหมดที่ยังไม่ได้ล้างเพื่อไม่ให้ถูกทุบตีในตอนค่ำ
พี่สาวถูกเฆี่ยนตีมามากเพียงเพราะว่าทําได้ไม่ดี เฉินจึงใช้ประโยชน์จากประสบการณ์ของพี่สาวเพื่อหลีกเลี่ยงในครั้ง
น่าเสียดายที่หลินชวนฮวากลับมาหลังจากทุกอย่างเรียบร้อย และเฉินผิงอันก็ก้าวเท้าหลังตามเข้ามา!
เมื่อเฉินผิงอันมาถึงก็ไม่มีอะไรทําจึงตะโกนออก “ชวนฮวา เจ้าทําอันใดอยู่? ข้าหิวแล้วรีบไปทําอาหารเถิด!!”
หลินชวนฮวาเพิ่งเดินเข้าไปในห้องและถอดปิ่นปักผมผมบนหัวของนางออก
ดังนั้นนางจึงรีบเดินออกไปโดยที่สีแดงบนใบหน้ายังไม่ทันได้เช็ดออก!
“ผิงอัน ข้ามัวแต่ยุ่งกับงานบ้านยังไม่มีเวลาทําอาหารเลย เจ้าเด็กตัวเหม็นนี้ไม่ได้เรื่องเหมือนพี่สาวทําอะไร ไม่ได้ดั่งใจเลย! รอก่อนนะ ข้าจะรีบทําอาหารเดี๋ยวนี้!”
ขณะที่หลินชวนฮวาพูด ก็ตวัดสายตาข่มขู่เฉินเฉิน เพื่อเตือนไม่ให้เปิดโปงคําโกหกของนาง มิฉะนั้นจะโดนดี!
แน่นอนว่าเฉินเฉินไม่โต้เถียง เพราะแม่ของเขาทําสิ่งนี้จนเป็นนิสัยแล้ว!
“เฉินเอ๋อ เหตุใดเจ้าถึงโง่เขลานัก? ไม่รู้จักแบ่งเบาภาระของแม่! หากเจ้ายังดื้อด้านอีก ข้าคงต้องสั่งสอนเจ้าให้รู้สํานึก!”
เฉินเฉินก้มหน้าลงเงียบ ๆ โดยไม่พูดอะไร ภาพนี้ช่างคล้ายกับนังเด็กเหลือขอคนนั้นมากเหลือเกิน..
เฉินผิงอันโกรธมาก เด็กตัวเหม็นคนนี้เป็นลูกของเขาชัด ๆ เหตุใดถึงได้เหมือนกับนังสารเลวคนนั้นขึ้นเรื่อย ๆ?
“เข้าใจที่ข้าบอกหรือไม่? อย่าทําตามนังเด็กสารเลวนั่น! ข้าบอกเจ้าแล้ว เจ้าคือเลือดเนื้อเชื้อไขของเฉินผิงอัน ได้ยินหรือไม่?”
ทันใดนั้นเฉินผิงอันก็ตะโกนออกมาอย่างควบคุมอารมณ์ไม่ได้ เฉินเฉินเองก็ไม่คิดว่าพ่อที่ใจดีกับเขามาโดยตลอด จู่ ๆ จะเปลี่ยนไปเป็นหลังมือเช่นนี้ เด็กชายจึงถอยหลังด้วยความตกใจและสุดท้ายก็ล้มลงกับพื้น!
ดูเหมือนว่านั่งเด็กสารเลวนั่นก็มีปฏิกิริยาเช่นนี้เมื่อถูกตนตะคอก ยิ่งคิดถึงเรื่องนี้เฉินผิงอันก็ยิ่งโกรธมากขึ้น เขาเตะที่เก้าอี้ที่อยู่ใกล้จนกระเด็นออกไปอย่างรุนแรง!
“ไสหัวไปซะ คิดได้เมื่อไหร่ค่อยมากินข้าว!”
เฉินผิงอันตะโกนออกมาอย่างหมดความอดทน เฉินเฉินที่หวาดกลัวจึงหนีไปซ่อนตัวอยู่ในห้องเล็ก ๆ ของเขา และปิดประตูอย่างรวดเร็ว
หลินชวนฮวาที่ได้ยินเหตุการณ์ด้านนอก ก็ยิ้มอย่างสะใจที่มุมปาก แต่ก็เดินออกไปด้วยท่าทีที่แสร้งทําเป็นกังวล “ผิงอัน เขายังเด็กนัก หากบอกกล่าวดี ๆ เขาก็น่าจะฟัง”
เฉินผิงอันพูดเสียงดังราวกับจะแสดงอํานาจของเขา “หากไม่ฟังข้าก็อย่าคิดว่าจะได้กินข้าว! ชวนฮวาตั้งแต่วันนี้ไป เมื่อไหร่ก็ตามที่เขามาหาข้าเพื่อยอมรับผิด ถึงตอนนั้นค่อยให้เขากินข้าว! ”
หลินชวนฮวาพยักหน้ารับด้วยความเชื่อฟัง พร้อมกับลอบยิ้มอย่างสะใจในมุมมืด
เฉินเฉินไม่เข้าใจว่าตนทําอะไรผิด เหตุใดเขาถึงต้องยอมรับความผิด? แต่เพื่อไม่ต้องทนหิว เฉินเฉินต้องออกไปยอมรับผิดกับเฉินผิงอัน แต่ก็เกรงว่าจะพูดอะไรผิดหูเข้าแล้วถูกทุบตี ดังนั้นเขาจึงทําได้เพียงทนหิวอยู่เงียบ ๆ และรอให้ถึงเช้าวันรุ่งขึ้นเสียก่อน