สามีข้า คือพรานป่า - ตอนที่ 95 แทรกซึม
ตอนที่ 95 แทรกซึม
หลี่ซื่อฮว๋ายิ้มจาง “อันที่จริงเจ้าไม่จําเป็นต้องพยายามขนาดนั้นก็ได้ หากเจ้าเข้ามาอยู่ในตระกลูหลี่ เจ้าก็จะได้เป็นคนตัดสินใจเรื่องนี้เองมิใช่หรือ?”
หยุนเถียนเถียนเผยสีหน้าบึ้งตึง “นายน้อยหลี่คิดง่ายเกินไป ท่านอาจมองว่ามันเป็นกําไรเล็กน้อย แต่มันก็สามารถทําให้ชีวิตข้าดําเนินไปได้ มันจะต้องรุ่งเรืองอย่างแน่นอน และเมื่อถึงเวลาเจรจาการค้า ท่านต้องจริงใจกับข้า ท่านต้องแสดงความเท่าเทียมกันระหว่างกัน คอยดูเถิดหากผลลัพธ์ มันยอดเยี่ยม ท่านย่อมไม่มีทางปฏิเสธมันแน่!”
หลี่ซื่อฮว๋ายิ้มอย่างมีเลศนัย แม้เขาจะไม่มั่นใจว่าจะโต้แย้งหยุนเถียนเถียนได้ แต่การปล่อยให้นางโกรธคงไม่ดีแน่!
“เอาล่ะ! งั้นตามที่เจ้าว่า ถ้าเสร็จแล้วข้าจะให้พ่อครัวส่งมันให้ข้า หากว่ามันเหมาะสมที่จะลงทุน ข้าจะมาพูดคุยกับเจ้าอีกครั้ง”
หยุนเถียนเถียนพยักหน้า “งั้นตกลงตามนี้ นายน้อยหลี่ ตอนนี้ข้าไม่ว่างมีหลายอย่างที่ข้าต้องไปทํา เช่นนั้นข้าขอตัวก่อน!”
หลังจากพูดจบ นางดึงแขนเสื้อของหยุนเคอและวิ่งออกไป หลี่ซื่อฮว๋าทําได้เพียงมองเด็กสาวคนนั้นอย่างจนปัญญา เมื่อเห็นมือน้อย ๆ เกาะกุมแขนเสื้อของชายร่างใหญ่ข้างกายไว้ เขาก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกผิดหวัง
“นายน้อย ดูยัยเด็กป่านั่นสิ ช่างไม่มีมารยาทนัก!”
เสี่ยวซื่อกล่าวออกอย่างรังเกียจ แต่เขามัวก่นด่าเถียนเถียนจนลืมมองหน้านายน้อยของตน จังหวะนั้นเองที่พัดในมีอนายน้อยหลีเคาะลงบนศีรษะของเขา
แม้เสี่ยวซื่อจะไม่รู้ว่าตนถูกนายน้อยตําหนิเรื่องอะไร แต่เขาก็รีบหดคอและไม่กล่าวคําใดต่อ
เมื่อเดินมาถึงหน้าตลาด หยุนเถียนเถียนหยุดฝีเท้าพร้อมหมุนตัวกลับมาถามชายที่ลากมา “พี่ชายหยุน เราจะจัดการกับขนพวกนี้อย่างไรดี?”
หยุนเคอได้แต่ส่ายศีรษะอย่างช่วยไม่ได้ ตอนนี้เขากําลังรู้สึกโกรธเคืองที่สาวน้อยคนนี้ตัดสินใจทําเรื่องต่าง ๆ โดยพละการ นางกําลังทําให้เขากลายเป็นคนชั่วช้าด้วยการคว้า ขนเขาเดินเช่นนี้
“งั้นไม่เป็นไร งั้นข้าจะเก็บพวกมันไว้แล้วหาทางแปรรูปมันทีหลังแล้วกัน หากมันขายได้ ข้าจะแบ่งให้ครึ่งหนึ่ง!”
มุมปากของหยุนเคอกระตุกเล็กน้อยพร้อมกับคิดในใจ “อย่างนั้นหรือ… สุดท้ายในหัวของเจ้าก็มีเพียงแค่การหาเงิน”
ทั้งสองแยกทางกันกลับไปที่เกวียน หญิงขายไข่รออยู่บนเกวียนมานานโขแล้วจึงรีบร้องถาม “เถียนเถียน เจ้าไปเดินเที่ยวตลาดมาตั้งนาน ได้ซื้ออะไรบ้างไหม?”
หยุนเถียนเถียนปืนขึ้นบนเกวียนช้า ๆ และหลังจากจัดท่านั่งเรียบร้อยแล้วจึงตอบกลับ “พี่เสี่ยวเหอ ข้ามีเงินเพียงน้อยนิด ฤดูหนาวนี้ยังต้องซื้อข้าวของอีกมากมาย ดังนั้นจึง ต้องเก็บออมไว้ก่อน”
หลี่เสี่ยวเหอพูดอย่างกระตือรือร้นมากขึ้น “ต้องอดออม เพื่ออะไรกัน? เจ้าขายดีขนาดนั้นไม่ต้องกลัวว่าเงินจะขาดมือแล้ว!”
หยุนเถียนเถียนแสร้งขมวดคิ้วอย่างกลัดกลุ้ม “พี่เสี่ยวเหอ… ของชิ้นนี้มีไว้เพื่อขายชั่วคราวเท่านั้น ถึงจะมีคนซื้อก็จริง แต่เมื่อทุกคนมองมันก็จะรู้ว่ามันสร้างขึ้นอย่างไรและเมื่อทุกคนรู้ว่ามันทําอย่างไร พวกเขาก็จะไม่กลับมาซื้ออีก”
หลี่เสี่ยวเหอขมวดคิ้วเล็กน้อย “จริงสิ แม้ว่ามันจะประณีตแต่ก็ไม่ได้ยากเย็นนัก สตรีที่คุ้นเคยกับการเย็บปักถักร้อยมองแค่ครั้งเดียวก็รู้ต้องทําอย่างไร เฮ้อ! โลกช่างไม่ยุติธรรมเลย”
หยุนเถียนเถียนยิ้มจาง “แม้ไม่ง่ายนักแต่มันจะผ่านไป หากพี่เสี่ยวเหอต้องการเรียนรู้ก็หยิบเศษผ้าที่บ้านมาหาข้าสิ แล้วข้าจะสอนวิธีให้”
ดวงตาของหลี่เสี่ยวเหอเป็นประกาย แม้ว่ามันจะไม่ได้ทําเงินมากนัก แต่เศษผ้าในบ้านก็ไม่ได้ใช้อยู่แล้ว ต่อให้ขายได้หนึ่งเหวิน…มันก็คือเงิน!
หญิงสาวที่อยู่ข้าง ๆ หน้าตาไม่คุ้นเคยมองทั้งสองก่อนจะกล่าวเย้ยหยัน “แค่สิ่งของที่ทําจากเศษผ้า หาเงินได้สองสามตําลึง พูดราวกับว่ามันเป็นสมบัติ”
หลี่เสี่ยวเหอไม่ได้โกรธเคืองคําพูดเหล่านั้น นางเพียงยิ้มและกล่าวโต้ตอบ “แต่ข้าไม่คิดเช่นพวกเจ้า! เด็กสาวคนนี้ขายมันได้ในราคาห้าเฉียนต่อชิ้นเชียวนะ แม้ซื้อสามชิ้นจะเหลือเพียงสิบเฉียนก็ตาม แต่นางก็นํามาขายตั้งยี่สิบชิ้น เมื่อขายเสร็จสิ้นแล้วนางได้รับเงินถึงหกสิบเฉียน นั่นคือเงินกว่าหกตําลึง! เด็กตัวแค่นี้แต่หาเงินได้มากมายในการขายของครั้งแรก นับว่ายอดเยี่ยมยิ่งนัก หากข้าอายุเท่านาง คงไม่มีทางคิดได้! อีกอย่างเถียนเถียนเป็นคนใจดี หาเงินได้ด้วยตัวเองขนาดนี้ยังคิดที่จะสอนข้าอีก แม้ว่าข้าจะไม่อาจขโมยธุรกิจของนาง แต่เมื่อนางไม่ขาย ข้านี่ล่ะที่จะขายมันเอง ไม่ว่าจะอย่างไรมันก็คือเงิน!”
ประโยคของหลี่เสี่ยวเหอราวกับเตือนผู้อื่นให้ตระหนักได้ว่าที่บ้านของพวกตนก็มีเศษผ้ามากมายแต่กลับไม่เคยนําไป สร้างประโยชน์อันใด เช่นนี้เอาพวกมันออกมาขายเป็นเงินไม่ดีกว่างั้นหรือ?
“เถียนเถียน! ข้าขอไปที่บ้านเจ้าตอนเย็นด้วยได้หรือไม่ อย่าสอนเสียวเหอคนเดียวสิ”
หยุนเถียนเถียนยิ้มและพยักหน้าตอบรับ หากนางสามารถผูกมิตรกับคนในหมู่บ้านนี้ได้อาจจะเป็นเรื่องดี
แต่ว่า…
ทันใดนั้นนางนึกขึ้นมาได้ว่าเด็กน้อยเฉินเฉินยังอยู่ในบ้าน ถ้าหากมีคนเห็นเข้าอาจจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โตได้ แต่นางก็ยังตระหนักได้ว่ามีหยุนเคออยู่ในบ้านข้าง ๆ มิใช่หรือ?
หยุนเคอนั่งอยู่บนเกวียนด้วยหลังที่ชุ่มเหงื่อราวกับรับรู้ได้ ว่ามีใครกําลังวางแผนร้ายกับตน เมื่อเขาหันไปและเห็นสายตาอารมณ์ของเถียนเถียนก็อดไม่ได้ที่จะขนลุกขึ้นมา
เด็กสาวคนนั้นกําลังคิดอะไรอยู่?
หยุนเถียนเถียนรีบถอนสายตาออกและหันกลับไปพูดคุยกับหลี่เสี่ยวเหอที่อยู่ข้าง ๆ ต่ออย่างเก็บอาการ
แน่นอนว่าส่วนใหญ่เป็นหลี่เสี่ยวเหอที่กําลังพูด หยุนเถียนเถียนเพียงแค่ฟังเงียบ ๆ เท่านั้น
ช่วงเวลาที่ได้พูดคุยมักผ่านไปอย่างรวดเร็ว
ไม่นานนัก ทั้งหมดก็มาถึงในหมู่บ้าน
หยุนเถียนเถียนกระโดดลงจากเกวียนก่อน จากนั้นจึงบอกลาหลี่เสี่ยวเหอและเดินกลับบ้านของตัวเอง
หยุนเคอเดินตามหลังนางมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเด็กสาวตรงหน้าหยุดเดิน เขาจึงรีบหยุดตามทันที
“พี่ชายหยุนช่วยข้าได้หรือไม่ วันนี้คนจะมาบ้านข้าตอนเย็น ข้าอยากให้เฉินเฉินไปนั่งเรียนที่บ้านของเจ้าก่อน”
หยุนเคอมองเด็กสาวตรงหน้าที่กําลังอ้อนวอนเขาอย่างเต็มกําลังก็พลันใจอ่อน แต่ความจริงแล้วเขาเป็นคนรักความสะอาดและไม่ต้องการให้ใครเข้ามาวุ่นวายในพื้นที่ของตนเองมากนัก
แต่นี่ไม่ใช่ถ้ำ มันเป็นบ้านเฉินเฉินจะเป็นคนแรกที่ได้เข้ามาในบ้านหลังนี้
แต่หลังจากที่เขาพยักหน้ารับ หยุนเถียนเถียนกระโดดตัวโยนด้วยความดีใจ นางปรี่เข้ามาจับมือเขาโยกไปมาพร้อมกล่าวคําขอบคุณ “พี่ชายหยุนใจดียิ่งนัก ข้าต้องรบกวนเจ้าแล้ว!”
เมื่อกล่าวจบ นางปล่อยมือเขาพร้อมกับกึ่งเดินกึ่งกระโดดกลับไปยังบ้านของตัวเอง
หลังจากเข้าบ้านมาแล้ว นางเห็นเฉินเฉินกําลังอ่านหนังสืออย่างใจจดจ่อโดยไม่ทันสังเกตว่านางกลับมาถึงบ้านแล้ว
“เฉินเอ๋อ…”
หยุนเถียนเถียนเรียกเด็กน้อยแผ่วเบา เด็กชายเงยหน้าขึ้นมองพร้อมกับแววตาที่ยัง
คงเศร้าโศกอยู่บ้าง
“พี่สาว… เหตุใดท่านจึงออกไปนานนัก ตอนนี้ข้าหิวยิ่งนัก”
ส่วนหยุนเถียนเถียนที่ได้ยินอย่างนั้นก็รู้สึกว่าตนเองเพิ่งกลับมาและไม่ต้องการจะทําอาหารในตอนนี้ นางจึงแอบสั่งซาลาเปาจากเถาเป่าแทน