สาวคนหนึ่งที่ถูกบอกว่า “เธอไม่มีพรสวรรค์” กลับลายเป็นสัตว์ประหลาดที่เต็มไปด้วยพรสววรค์ — A Girl Who Was Told “You Have No Talent” Turned Out To Be A Talented Monster - ตอนที่ 107 ลิตตี้ชอบชื่อปาร์ตี้ใหม่
“มันดูเหมือนเวทมนตร์ความมืดระดับต่ำหยุดเคลื่อนไหวอยู่แค่ชั่วคราวและตอนนี้แผลเริ่มฮีลได้แล้ว”
มามุ ที่ฟื้นตัวในห้องพยาบาลตอบที่เตียงเธอ ยกตัวขึ้นมา ธาตุความมืดที่ชะลอการฮีลยังคงเป็นเรื่องลึกลับ
ระหว่างที่ธาตุพื้นฐานเหมือนไฟและน้ำเข้ากันกับมนุษย์ได้ ความมืดเป็นธาตุหลักของอมนุษย์เช่นมอนสเตอร์และสัตว์เวทมนตร์
เพราะอย่างนี้ มันเป็นธาตุที่ยังไม่ได้ถูกค้นคว้า
“มามุซัง อืม… ฉันชนะ”
“ขอบคุณนะ… คูฟาซัง มันน่าประทับใจ”
“เพราะมามุซังที่สอนฉันว่าควบคุมเวทมนตร์ยังไง ฉันชนะ… ดังนั้นมันก็เหมือนมามุซังชนะด้วย”
“อย่างนั้นเหรอ…”
มามุยิ้มแม้ว่ายังสงสัย มันก็เพราะความน่าสนุกแปลกๆที่เห็นคูฟากำหมัดทั้งสองมืออย่างซุ่มซ่ามตอนเธอพูดอย่างนั้น
ลิตตี้ก็ด้วยที่มองคูฟาที่เป็นแบบนั้นและเต็มไปด้วยความสุขจากก้นบึงของหัวใจ ความสุขของคูฟาก็เป็นความสุขของลิตตี้ด้วย
เมื่อคิดย้อนไปเมื่อคูฟาอยู่ใต้การควบคุมของปีศาจ ลิตตี้อยากยินดีกับคูฟาสำหรับอะไรดีๆทั้งหมดที่เธอทำจนถึงตอนนี้
“ฉันต้องทำงานให้หนักด้วย…” (มามุ)
“อื้ม! มามุซังและฉันอยู่ด้วยกันเราจะทำได้! ถ้ามีแค่ตัวเองฉันไม่ชนะหรอก!” (คูฟา)
“ฉันคิดว่าเธอทำได้…” (มามุ)
“ฉันพูดไม่เก่ง… ฉันไม่รู้ว่าจะพูดนี่ยังไง แต่…” (คูฟา)
คูฟาพูดนุ่มๆ แต่หน้าเธอแดงสดและเธอพูดอย่างกระฉับกระเฉง
คูฟาพยายามให้กำลังใจมามุ ที่เห็นได้ชัดว่าหดหู่อยู่ในแบบของเธอเอง คูฟาดิ้นรนที่จะหาคำพูดที่ดีที่สุดที่เธอหาได้จากประสบการณ์ของเธอ
“ฉันถูกลิตตี้ซังช่วย แต่ฉันยังประมาทและมีสถานการณ์อันตรายหลายครั้ง… แต่ตอนนี้ เพราะมามุซัง ฉันชนะ ฉันไม่เก่งเท่าที่มามุซังคิดว่าฉันเก่ง ถ้าไม่มีพวกเธอสักคน ฉันอาจไม่ได้ยืนอยู่ตรงนี้”
คูฟาพูดเหมือนไม่มีอะไร สายตาเธอมองผ้า
เมื่อได้ยินคำพูดคูฟา เธอกลับไปตรวจสอบความคิดที่ว่าจริงที่แกะลึกอยู่ในเธอ
เมื่อถูกชมโดยผู้ฝึกสอน เธอหลงตัวเองอย่างช้าๆด้วยความคิดว่าเธอมีพรสวรรค์ แม้ว่าภายนอกเธอถ่อมตัว นาตาชายอเธอและมันทำให้เธอรู้สึกว่าเธอมีพรสวรรค์ที่ยิ่งใหญ่
พูดอีกอย่าง เธออิจฉาคูฟาไปครึ่งทางแล้ว
“ฉันถูกชมเพราะพลังเวทมนตร์เยอะ แต่ฉันไม่ได้ซาบซึ้งกับมัน แม้แต่ในการสู้ด้วยเวทมนตร์กับคนนั้นจากเอเกอร์ เอก… ถ้านั่นไม่ใช่แค่การต่อสู้ด้วยเวทมนตร์อย่างเดียว ฉันจะ… ตาย แต่คนนั้นเขาโดดเด่น… เขามีพลังเวทมนตร์สูงและมั่นใจในตัวเอง… โอ้ ฉันไม่ได้อยากล้อเขาหรือทำให้เขาเจ็บ แต่…”
หัวใจขี้อายของคูฟาไม่เคยเหมาะไว้สู้กับคน
ถึงอย่างไร คูฟาตอนนี้โตขึ้นถึงจุดที่ว่าเธอสู้บางคนและชนะได้โดยไม่ระเบิดคลั่ง มันเป็นก้าวเดินที่ใหญ่ คูฟาได้มารู้
“มีหลายอย่างที่ฉันขาดด้วย แต่ฉันตั้งใจที่จะเรียนรู้มันทีละน้อยทีละน้อย ดังนั้นมามุซัง ได้โปรดอย่าเสียกำลังใจและเดินหน้าต่อไป มีคนที่สนับสนุนเธออยู่นะ…”
นาตาชา ที่ฟังเงียบๆเกาหลังหัวในความเขิน
เธอโทษตัวเองอยู่เรื่อยๆที่ปกป้องมามุไม่ได้และสงสัยว่าจะบอกอะไรเธอดี
คูฟากลายเป็นสะพานเชื่อมระหว่างเธอและมามุ เพราะคูฟา เธอสามารถหันหน้าหามามุได้
“…มามุซามะ ฉันเคยพยายามทำให้ได้เลื่อนขั้นสุดชีวิต และไม่คิดเกี่ยวกับสมาชิกปาร์ตี้ของฉัน แต่ผลลัพธ์คือ ฉันถูกปฏิเสธ ฉันยังจำได้เมื่อดีไมล์ซามะรับฉัน ถ้าไม่มีพ่อของเธอ ฉันจะเป็นนักผจญภัยไร้กลุ่ม”
“มามุซามะใจดีต่อนักผจญภัยเหมือนฉัน ที่ไม่รู้เลยว่าฉันเดินเข้าหาอะไรอยู่ ฉันถูกท่านช่วยด้วยเหมือนกัน ฉันขอโทษที่ตอบแทนความเมตตาเธอไม่ได้ และสำหรับอะไรที่เธอต้องทนทุกข์”
“โอ้ ไม่หรอก! ถ้้ามันใช่เพราะเธอ ฉันจะเป็นคนที่…”
และจากนั้น พวกเธอเงียบเมื่อได้รู้ว่าคุยมากกว่านี้ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
นาตาชาเคยเป็นดาวเด่นฟ้าที่ขึ้นจุดสูงๆอย่างเร็ว ในความเป็นจริง เธอพยายามสอบเลื่อนระดับเป็นระดับ 1 ก่อนเพื่อนในปาร์ตี้เธอตาย
หลังจากนั้น เธอได้ข่าว เธอพบว่าตัวเองอยู่คนเดียว เดินไร้จุดหมายและเหมือนเธอพิกลพิการ
ระหว่างถูกทำเหมือนครอบครัวโดยดีไมล์ นาตาชาเรียนรู้ที่จะเป็นมนุษย์ โดยกลับไปที่พื้นฐานหลักๆก่อนเธอเป็นนักผจัญภัย ความทะเยอทะยานจะไต่เต้าของเธอหายไป
มันเป็นที่จุดนี้ที่เธอกลับมามีสติ แม้ว่าเธอเป็นระดับ 1 เธอรู้ถึงความมืดที่รอเธออยู่ข้างหน้า
“…ฉันเห็นนักผจญภัยที่ยิ่งใหญ่มากมาย และฉันรู้สึกเหมือนไม่อยากแพ้ ฉันอารมณ์เสียเมื่อเห็นคนถูกเอาใจ ฉันแม้แต่เข้าวงการธุรกิจนักผจญภัยจนฉันไม่รู้ข่าวพ่อแม่ตายในบ้านนอกจนกว่าจะนานเกินไปแล้ว…”
ลิตตี้คิดถึงหน้าพ่อแม่ในหมูบ้านรูอีซ และเมื่อเห็นสีหน้าเศร้าปนผิดหวังของนาตาชา ลิตตี้รู้สึกได้ รู้สึกได้แน่ๆว่าเธอไม่อยากทำบางอย่างที่เธอต้องเสียใจและไม่ลงมือทำจนกว่ามันสายเกินไป
“มันไม่พอที่แค่อยากเป็นบางอย่าง ท่านต้องการอะไรที่เหนือกว่านั้น… บางอย่างที่ทำให้ท่านอยากไปข้างหน้าต่อเรื่อยๆ รู้มั้ย”
คำพูดนาตาชากลายเป็นบางอย่างที่ให้ลิตตี้จดจำใหม่ด้วยเหมือนกัน เหมือนที่เธอหวังผจญภัยและเป็นผู้กล้าของเรื่องราวต่างๆ และสุดท้ายแค่โดนบังคับให้พบกับความเป็นจริงที่จุดหนึ่ง
วางมือไว้บนหน้าอก ลิตตี้ปิดตาและคิด
“โรม่าซัง, คูฟาซัง ฉันอยากเรียนรู้ ผ่านการผจญภัยของฉัน ฉันปรารถนาไปหลายๆที่และเจอผู้คนมากมาย… ฉันจะอยากเรียนหลายอย่างที่ฉันไม่รู้”
“นั่นมันเหมือนลิตตี้เลย แต่ถ้าเธอรู้มากไป สุดท้ายเธออาจเป็นเหมือนตาแก่นักปราชญ์ คิดยังไง?”
“ฉันคิดว่าเขารู้เยอะ… เขาได้ทำบางอย่างที่ทำให้เขาทำอย่างนั้นรู้มั้ย ฉันไม่ชอบเขาฉันเลยไม่คิดว่าฉันจะตามรอยเท้าเขาหรอก”
“มันก็เป็นประสบการณ์เรียนรู้ดีที่ได้รู้ตัวอย่างที่ไม่ดีด้วย ฉันมีประวัติเองเลย”
โรม่ามองลิตตี้กับคูฟาหลังจากคิดบางอย่าง คูฟาพร้อมด้วยอดีตทาสสาวซบกัน และอควาเรียดูเหมือนลูกอมละลายเพราะเธอเบื่อมาก
โรม่าประทับใจภาพนี้ ที่เธอไม่เคยสร้้างภาพไว้เมื่อเธอตั้งตัวเป็นนักผจญภัย
“ถ้าเราตั้งชื่อปาร์ตี้ว่า…เอ็กซ์พีช ล่ะ?
“เอ็กซ์พีช?”
“เทียบกับอะไรที่เราเจอได้ในโลก เราเป็นแค่ส่วนเล็กๆของมัน แม้แต่ปราชญ์นั่นก็เหมือนกัน แต่แม้ว่าเราเป็นชิ้นเล็กๆตอนนี้ เราจะโตขึ้นแน่นอนและได้ประสบการณ์ผ่านการผจญภัยของเรา… และสร้างสัมพันธ์ กลายเป็นชิ้นใหญ่ขึ้นในโลกนี้”
“เข้าใจแล้ว! งั้นเธอพูดว่าเราจะใช้ประสบการณ์ร่วมกันอีกเป็นเวลาเนิ่นนานใช่มั้ย!”
“ใช่ ถ้าเธอคิดว่ามันเป็นที่มาความเก่งของเรา แม้ว่าเราเจอความลำบากเราเริ่มใหม่ได้ตลอด”
สำหรับลิตตี้ ที่หาแค่ความตื่นเต้นของการผจญภัย มุมมองโรม่ามันสดใหม่
ประสบการณ์ไม่ได้มีเพียงการต่อสู้เท่านั้น มันเกี่ยวกับทุกอย่าง ยิ่งรวบรวมได้มากการผจญภัยยิ่งสนุกมากขึ้น ลิตตี้เชื่อ และเธอคิดแง่ดีเต็มที่
“เราคือเอ็กซ์พีช!”
“เมียนน!”
“แต่วันหนึ่ง เราจะใหญ่ขึ้น…!”
“คูฟาก็ชอบมันด้วย!”
“มันทำให้ฉันรู้สึกเก่ง!”
“ตื่นเต้นมั้ยท่านหญิง?”
อดีตทาสสาวจับแขนคูฟา คูฟารู้สึกว่าเธอสามารถตัดสินได้แล้ว
จนถึงตอนนี้ คูฟาไม่เคยมอบชื่อให้เด็กผู้หญิง เธอลังเลที่จะเอาชื่อให้เธอ เมื่อคิดว่าเธอไม่ดีพอตัดสินใจสำคัญอย่างนั้น
แต่ตอนนี้ เธอได้รู้แล้วว่ามันไม่ใช่วิธีคิดที่ดี เธอจำเป็นต้องมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ ถ้าเธอยังถ่อมตัวมากอยู่ตลอดไป เธอทำให้ทุกคนผิดหวังความชื่นชมที่มีต่อตัวเธอ
คูฟาวางมือบนทั้งสองไหล่ของอดีตทาสสาว
“ให้ฉันเรียกเธอว่ามิไรมั้ย?
“มิไร?”
“ฉันหวังให้เธอทิ้งอดีตที่เป็นทาสไว้ข้างหลัง… และเดินกับเรา…”
“หนูเข้าใจค่ะ นายท่าน ตอนนี้หนูจะเรียกตัวเองว่ามิไร”
มิไรอดีตทาสสาวยิ้ม นาตาชาคิดว่าความคิดหาชื่อเธอไร้เดียงสา แต่แน่นอนว่าเธอไม่ได้พูดออกไป
เธอกังวลเกี่ยวกับพลังเวทมนตร์ของมิไรมากกว่า ซึ่งแม้แต่นักปราชญ์ไม่รู้ แม้ว่าสำหรับเธอ มันยากที่จะไม่สงสัยว่าเธอควรปล่อยอะไรให้มันเป็นต่อไปของมันเองไหม
อย่างไรก็ตาม ความยึดเหนี่ยวคูฟาที่มิไรมีทำให้เธอตัดสินใจว่ามันจะโง่เขลาที่จะคิดว่ามันจะไม่ดี
“และอย่าเรียกฉันว่าท่านหญิง…”
“ได้ค่ะ ท่านหญิง”
“ทำไมกัน…”
คูฟาห่อไหล่ เธออยากทำให้มันชัดเจนว่าเธอไม่ชอบที่ถูกเรียกว่าท่านหญิง แต่มันไม่ได้ผล
ในท้ายที่สุด คูฟารู้สึกว่ามันเป็นผลลัพธ์ที่มิไรเป็นทาสมาก่อนและมันยังต้องใช้เวลาต้องค่อยๆสลายเวทมนตร์ความคิดพวกนั้น
“เอ็กซ์พีชและอนาคตเหรอ? โอ้เอาเหอะน่า ไปไกลเท่าที่เธอไปกันได้เลย!”
“ค่ะ นาตาชาซัง ฉันจะเดินทางไปที่สุดของโลก”
“ที่สุดของโลกเหรอ?”
สีหน้านาตาชากลายเป็นขุ่นมัวแค่ครู่เดียว แต่เธอยิ้มทันที ลิ้ตตี้ รับรู้บางอย่าง และกำลังจะถามเธอ แต่หยุด
“เธอรู้อะไรมั้ย? เมื่อพวกเธอไปสอบเลื่อนระดับเป็นระดับกึ่งสอง มาหาฉัน ฉันจะให้ข้อมูลทั้งหมดที่ฉันรู้”
“ขอบคุณ แต่เราอยากให้ประสบการณ์เป็นของเราเอง”
“มันจะสายไปถ้าเธอตายหรือเสียบางคนไป”
ลิตตี้เงียบกับการตื้อขของนาตาชา หน้าที่ดูเสียใจของเธอบอกถึงประสบการณ์ของเธอว่าคนละเรื่องกับที่ลิตตี้คิด มันเป็นเหตุผลที่เธอเกือบสอบตกสำหรับการเลื่อนระดับเป็นระดับ 1
“…ข้อมูลคืออาวุธที่ยิ่งใหญ่ แต่อย่างแรก สำหรับสอบเลื่อนระดับเป็นระดับสอง ใครคือครูสอบ?”
“คนที่ชื่อว่าโรบินในทาฮาราจาล”
“กางเกงในลามกเหรอ เขาเป็นคนที่อ่านยากที่สุด ฉันจำได้ว่ามีซากปรักหักพังที่กึ่งไม่ได้สำรวจอยู่ในนั้น”
“บริเวณกึ่งไม่ได้สำรวจเหรอ?”
“มีซากปรักหักพังใหญ่อยู่ใต้ดินที่นั่น ฉันไม่เคยไปที่นั่น และฉันไม่รู้ว่าฉันเก่งพอไปที่นั่นมั้ย ฉันไม่แน่ใจว่าฉันช่วยพวกเธอได้…”
“ถ้าอย่างนั้น ฉันอาจช่วยเธอได้”
ก่อนพวกเธอรู้ตัว อิลิซิสยืนที่ทางเข้าห้องพยาบาล เธอมาเหมือนมันเป็นธรรมชาติและชิดใกล้กับลิตตี้และคนอื่นๆ
ไม่มีพวกเธอสักคนที่ตอบสนองได้ระหว่างเธอทำของเธอไปด้วยความเร็วของเธอเอง
“อะไร เธอมาได้ไง…?”
“มันเรื่องง่ายๆสำหรับฉัน โรม่า” (อิลิซิส)
“ใช่ นั่นถูกแล้ว อิลิซิสซังมหัศจรรย์” (ลิตตี้)
“ลิตตี้เธอต้องถามตัวเองสักสองสามคำถามนะ ไม่ใช่คนนั้นเป็นพวกแอบตามเหรอ?” (โรม่า)
“อืม ฉันแค่อยากฉลองการสร้างปาร์ตี้เอ็กซ์พีช” (อิลิซิส)
โรม่าตกใจที่ได้รู้ว่าอิลิซิสฟังพวกเธอมานานแล้วโดยที่พวกเธอไม่รู้ และถามเธอไม่ได้ด้วยซ้ำเกี่ยวกับเหตุการลงอ่างกับลิตตี้
ลูบหัวเมียน อิลิซิสถือโอกาสดึงเก้าอี้มานั่ง
“เป้าหมายพวกเธอคือทาฮาลาจาลถูกมั้ย?”
“ใช่มันจะเป็นการเดินทางไกล”
“ถ้าอย่างนั้นเธอต้องข้ามทะเล ได้เลย ฉันจะมอบของขวัญให้”
อิลิเซียยืนขึ้นและดึงความสนใจทุกคน ตัวตนเธอคู่กับความสูงกับสไตล์ของเธอ เป็นบางอย่างที่แม้แต่โรม่าก็ยอม
แม้ว่าตอนนี้เธอฝึกเป็นนักเต้น เธอรู้ว่าเธอไม่เทียบกับอิลิซิสเลยในแง่ความน่าหลงไหล
“ทะเลมันเป็นที่น่ากลัว ดังนั้นกันไว้ก่อน…”
มุมปากอิลิซิสยกเป็นยิ้มมุมปากและจากนั้นเธอดึงดาบจากฝัก