สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 131 ยั่วยวนข้าหรือ
ในตอนที่นางกำลังรู้สึกถึงความโกรธที่พลุ่งพล่านขึ้นมานั่นเอง ก็ได้ยินเสียงทุ้มต่ำของชายหนุ่มเอ่ยกระซิบที่ข้างหู “อย่าขยับ มันยังอยู่บนนั้น”
ชิงอวี่ชะงักไป มันหรือ?
เงาดำหนึ่งค่อย ๆ ลอยผ่านผิวน้ำไปเกิดเป็นคลื่นน้ำหลายระลอกด้วยกัน
ชิงอวี่ถึงได้เข้าใจว่าเหตุใดเขาจึงไม่ยอมปล่อยนางไป จึงไม่ขยับตัวอีก ทั้งยังเอ่ยถามเสียงเบา “มันคือตัวอะไรหรือ?”
โหลวจวินเหยาถอนหายใจออกมา “ก่อนหน้านี้ข้าไม่พบสิ่งมีชีวิตใดอยู่บริเวณนี้เลย แต่เมื่อลองใช้จิตค้นสิ่งที่อยู่ใต้ทะเลสาบเข้า จู่ ๆ มันก็ออกมาโจมตีข้า ดูจากรูปร่างหน้าตามันแล้ว ข้าคิดว่าคงจะเป็นอสูรสามขามีปีก”
อสูรสามขามีปีกคืออสูรที่สามารถเดินได้และบินได้ รูปร่างคล้ายเหยี่ยว หน้าตาดุร้าย ว่ากันว่าปีกขนาดยักษ์ของมันเมื่อยามสยายออกกว้าง จะกั้นแสงตะวันทั้งฟ้าได้ ทำให้บินโฉบไปทางใดสถานที่นั้นก็จะถูกปกคลุมด้วยความมืดมิด
แม้อสูรวิญญาณบนแดนนี้จะมีระดับสูงสุดที่ระดับสิบ แต่ด้วยอุปนิสัยน่ากลัวนัก แค้นจำฝังลึก สร้างความปวดหัวให้ผู้คนไม่น้อย!
กระทั่งในหมู่อสูรวิญญาณด้วยกันเองก็ยังมีไม่เท่าไรที่กล้าล่วงเกินอสูรสามขามีปีก และหากมีใครกล้าสังหารอสูรสามขามีปีกขึ้นมาละก็ ยินดีด้วย! นับจากนั้นไป คนผู้นั้นจะถูกอสูรสามขามีปีกทั้งโคตรเหง้าไล่ตามล้างแค้นไปไม่จบไม่สิ้น แม้จะแปลงโฉมจนจำไม่ได้ กลิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ยามสังหารอสูรจะติดตัวเขาไป อย่างไรพวกมันก็จะหาตัวพบ
ดังนั้นเมื่อพบอสูรวิญญาณเช่นนี้ สมควรอยู่ให้ห่างจากพวกมันดีกว่า
อาจน่าสงสัยว่าเหตุใดคนอย่างโหลวจวินเหยาที่มีพลังบำเพ็ญสูงส่งยังต้องซ่อนตัวจากอสูรวิญญาณระดับต่ำอยู่ใต้น้ำเช่นนี้ เป็นเพราะนิสัยเจ้าคิดเจ้าแค้น ตามตื๊อไม่หยุดของอสูรสามขามีปีกนี่เอง
ชิงอวี่คิด ๆ แล้วก็กลั้นหัวเราะไม่อยู่ หลุดขำออกมา คงไม่ต้องกล่าวว่าชายหนุ่มจะรู้สึกว่าเรื่องมันน่าเศร้าถึงเพียงไหน
โหลวจวินเหยาเห็นนางหัวเราะก็ฉงนไปเล็กน้อย ไม่นานก็เข้าใจว่านางหัวเราะเรื่องอะไร พลันรู้สึกโกรธขึ้นมา ก่อนจะหยิกเอวนุ่มของเด็กสาวเข้าให้ทีหนึ่ง “กล้าหัวเราะข้าหรือ? หากข้าไม่ช่วยเจ้าไว้ก็คงถูกมันกลืนลงท้องรวดเดียวไปแล้ว!”
แต่หยิกแค่ทีหนึ่งกลับทำให้คนสองคนชะงักไป
โหลวจวินเหยาดูจะประหลาดใจว่าร่างกายของจิ้งจอกน้อยช่างนุ่มนิ่มเสียจริง ดูจะเอวบางลงกว่าครั้งก่อนอีกกระมัง?
ส่วนชิงอวี่ตกใจกับการกระทำของอีกฝ่าย เขากล้าหยิกนางเต็มไม้เต็มมือเช่นนี้ได้อย่างไรกัน!? เรื่องที่กอดเพราะสถานการณ์จำเป็นยกออกไปก่อน แต่เช่นนี้มันจะมากเกินไปแล้วนะ!
สองชีวิตที่นางผ่านมายังไม่เคยมีบุรุษใดกล้าทำกับนางเช่นนี้มาก่อนเลย!
นัยน์ตางามของเด็กสาวคล้ายกับจะมีลูกไฟผุดขึ้นมา จ้องชายหนุ่มด้วยสายตาดุร้ายยิ่ง
“อะไร?” โหลวจวินเหยาเห็นสายตานางแล้วก็เลิกคิ้วถาม
ชิงอวี่กัดฟันอยู่เงียบ ๆ จากนั้นเอ่ยเสียงลอดไรฟันชนิดเน้นทุกคำ “บุรุษสตรีไม่ควรใกล้ชิดกันเกินงาม ท่านปล่อยมือจะได้หรือไม่?”
เขายิ่งเลิกคิ้วขึ้นสูงกว่าเก่า ก่อนจะมองลงมา เห็นว่ามือตนเองตอนนี้ยังโอบรอบเอวเด็กสาวไว้ ทั้งยังรั้งเข้าหาตนเองอีก ทั้งสองร่างแนบชิด ใกล้กันเสียจนได้ยินเสียงหัวใจ
อาจเป็นเพราะเด็กสาวถูกดึงลงน้ำมาโดยฉับพลัน อีกทั้งยังดิ้นขลุกอยู่ในอ้อมกอดเขาเมื่อครู่ ทำให้เสื้อผ้านางไม่เรียบร้อยอยู่เล็กน้อย แถบผ้าที่ผูกแน่นจึงคลายจนเปิดออกเล็กน้อย เผยให้เห็นผิวขาวเนียนและกระดูกไหปลาร้า ส่งผลให้นัยน์ตาสีม่วงหรี่ลงในพลัน
เขายังจำครั้งที่นางบาดเจ็บขณะที่กำลังถอนคำสาปให้เขาได้ ชุดบนร่างนางเปรอะรอยเลือด เขาจึงคิดอยากช่วยเปลี่ยนให้ แต่พอได้เห็นลำคองามและเห็นว่านางไร้ลูกกระเดือกก็พบว่าจริง ๆ แล้วนางเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง
นางแปลงโฉมได้แนบเนียนนัก หลอกเขาได้อยู่นาน เด็กหนุ่มหน้าตาหล่อเหล่า หยิ่งในศักดิ์ศรี ทั้งยังไม่ยอมใครผู้นั้น แท้จริงแล้วเป็นเด็กสาวหน้าตาสะสวยมีเสน่ห์ยวนใจคนหนึ่ง ยามนั้นนางไม่เผยกิริยาเช่นเด็กสาวออกมาเลย แต่เมื่อได้สวมชุดสตรีแล้วทุกท่าทางท่วงท่าล้วนดูเปี่ยมเสน่ห์ดึงดูดใจ
กระทั่งตอนนี้ที่นางใช้สายตาดุร้ายจ้องเขาอยู่ อาจเพราะดวงหน้าเล็กนั้นช่างชวนให้คนหลงใหลนัก นัยน์ตาหงส์แฉลบขึ้นของนางก็น่ามองยิ่ง ไม่ว่าจะมองตรงไหนก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจไปหมด
โหลวจวินเหยาพลันหัวเราะเสียงเบา ก่อนจะยกมือขึ้นปิดตานางไว้ “อย่าใช้สายตาเช่นนี้มองข้าเลย”
ภาพเบื้องหน้าพลันมืดลง ชิงอวี่ชะงักไป จากนั้นก็กัดฟันแน่น “ท่านคิดจะทำอะไร?”
“ไม่เคยมีใครบอกเจ้าหรือว่าดวงตาของเจ้านั้น มันชวนให้คนหลงใหลมากเกินควร?” น้ำเสียงทุ้มต่ำน่าดึงดูดเจือแววขบขันอยู่ภายใน นางรู้สึกคล้ายกับถูกพู่กันขนนุ่มปัดผ่านหัวใจ เป็นความรู้สึกจั๊กจี้เล็ก ๆ
ชิงอวี่พูดไม่ออกอยู่ครู่หนึ่ง ดวงตาที่ถูกปิดไว้กะพริบอยู่สองครา ขนตายาวปัดผ่านฝ่ามือชายหนุ่มเล็กน้อย ครู่หนึ่งนางจึงเอ่ยเสียงเรียบขึ้น “ท่านแกล้งหยอกเด็กสาวเช่นนี้ตลอดเลยหรือไร? ท่านเปิดโลกทัศน์ข้าให้กว้างไกลมากขึ้นกว่าเดิมจริง ๆ”
โหลวจวินเหยาสัมผัสได้ว่าน้ำเสียงนางติดจะเย็นชาอยู่เล็กน้อย เขารีบปล่อยมือทันที จ้องตานางเคร่งขรึม ดูติดใจกับเรื่องที่นางเข้าใจเขาผิดนัก “แกล้งหยอก? ข้าไม่เคยหยอกสตรีที่ไหนมาก่อน”
ตลกแล้วกระมัง! เขาเป็นคนมีชื่อในแคว้นมาร เขายังจะต้องลดตัวมาแกล้งหยอกใคร ๆ ด้วยหรือไร?
เป็นเพราะแม่นางผู้นั้นอารามจันทร์กระจ่างได้แสดงให้คนอื่น ๆ รู้ว่านางชื่นชอบเขา ทำให้เกิดข่าวลือโหมกระพือไปไกลทั่วทั้งแดนเมฆาสวรรค์ว่าเขาเกี่ยวพันกับนางอยู่ช่วงหนึ่ง ทำให้สตรีคนอื่น ๆ ที่คอยทอดสายตาอ่อนหวานให้เขาด้วยความพิศวาส ต่างพากันยอมแพ้ไปทั้งแบบเปิดเผยและไม่เปิดเผย
ด้วยเมื่อเจ้าอารามจันทร์กระจ่างต้องตาชายใดแล้ว ในฐานะที่นางเป็นโฉมสะคราญแห่งแดนเมฆาสวรรค์ที่งามกว่าใคร ๆ แล้วจะมีใครกล้าเทียบนางได้หรือ? พวกนางขอยอมแพ้เสียดีกว่า
และเพราะเรื่องนั้น โหลวจวินเหยาจึงไร้ความรู้สึกใดต่อเหล่าหญิงสาว มีเพียงรู้สึกรังเกียจเท่านั้น สาวงามใดกล้าหันมองเขาเป็นครั้งที่สองจะทำให้เขาโกรธจนอยากควักลูกตาอีกฝ่ายทิ้ง
ดังนั้นเรื่องที่เขาเคยแกล้งหยอกเอินแม่นางที่ไหนจึงไม่เคยเกิดขึ้นอย่างแน่นอน
ชิงอวี่เห็นเขามีสีหน้าจริงจังก็คิดหาคำพูดไม่ออก นานพอควรนางจึงเอ่ยออกมาได้ “หากไม่ได้ทำก็ดีแล้ว เหตุใดท่านจึงต้องดูเคร่งเครียดเช่นนั้น…..”
“เรื่องนี้สำคัญมาก” โหลวจวินเหยายังคงเอ่ยเสียงเครียดต่อไป “เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าเข้าใจสิ่งใดผิดไป ข้าต้องทำให้เจ้ารู้ว่านายท่านที่เจ้าจะติดตามรับใช้ให้ความภักดีเป็นบุรุษมีคุณธรรมและเคร่งครัดยิ่งนัก ไม่ทำให้เจ้าต้องอับอายแน่นอน ดังนั้นเจ้ากลับไปคิดให้ดี”
ชิงอวี่เอ่ยเสียงฉงน “นายท่าน?”
เขาเข้าใจอะไรผิดอยู่หรือไร? เหตุใดนางจึงไม่เข้าใจเรื่องที่เขาพูดเลยเล่า??
โหลวจวินเหยาพยักหน้า “จิ้งจอกน้อยเจ้าเล่ห์เช่นเจ้าที่ซุกซ่อนความลับไว้มากมาย ทั้งยังชำนาญวิชาแพทย์ที่ใคร ๆ ต่างปรารถนา ย่อมดึงดูดคนที่มีเจตนาน่าเคลือบแคลงใจเข้ามาอย่างไม่ต้องสงสัย มีเพียงแต่เจ้าติดตามข้ากลับแดนเมฆาสวรรค์และอยู่ข้างกายข้าเท่านั้นข้าจึงจะสามารถปกป้องเจ้าได้”
ชิงอวี่ “…..”
เขาไปเอาความมั่นใจเช่นนี้มาจากไหนกัน? แล้วหมายความว่าอย่างไรที่ว่ามีเพียงเขาที่จะปกป้องนางได้?
ชิงอวี่เกือบหลุดหัวเราะลั่นออกมาด้วยอารมณ์โกรธ นางใช้หางตาเหลือบมองเขา “ราคาค่าตัวข้าสูงอยู่ เกรงว่าท่านจะจ่ายไม่ไหว”
โหลวจวินเหยาได้ยินแล้วก็ยกยิ้มน่ามอง “ของสิ่งอื่นข้ามีไม่มาก ที่มีมากคือเงินและทอง หากเจ้าชอบ ข้าก็ไม่ลำบากใจที่จะมอบให้เจ้าทั้งหมด”
เขากับไป๋จือเยี่ยนครุ่นคิดมานานแล้วว่าอยากจะเกลี้ยกล่อมตะล่อมให้นางกลับแดนเมฆาสวรรค์ไปกับพวกเขาให้ได้
ชิงอวี่เพียงยิ้มแล้วจำคำเขาไว้ นางเงยหน้าขึ้นมองฟ้า เห็นพระจันทร์ส่องสว่างอยู่ด้านบนแล้ว เมื่อคิดว่าอสูรสามขามีปีกคงจะจากไปแล้วเป็นแน่ นางจึงเคลื่อนกาย หมายจะว่ายไปยังริมทะเลสาบ
ชายหนุ่มที่อยู่เบื้องหลังพลันเอ่ยคำ “ไม่สงสัยหรือว่ามีสิ่งใดอยู่ที่ก้นทะเลสาบนี่กันแน่?”
ชิงอวี่หยุดการเคลื่อนไหว ก่อนจะเอ่ยทั้งที่ยังไม่หันกลับมา “นั่นเป็นเรื่องของท่าน ไม่เกี่ยวข้องกับข้า”
“หากมันเกี่ยวกับเจ้าเล่า?” โหลวจวินเหยาเอ่ยขึ้น
เขากำลังคิดว่าการคาดเดาของตนเองนั้นมีโอกาสถูกต้องอยู่มาก และหากถูกต้องจริง แม้จะเป็นเรื่องที่ทำเพื่อโน้มน้าวให้นางกลับไปแดนเมฆาสวรรค์กับเขาก็ตามแต่ แค่นางก็ควรรับรู้เรื่องนี้เอาไว้
เป็นไปดังคาด ชิงอวี่ได้ยินก็หันขวับ นัยน์ตาฉายแววซับซ้อน “ท่านจะพูดอะไรกันแน่?”
ริมฝีปากโหลวจวินเหยาโค้งขึ้นเล็กน้อย จากนั้นเอื้อมไปรั้งเอวนางกลับลงมา ตอนนี้พวกเขามีเกราะกันน้ำห่อร่างไว้ ดังนั้นจึงเคลื่อนกายใต้น้ำได้ดังใจหวัง
“มารดาเจ้าเป็นคนจากแดนเมฆาสวรรค์ เจ้าเองน่าจะคาดเดาไว้แล้ว” โหลวจวินเหยาเอ่ยเสียงนุ่ม
ชิงอวี่ตอบรับเสียงเบา
“เจ้าอยากพบนางหรือไม่?” โหลวจวินเหยาถามขึ้น
ชิงอวี่ตะลึงไป “นาง….. ยังมีชีวิตอยู่หรือ?”
เป็นไปอย่างที่นางคิดจริง ๆ เยี่ยนซู่ไม่ได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้นางฟัง หรืออย่างน้อย ๆ ส่วนที่บอกว่านางน่าจะตายไปแล้วจากอาการคลอดบุตรยาก นางก็ไม่เชื่อแม้แต่น้อย
โหลวจวินเหยาเห็นนางไม่คิดดีใจเกินควรแล้วก็ถอนหายใจเบาออกมา “นางตายไปแล้ว แต่อาจจะพูดว่าตายสนิทได้ไม่เต็มปากเท่าไรนัก”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?” ชิงอวี่ถามพลางขมวดคิ้ว ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาพูด
“ร่างเนื้อนางยังสมบูรณ์ดี แต่ร่างวิญญาณนั้นไม่สมบูรณ์ มันแตกกระจายหายไปทั่วแดนทั้งหลาย หากสามารถรวมร่างวิญญาณนางเข้าด้วยกันได้ก็จะสามารถชุบชีวิตนางได้” โหลวจวินเหยาอธิบาย
ได้ยินแล้วชิงอวี่ก็พลันกำมือแน่นโดยไม่รู้ตัว “เหตุใดร่างวิญญาณนางจึงแตกกระจายไปเช่นนั้น?”
“เรื่องมันยาว อีกทั้งข้ายังไม่รู้สาเหตุที่แน่ชัดเช่นกัน” โหลวจวินเหยาเอ่ยเสียงไร้หนทางอยู่เล็กน้อย จากนั้นหันมองนาง หยุดพูดไปชั่วอึดใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอีกครั้ง “ดูเหมือนจะเป็นเพราะบุรุษคนหนึ่ง”
ภาพวุ่นวายหลากหลายฉากสลับผ่านกันเข้ามาในใจชิงอวี่ในพลัน
ฉากหนึ่งคืออเวจีอสูร ท้องฟ้าสีเลือด สตรีชุดแดงและชายชุดดำกอดกันแน่น มีดในมือหญิงสาวเสียบลึกลงบนอกของชายหนุ่ม นางคลี่ยิ้มสิ้นหวัง ดูเศร้าแต่ก็ยังงดงาม
ภาพอีกฉากหนึ่งคือชายหนุ่มและหญิงสาวที่กำลังหยอกเอินกันสนุกสนาน มือทั้งสองผสานกัน ซบกันอิงแอบ เป็นภาพที่มองแล้วมีความสุขยิ่ง
ภาพเหล่านี้ฉายผ่านในใจนางอย่างรวดเร็ว เร็วมากจนกระทั่งชิงอวี่คิดว่าตนเองคงคิดไปเอง แต่ลึก ๆ แล้วนางรู้ดีว่ามันเป็นเรื่องจริงที่เกิดขึ้นในอดีต อีกทั้งนางยังได้เห็นพวกมันผ่านความฝันมาหลายครั้งหลายครา
เป็นเพราะบุรุษคนหนึ่งหรือ?
ชิงอวี่ไม่อยากคิดมากเกินควร แต่นางก็คิดได้ถึงข้อสรุปหนึ่ง ชายหนุ่มถูกสังหารด้วยสองมือของหญิงสาว หลังจากนั้นนางก็คลี่ยิ้มเศร้าออกมาแล้วเอ่ยขึ้นว่า “ในที่สุดเราก็ได้อยู่ด้วยกันเสียที”
เช่นนั้นหลังจากชายหนุ่มสิ้นใจไป นางก็เลือกหนทางดับชีวิตตนเองที่เจ็บปวดที่สุดตายตามเขาไป นางทำลายพลังบำเพ็ญทั้งหมด ร่างวิญญาณถูกฉีกกระชากออกอย่างทารุณ ทรมาทรกรรมเหลือแสน
แต่ชิงอวี่สัมผัสได้ว่าคนทั้งสองรักกันมาก เหตุใดจึงมีจุดจบที่น่าเศร้าเช่นนี้ได้?
นางไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร แต่ในที่สุดนางก็รู้สึกว่าเท้าแตะพื้น พวกเขามาถึงที่ก้นทะเลสาบแล้ว
เบื้องหน้านางคือหอยกาบยักษ์ที่เปลือกเปิดออกครึ่งหนึ่ง เปล่งแสงเรืองสีอ่อนออกมา เห็นเป็นร่างคนโปร่งแสงนอนงอตัวแน่นิ่งอยู่ในนั้น
ชิงอวี่ชะงักกึก คล้ายกับเท้าถูกรากไม้เกี่ยวไว้ ไม่อาจรวบรวมความกล้าก้าวเข้าไปได้
“อยู่ที่นี่จริง ๆ” โหลวจวินเหยาหรี่ตาลง หลายปีที่เขาเฝ้าตามหา ในที่สุดก็พบกลิ่นอายส่วนหนึ่งของอาหลานแล้ว
มันอยู่ใกล้เขาเช่นนี้ แต่เขาไม่คิดเลยว่าเศษร่างวิญญาณจะมาอยู่ในสถานที่เช่นนี้
ไม่แน่อาจเป็นเพราะนางไม่อาจละทิ้งเลือดเนื้อเชื้อไขของตนเองไว้เพียงลำพังได้ลงกระมัง