สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 184 เจ้านรกลืมตาตื่น
จากนั้นสิ่งที่อยู่เบื้องล่างริมฝีปากนางก็ขยับ ให้สัมผัสประหลาดน่าสนใจนัก
ชิงอวี่ตั้งสติได้ก่อน จากนั้นก็พบว่านาง….. ล้มเข้าไปเอาปากประกบเข้ากับลูกกระเดือกของชายหนุ่มเข้าพอดิบพอดี
จากนั้นความอึดอัดก็เข้าครอบงำ
ไม่ว่าชิงอวี่จะนั่งอยู่แบบนั้นหรือลุกขึ้นมาก็แปลกทั้งสิ้น พลันรู้สึกพูดไม่ออกบอกไม่ถูกอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเพิ่งหยอกว่านางคิดจะทำมิดีมิร้ายเขา แล้วเมื่อครู่นางก็เพิ่งลงมือกระทำไป
ไป๋จือเยี่ยนยืนตกตะลึงอยู่หน้าประตูนานมากแล้ว มองคนทั้งคู่ที่อยู่บนเตียงตาค้าง นางอยู่ข้างบน อีกคนอยู่ด้านล่าง กำลังกอดกันกลม แล้วดูเหมือนแม่นางน้อยจะจูบอีกฝ่ายเองเสียด้วย ทั้งยังมีสีหน้าขวยเขินสะเทิ้นอาย
เขาออกไปครู่เดียว ทั้งสองมาถึงขั้นนี้กันแล้วหรือ?!
โหลวจวินเหยาลุกขึ้นนั่ง ทำหน้าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น จากนั้นดันไหล่ชิงอวี่ให้ลุกขึ้นด้วย ค่อย ๆ เคลื่อนสายตาไปมองชายหนุ่มที่ยืนทำตาโตที่หน้าประตู “อะไร?”
ไป๋จือเยี่ยนจึงตั้งสติได้ ใบหน้ายังดูซับซ้อนอยู่มาก “พวกเจ้า…..”
“ระหว่างพวกเราไม่มีอะไร สิ่งที่เจ้าเห็นเป็นเพียงภาพมายาเท่านั้น” เขาพูดไม่ทันจบ ชิงอวี่ก็เอ่ยขัดขึ้นมาก่อน
จากนั้นนางจึงขยับร่างลงจากเตียง ยื่นมือหนึ่งออกมา ชุดที่แขวนอยู่ข้าง ๆ ก็ลอยมาทางนาง พริบตาเดียวนางก็สวมชุดเรียบร้อยเต็มยศ
นัยน์ตานางเป็นประกายวาบ มองชายหนุ่มที่ยังนั่งพิงหัวเตียงแล้วพยายามลืมสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไปทั้งหมด “ขอบคุณที่วันนี้ช่วยชีวิตข้าไว้ ท่านเสียเลือดไปมาก ให้ไป๋จือเยี่ยนนำยาบำรุงเลือดให้ท่านได้รวมพลังชี่ในร่าง พักสักสองสามวันก็น่าจะหายดี”
โหลวจวินเหยาส่งเสียงตอบรับ แต่แล้วก็เลิกคิ้วขึ้น “ข้าบังเอิญได้ยินเจ้าทะเลาะกับจิตวิญญาณอาวุธเข้า?”
ชิงอวี่เงียบไปครู่หนึ่ง “ไม่มีอะไรหรอก คิดได้แล้วเขาก็กลับมาเอง”
“เพราะข้าหรือ?”
โหลวจวินเหยายังไม่ลืมว่าก่อนหน้านี้ที่เขาเพิ่งจะได้สติ เขาได้ยินเด็กหนุ่มผมทองถามนางขึ้น “เป็นเพราะเขาถึงได้ไล่ข้าไปหรือ?”
“ท่านไม่ต้องกังวล มันไม่เกี่ยวกับท่านหรอก“ ชิงอวี่ไม่คิดอยากบอกเขา ไหมไหมเป็นจิตวิญญาณอาวุธของนาง เรื่องไม่ดีภายในไม่ควรเอาออก ส่วนที่โหลวจวินเหยาต้องเสียเลือดไปอย่างไม่ได้ทำผิดอะไร นางจะหาทางคืนให้เขาในอนาคต
เห็นได้ชัดว่านางไม่อยากพูด โหลวจวินเหยาจึงไม่คิดถาม แต่มีเรื่องหนึ่งที่นางจำเป็นต้องรู้
“เจ้ารู้ไหมว่าทำไมจู่ ๆ จึงสลบไปแล้วร่างกายก็ถูกแช่แข็งเช่นนั้น?”
ชิงอวี่ชะงักไป “เพราะเหตุใดกัน?”
โหลวจวินเหยานวดสันจมูกตนแล้วเอ่ย “หากเดาไม่ผิด เป็นเพราะผนึกที่อาหลานฝังไว้ในร่างเจ้าในอดีต ที่เป็นเช่นนี้เพราะเกิดผลพลังตีกลับ”
“ผนึก?” ชิงอวี่ขมวดคิ้ว “ท่านหมายความว่าอะไร?”
“เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงบิดาเจ้า” โหลวจวินเหยาหยุดไปเหมือนไม่เต็มใจพูดเรื่องนี้ “โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับมารดาเจ้า ส่วนใหญ่ล้วนเป็นเพราะเขา ตอนนั้นเขาบาดเจ็บหนัก พลังบำเพ็ญถูกผนึก ไม่ต่างกับตายไปแล้ว แต่เป็นอาหลานที่มอบพลังและแก่นพลังวิญญาณในร่างเพื่อยื้อลมหายใจเขาไว้ ดึงเขากลับจากยามโลก”
“เช่นนั้น….. เรื่องราวที่เหลือเล่า?”
ได้ยินดังนั้น ชิงอวี่ไม่ได้เผยอารมณ์มากนัก แต่ในเมื่อนางเพิ่งได้ยินเรื่องครั้งแรกจึงอดสงสัยไม่ได้
“อีกเหตุผลหนึ่งคือ ตอนนั้นอาหลานกำลังตั้งครรภ์ อีกทั้งตอนที่กำลังโศกเศร้ากับเรื่องบิดาเจ้า นางเองก็บาดเจ็บ นางจึงไม่คิดอยากมีชีวิตอยู่ต่อ” โหลวจวินเหยาเอ่ยเสียงเบา
ชิงอวี่พยักหน้า “แล้วมันเกี่ยวอะไรกับการที่ร่างข้าจู่ ๆ ถูกแช่แข็งเล่า?”
“ในแดนเมฆาสวรรค์มีกลุ่มอำนาจหลักทั้งหมด 5 กลุ่ม หนึ่งในนั้นมีพลังที่ลึกลับเป็นยิ่งนัก ไม่มีใครรู้จักพวกเขามาก พวกเขาคือชนเผ่าหมาน ตอนนี้มีหัวหน้าเผ่าเป็นคนที่ชื่อว่าเหยียนจู คนอื่นอาจไม่รู้นัก แต่หัวหน้าเผ่าเมื่อสักร้อยปีก่อนของพวกเขาคือคนที่เคยสะเทือนทั้งแดนมาแล้วไม่มีใครไม่รู้จักชื่อเขา นั่นคือม่อจิ่งอวี้ นับเป็นชื่อที่สลักลงในใจของสตรีทั้งหลาย พวกนางต่างหมายมั่นปั้นมือจะเป็นภรรยาของเขาให้ได้”
“ว่ากันว่าเขาเป็นชายที่หล่อเหลาที่สุดบนแดนเมฆาสวรรค์ ชื่อเสียงเขาดังไกล ล่อลวงเอาใจหญิงสาวมานับไม่ถ้วน ทำเอาพวกนางกินไม่ได้นอนไม่หลับ มัวแต่เฝ้าคะนึงหา แต่ถึงจะมีท่าทางขี้เล่นใจร้อน เขาก็เป็นผู้นำของเจ้านรกทั้งสามแห่งแดนเมฆาสวรรค์ ควบคุมขุมพลังทั้งหมดบนแดนได้ คงพอนึกออกว่ามีหลาย ๆ คนหมายตาเขาไว้มากมายขนาดไหน”
“แต่เขากลับอยากใช้ชีวิตอิสระไร้การยับยั้ง และไม่ว่าพลังอำนาจจะหอมหวนเพียงไหน ก็ไม่อาจผูกมัดใจรักเสรีนั้นได้ ทั้งพลัง ฐานะ และพรสวรรค์ในพลังบำเพ็ญที่คนอื่น ๆ เฝ้าฝันหา เขาคว้ามาได้ทั้งสิ้น แต่เขาไม่ใส่ใจพวกมัน เวลาผ่านไปเรื่อย ๆ คนอีกสองคนจึงเริ่มไม่พอใจ เริ่มวางแผนสังหาร”
“ม่อจิ่งอวี้เกิดมามีหัวใจผลึกแก้วเย็นยะเยือก ร่างกายไม่เหมือนใครอื่น ดังนั้นความสามารถพิเศษเฉพาะตัว นั่นคือความเร็วในการบำเพ็ญพลังนั้นจึงสูงกว่าปกติถึงสิบเท่า อีกทั้งยังเป็นอมตะ ไม่ว่าบาดแผลจะหนักเพียงไหน แต่ร่างกายจะฟื้นตัวไวนัก ดังนั้นจึงมีหลายคนคิดวางแผนฆ่าเขา คิดว่าหากตนได้ถือครองใจน้ำแข็งนั้นก็จะได้รับพลังเช่นเดียวกัน เปลี่ยนชะตาครอบครองโลกาได้”
“วันหนึ่งเขาพบว่าพลังบำเพ็ญค่อย ๆ ถดถอยลง ร่างกายอ่อนแอ หัวใจเริ่มถูกแช่แข็ง เพียงแค่ข้ามคืน หัวใจผลึกแก้วน้ำแข็งของเขาก็เหมือนกับจะสิ้นพลังไป หากมันแข็งไปจนหมด เขาก็ต้องตายอย่างไม่ต้องสงสัย เมื่ออาหลานรู้เข้า นางก็นำไอเย็นที่กำลังกัดกินใจเขาไป แบ่งครึ่งหนึ่งมายังเจ้าเพื่อรักษาชีวิตม่อจิ่งอวี้”
ชิงอวี่จึงพอเข้าใจสถานการณ์โดยคราว ๆ ร่างกายนี้มีผนึกติดมาแต่กำเนิด ดูจากเรื่องตอนนี้แล้ว อาจเป็นเพราะพลังเยือกแข็งจากบิดาที่นางไม่เคยพบมาก่อนถูกปลดปล่อยออก ทำให้ผนึกอีกครึ่งหนึ่งเกิดทำงานไปด้วย
ท่านแม่ของนางไม่รู้ว่ารักท่านพ่อที่นางไม่เคยพบมากเกินไปหรือไม่ ถึงได้ใจดำกับเลือดเนื้อตนเองเช่นนี้เพราะบุรุษที่ตนรัก ไม่รู้ว่าจะซาบซึ้งกับความรักล้ำลึกระหว่างคนทั้งสองที่ทั้งน่ารันทดและน่าประทับใจ หรือจะโทษความใจดำของท่านแม่นางดี
เห็นสีหน้านางดูจนใจเช่นนั้นแล้ว โหลวจวินเหยาก็นัยน์ตาเป็นประกายเฉียบคม “เจ้าอย่าโทษอาหลานเกินไปเลย นางพยายามทำให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุดแล้ว เลือกสิ่งที่ดีกับทั้งสองฝ่ายที่สุด แต่กลับทำร้ายตนเองมากที่สุด”
ชิงอวี่ยิ้มพลางเอ่ย “ข้าเข้าใจดี”
โหลวจวินเหยาเห็นว่านางไม่คิดมาก จึงเอ่ยเสียงเห็นด้วย “ดูท่าผนึกน้ำแข็งในร่างบิดาเจ้าคงจะถูกปลดออกแล้ว เพียงแต่เขายังไม่ฟื้นเท่านั้น เขาฟื้นเมื่อไหร่ ทั่วแดนเมฆาสวรรค์คงเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่แน่ ข้าอาจต้องเดินทางกลับไป ไม่อาจกลับมาที่นี่ได้ระยะหนึ่ง”
ม่อจิ่งอวี้ผู้นั้น นอกจากนิสัยไม่ยอมใครของเขา ที่แม้จะเรื่องเล็กเพียงไรก็ต้องแก้แค้นเอาคืนให้สาสมแล้ว เขายังเป็นผู้นำแห่งเจ้านรกทั้งสามที่สะท้านสะเทือนทั้งแดนเมฆาสวรรค์ได้ ตัวตนที่สูงส่งเช่นนั้นกลับถูกลอบทำร้ายจนกลายเป็นตกต่ำถึงเพียงนี้
แต่เขาอดรู้สึกไม่ได้ว่า….. เรื่องนี้ต้องเกี่ยวพันกับยัยแม่มดแก่ที่อารามจันทร์กระจ่างเป็นแน่
เห็นเขาเอ่ยเสียงจริงจังเช่นนั้น ชิงอวี่ก็อดเป็นกังวลไม่ได้ “เช่นนั้นท่านก็ระวัง อย่าให้ตนเองเข้าไปพัวพันเสียเล่า”
“อะไรกัน เจ้าเป็นห่วงข้าหรือ?” โหลวจวินเหยาถามพร้อมรอยยิ้มซุกซนมุมปาก นัยน์ตาสีม่วงจ้องมองนางเป็นประกายระยับ
ชิงอวี่กลอกตาใส่เขา “ท่านไม่รู้สภาพร่างกายตนเองดีที่สุดหรอกหรือ? หากได้รับบาดเจ็บเข้าก็อาจเสียชีวิตที่เหลืออยู่อีกครึ่งเลยก็เป็นได้”
โหลวจวินเหยายิ่งยิ้ม “ในเมื่อเป็นห่วงข้า ไม่กลับแดนเมฆาสวรรค์กับข้าเสียเลยเล่า? เจ้ามีพลังรักษาร่างตนเองจากม่อจิ่งอวี้ อีกทั้งยังรักษาคนอื่นได้ มีเจ้าข้างกาย ข้าก็ไม่ต้องกังวลอะไรอีก”
“ท่านฝันอยู่หรือ” ชิงอวี่เม้มปาก “ตอนนี้ข้าไม่คิดจะไปแดนเมฆาสวรรค์ สถานการณ์ที่นั่นปั่นป่วนวุ่นวายเช่นนี้ ข้าคงได้ถูกหนึ่งในขุมอำนาจที่นั่นสังหารเสียก่อนจะได้พบท่านพ่อท่านแม่ที่ยังไม่เคยเห็นหน้ากระมัง”
โหลวจวินเหยาเห็นแล้วก็ขบขัน หัวเราะออกมา “เจ้ามีตัวตนเช่นนี้ จะเดินบนแดนเมฆาสวรรค์อย่างไรก็ได้ทั้งนั้น ใครไม่ประสากล้าเอาชีวิตเจ้า จะได้ถูกม่อจิ่งอวี้ฆ่าล้างตระกูลเข้าให้”
ชิงอวี่ไม่สนใจ แต่จู่ ๆ ก็จ้องเขาด้วยสายตาซับซ้อนเข้า “จริง ๆ ข้าสังเกตมาครู่หนึ่งแล้ว ระหว่างท่านกับท่านพ่อของข้าผู้นี้ พวกท่าน ….. มีเรื่องอะไรบาดหมางกันงั้นหรือ?”
“ทำไมจึงกล่าวเช่นนั้น?”
“ท่านเรียกท่านแม่ว่าอาหลาน แต่กลับเรียกชื่อท่านพ่อตรง ๆ ตอนที่ท่านพูดถึงเขาก่อนหน้านี้ก็มีสีหน้าดูถูกมาก”
โหลวจวินเหยาตาเป็นประกาย แม่นางน้อยต้องตาแหลมถึงเพียงนี้เลยหรือ?
ถึงเขาจะดูถูกอีกฝ่ายจริง เขาย่อมไม่แสดงมันออกมา ดังนั้นจึงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที “ข้าจะให้ไป๋จือเยี่ยนและคนในหอเมฆาเคลื่อนรั้งอยู่ที่นี่ หากมีเรื่องอะไรที่เจ้ารับมือไม่ได้ก็มาหาไป๋จือเยี่ยนเสีย หรือจะให้ยูนิคอร์นอสนีบาตส่งคำมาถึงข้าก็ได้ เจ้าจำไว้ให้ดี อย่าให้ตนเองบาดเจ็บอีก”
ได้ยินดังนั้น ชิงอวี่ก็ไม่ถามคำถามก่อนหน้าอีก แต่ตอบปฏิเสธแทน “เช่นนั้นไม่ได้ ไป๋จือเยี่ยนเป็นนักปรุงยา ท่านบอกว่าแดนเมฆาสวรรค์ช่วงนี้จะไม่สงบสุขเท่าไหร่ หากทิ้งเขาไว้ที่นี่ หากบาดเจ็บหรือป่วยขึ้นมาจะทำอย่างไร? อีกทั้งท่านบอกว่ามีศัตรูมากหน้าหลายตา ท่านยังจะกล้าทิ้งนักปรุงยาไว้ที่นี่อีกหรือ?”
“คนส่วนมากไม่อาจเข้าใกล้ข้าได้ง่าย ๆ อยู่แล้ว ทั้งยังไม่อาจทำร้ายข้าได้ เขาเป็นคนที่ข้าไว้ใจ ทิ้งเขาไว้ที่นี่ทำให้ข้าสบายใจได้มากกว่า” โหลวจวินเหยาว่า ยังคงยืนกรานจะทิ้งคนไว้
เมื่อเห็นว่าไม่อาจโน้มน้าวคนได้ ชิงอวี่ก็ฉงนไม่น้อย “ท่านกลัวจะมีคนมาลักพาตัวข้าไปหรือ? ข้าดูเป็นคนไร้ค่าไร้ประโยชน์เช่นนั้นเลย?”
“หากเชผิญหน้าเข้ากับเฟิ่งเทียนเหิงตัวปลอบตอนเขากลับมา เจ้าจะทำอย่างไร?” โหลวจวินเหยาลูบหัวปลอบนาง “เจ้าเป็นเด็กดีแล้วฟังคำข้า เจ้าบอกว่าเขาเป็นคนพิเศษ พลังของเจ้าถูกจำกัดยามอยู่ต่อหน้าเขาไม่ใช่หรือ? หากใจเขาคิดไม่ดีหรือมีแผนชั่วคิดทำไม่ดีกับเจ้า เด็กสาวตัวเล็ก ๆ เช่นเจ้ามีหรือจะต้านทานเขาได้เอง?”
แผนชั่วคิดทำไม่ดี…..
ชิงอวี่เงยหน้ามองเขา เป็นอย่างที่คิด นางเห็นเขามองมาพร้อมรอยยิ้มชั่วร้ายนั่นอีกแล้ว
บัดซบ เจ้าหมอนี่พยายามจะบอกว่าเขากำลังเอาเปรียบนางอยู่ใช่หรือไม่?
อย่างที่คิดเลย นางต้องถอยให้ห่างเขาเข้าไว้ ไม่เช่นนั้นหากไม่ทันระวังจะถูกกับดักเอาได้
“ให้เขาไปกับท่านเถอะ ข้าไม่ได้อ่อนแออย่างที่ท่านคิด ท่านดูร่างผอม ๆ ของไป๋จือเยี่ยนผู้นั้น ด้านวิชาแพทย์ข้าก็เก่งกว่าเขา เรื่องต่อสู้ วิชาข้าก็ยังแกร่งกว่าเขา หรือจะเป็นเรื่องพลังบำเพ็ญ ข้าก็ไม่ด้อยไปกว่าเขา ท่านทิ้งเขาไว้ก็เปล่าประโยชน์”
อาจเพราะคำที่เขากล่าว ชิงอวี่จึงโพล่งทุกอย่างในหัวออกมาหมด ไม่คิดสักนิดว่าหัวใจดวงน้อยอันเปราะบางของไป๋จือเยี่ยนอาจจะเจ็บปวดรวดร้าวได้ โชคดีที่เขาออกไปนานแล้ว ไม่เช่นนั้นคงได้กระอักเลือดตายคาที่ยามได้ยิน
เห็นนางดื้อดึงเช่นนั้นแล้ว โหลวจวินเหยาก็ไม่อยากถกเถียงอีก ได้แต่ถอนหายใจ เด็กสาวยังไม่ทันตั้งตัว เขาก็ดึงนางมากอดแล้ว
“สัญญากับข้าว่าเจ้าจะดูแลตนเองดี ๆ”
เป็นแค่คำพูดธรรมดาประโยคหนึ่งเท่านั้น แต่กลับรู้สึกเหมือนมันเต็มไปด้วยคำพูดมากมาย อีกทั้งน้ำเสียงยังออกกังวลด้วย
ไม่รู้ทำไม ชิงอวี่จึงไม่ขัดขืน แต่กลับตอบกลับเสียงเบา “ข้าสัญญา”