สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 2 งามล่มเมือง
บทที่ 2 งามล่มเมือง
อาณาจักรชิงหลานเป็นอาณาจักรที่ล้อมรอบไปด้วยหุบเขาลำธาร มีพื้นที่อาณาจักรที่ได้เปรียบทางภูมิศาสตร์เป็นอย่างมาก มีประชากรอาศัยอยู่มากมายและมีดินแดนอุดมสมบูรณ์ ผู้คนที่นี่ทั้งจริงใจและไร้เล่ห์เหลี่ยม ปัจจุบันทั้งสามอาณาจักรต่างถ่วงดุลอำนาจกันอย่างสมดุล ทว่าด้วยเหตุผลที่กล่าวมาข้างต้นจึงทำให้อาณาจักรแห่งนี้มีอำนาจต่อรองเหนือกว่าอีกสองอาณาจักรอยู่เล็กน้อย
เหตุผลที่อาณาจักรชิงหลานมีอำนาจในการต่อรองเหนือกว่าไม่ใช่เพียงเพราะข้อได้เปรียบทางภูมิศาสตร์เพียงเท่านั้น แต่เป็นเพราะอาณาจักรแห่งนี้มีฮ่องเต้ผู้มีสายตากว้างไกลร่วมอยู่ในสาเหตุนี้ด้วย
อาณาจักรชิงหลานยังมีหย่งอันอ๋องผู้รบชนะในทุกสงคราม หรืออีกชื่อว่าเยี่ยนซู่ อยู่ในอาณาจักร เมื่อได้ยินชื่อของเขาก็สามารถทำให้แม่ทัพจากอาณาจักรอื่น ๆ เกรงกลัวได้แล้ว
ช่วงหลายปีมานี้ ชื่อเสียงของบุตรชายคนโตของเขา เยี่ยนซีเฉิง ก็โดดเด่นขึ้นอย่างรวดเร็วเช่นกัน ได้ติดตามท่านอ๋องไปเอาชนะศึกอยู่บ้าง อายุเพียงยี่สิบปีทว่ากลับได้รับตำแหน่งแม่ทัพไปครองได้แล้ว เรียกได้ว่าตระกูลเยี่ยนในใจฮ่องเต้สูงพอควรทีเดียว
“องค์หญิง ฝ่าบาทกับท่านแม่ทัพจะกลับมาเมืองหลวงวันนี้ ด้านนอกคงจะมีแต่ประชาชนพากันมาดูกองทัพ แต่ว่าทำไมท่านถึงดูไม่เป็นกังวลเลยล่ะเจ้าคะ” หญิงรับใช้ที่ปิ่นสองชิ้นปักอยู่บนมวยผมพึมพำถามขึ้น ระหว่างที่กำลังเสียบปิ่นมุกชิ้นสุดท้ายลงบนมวยผมของนายหญิง
หญิงสาวที่นั่งหน้ากระจกสำริดเงยหน้าขึ้น ช่างเป็นภาพที่สวยงามตรึงตายิ่งนัก
ที่โดดเด่นหนือสิ่งใดคือรอยดอกไม้สีชมพูจางดูมีเสน่ห์เย้ายวนที่ประดับอยู่เหนือหน้าผากขาวผ่อง
หาได้มีใครแต่งแต้มรอยดอกไม้นี้ลงบนหน้าผากงามแต่อย่างไร ทว่าดอกไม้ศักดิ์สิทธิ์นี้เป็นปานที่มีแต่กำเนิด ดอกไม้ดอกนั้นยังมีชื่ออันไพเราะว่าดอกจื่อยวน
เมื่อสิบหกปีก่อนนางได้ลืมตาดูโลกขึ้นในจวนอ๋อง วันนั้นท้องฟ้าครึ่งหนึ่งเปลี่ยนเป็นสีแดง กลุ่มเมฆหลากสีก่อตัวขึ้นเป็นรูปพญาหงส์ทะยาน
ฮ่องเต้แห่งอาณาจักรชิงหลานยินดียิ่งนัก มอบตำแหน่ง “หนิงเฟิ่ง” ให้กับองค์หญิงน้อยที่เพิ่งลืมตาดูโลก แล้วยังจัดการหมั้นหมายระหว่างนางกับองค์รัชทายาทซวนหยวนเช่อให้อีกด้วย
เยี่ยนหนิงลั่วนั้นเหมาะสมที่จะเรียกว่าหงส์ยิ่งนัก นางมีทั้งพรสวรรค์และความเฉลียวฉลาด พื้นฐานร่างกายและโครงสร้างกระดูกของนางโดดเด่นยิ่งนักจนสามารถดึงดูดความสนใจจากเจ้าสำนักละอองหมอกซึ่งเป็นหนึ่งในสามสำนักใหญ่ และรับนางเข้าเป็นศิษย์สายตรง
สำหรับอาณาจักรชิงหลานแล้วนับเป็นเกียรติอันสูงส่งยิ่งนัก
เยี่ยนหนิงลั่วยังเป็นต้นแบบให้บุตรีตระกูลชั้นสูงตระกูลต่าง ๆ พากันเคารพและปฏิบัติตาม ไม่เพียงแต่บุรุษที่หลงใหลในตัวนาง กระทั่งสตรีก็ไม่อาจต้านทานเสน่ห์ยวนใจของนางได้
ยิ่งไปกว่านั้น นิสัยใจคอของเยี่ยนหนิงลั่วค่อนข้างเย็นชา ใบหน้าที่สามารถล่มเมืองทั้งเมืองได้ เมื่อรวมกับท่วงท่าเย็นชาดั่งน้ำแข็งแล้ว ยิ่งทำให้นางดูบริสุทธิ์ราวกับเทพเซียนที่ลงมาเกิดบนโลกมนุษย์ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้คนต่างใฝ่ฝัน และให้ความเคารพนับถือนาง
หญิงรับใช้ที่อยู่เบื้องหลังยังคงพึมพำบางสิ่งต่อไป จนตอนที่เยี่ยนหนิงลั่วพลันลุกขึ้นยืน หญิงรับใช้ตกใจตัวโยน นัยน์ตาเบิกกว้างไม่อาจเอ่ยอันใดออกมา ทันใดนั้นน้ำเสียงหญิงสาวที่เต็มไปด้วยความสง่างามและมีเสน่ห์ก็ค่อย ๆ ดังขึ้น “ไปเถอะ”
หญิงรับใช้ได้ยินดังนั้นจึงหายชะงักค้างไป รีบหยิบผ้าคลุมหน้าผืนบางที่วางอยู่ด้านข้างขึ้นมา “องค์หญิงต้องการผ้าคลุมหน้าหรือไม่เจ้าคะ? วันนี้ข้างนอกคนเยอะมาก หากท่านออกไปเช่นนี้ต้องเอะอะวุ่นวายเป็นแน่”
“ไม่ต้องกังวล ข้าไม่เปิดเผยตัวตนหรอก” เยี่ยนหนิงลั่วกล่าวขึ้นอย่างไม่ใส่ใจ จากนั้นเดินออกไปจากห้อง สายตาพลันมองไปยังมุมหนึ่ง จากนั้นนัยน์ตานางก็ดำมืดลง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้น “วันเช่นนี้ อย่าลืมจับตามองพวกเขาไว้ให้ดี อย่าให้พวกเขาออกจากบ้านได้ยิ่งดี”
“เจ้าค่ะองค์หญิง”
ท่านอ๋องผู้นี้ได้รับความโปรดปรานจากฮ่องเต้ในทุกด้าน เช่น เรื่องอาหารการกิน เรื่องเสื้อผ้า เรื่องการเดินทาง ในวังหลวงแล้วไม่มีผู้ใดสามารถเทียบเทียมท่านหย่งอันอ๋องผู้นี้ได้
ทว่าในจวนหย่งอันอ๋องอันกว้างใหญ่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่ความหรูหราโอ่อ่าแห่งนี้ ยังมีสถานที่หนึ่งที่ดูแล้วไม่เหมือนกับอยู่ในจวนหย่งอันอ๋อง สถานที่นั้นห่างไกลผู้คนและเงียบสงบยิ่งนัก เป็นสถานที่ที่ติดกับเรือนพักของข้ารับใช้ ทั้งยังไร้ซึ่งความประณีต และยังเรียบง่ายที่สุดในเรือนหย่งอันอ๋อง
ถึงเรือนแห่งนี้จะห่างไกลผู้คนและแสนจะเรียบง่าย ทว่าก็เป็นเรือนที่เงียบและสงบสุขยิ่ง เนื่องจากไม่ค่อยมีคนแวะเวียนมา
ที่สวนด้านนอกมีโต๊ะหินตั้งอยู่ตัวหนึ่ง ชายหนุ่มผู้หนึ่งกำลังนั่งอ่านหนังสือเงียบ ๆ อยู่บนเก้าอี้หิน มองดูแล้วคนผู้นี้อายุราวสิบสามถึงสิบสีปี่ คิ้วของเขาโค้งงามดั่งคันศร นัยน์ตาหงส์ที่หางตาเฉียงขึ้นอย่างมีเสน่ห์ มองแล้วชวนให้รู้สึกมีชีวิตชีวา เขามีผิวเนียน ริมฝีปากสีชมพูอ่อน และมีจมูกโด่งเป็นสัน
ทันใดนั้นประตูภายในเรือนก็ถูกเปิดออก ชายหนุ่มเงยหน้าขึ้นมอง จากนั้นก็แข็งค้างไป
เขาเห็นชายหนุ่มร่างบางคนหนึ่ง ชุดสีม่วงของเขาที่สวมอยู่ช่วยขับผิวขาวราวกับหยกขาวได้เป็นอย่างดี มองดูแล้วหล่อเหลายิ่งนัก ผมยาวถูกรวบขึ้นสูงอย่างประณีตด้วยผ้ารัดผมตึงแน่น จนไม่มีผมเส้นใดหลุดออกมา ใบหน้าของชายหนุ่มผู้นี้คล้ายกับชายหนุ่มที่นั่งอ่านหนังสืออยู่บนม้านั่งหินเป็นอย่างมาก ทว่าเมื่อเทียบกับชายหนุ่มชุดม่วงที่ดูงดงามน่ามอง ผู้เต็มไปด้วยความเมตตาคุณธรรมผู้นี้แล้ว หางตาของชายหนุ่มผู้นี้กลับตวัดสูงขึ้นกว่าเล็กน้อย ทำให้ดวงหน้านี้ดูมีเสน่ห์เย้ายวนแบบชั่วร้ายราวกับจิ้งจอกเจ้าเล่ห์
ชายหนุ่มชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นจึงเอ่ยขึ้นด้วยความสับสน “ชิงอวี่?”
ชายหนุ่มหน้าตาดีผู้นั้น ไม่ใช่ชิงอวี่แต่งเป็นบุรุษมาหรอกหรือ?
ในเมื่อน้องชายแท้ ๆ ของนางยังไม่อาจจำนางได้ นางจึงคิดว่าเช่นนั้นถึงจะจ้องหน้ากัน ผู้อื่นคงจำนางไม่ได้กระมัง
“เหตุใดเจ้าถึงแต่งตัวเช่นนี้?”
ชิงอวี่เหลือบมองเขา “เสด็จพ่อของเจ้ากลับมาแล้ว เจ้าไม่ไปต้อนรับเขาหรือ?”
“ท่านเองก็เป็นเสด็จพ่อของเจ้าด้วยเช่นกัน” ชิงเป่ยโต้กลับพร้อมกับขมวดคิ้วแน่น
“ข้าบอกเจ้าหลายครั้งแล้ว ข้าไม่ใช่ชิงอวี่ตัวจริง ข้ามาจากอีกโลก มีชื่อว่าชิงอวี่เหมือนกันเท่านั้น”
“ข้าไม่สนว่าเจ้าจะมาจากโลกไหน เจ้าคือชิงอวี่ เป็นพี่สาวของข้า ถึงเจ้าจะไม่ใช่ แต่ตอนนี้เจ้าก็อยู่ในร่างของชิงอวี่ เรื่องเหล่านั้นเป็นสิ่งที่เจ้าปฏิเสธไม่ได้”
ตั้งแต่ชิงอวี่มายังโลกอันแปลกประหลาดแห่งนี้เมื่อหกปีที่แล้ว บทสนทนาเช่นนี้จะมีให้เห็นเป็นครั้งคราวยามคนทั้งคู่คุยกัน
โดยเฉพาะตอนที่นางรักษาขาทั้งสองข้างของเขาจนหายดี วินาทีที่เขาสามารถลุกจากเก้าอี้เข็นได้ สายตาที่มองมายังชิงอวี่ก็ดูเหมือนได้ตัดสินใจเรื่องบางอย่างได้แล้ว ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขาก็ตัวติดกับนางราวกับเป็นกอเอี๊ยะหนังสุนัข ทั้งยังกล่าวว่าเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ควรทำและถูกต้องแล้วอีกต่างหาก (1)
สิ่งที่ชิงเป่ยมั่นใจนั่นคือคนผู้นี้ไม่ใช่ชิงอวี่ตัวจริงอย่างแน่นอน แถมนางยังมีความลับมากมายซุกซ่อนไว้ ซึ่งยังไม่มีผู้ใดล่วงรู้เรื่องเกี่ยวกับนางได้สักเรื่องเดียว
ดังเช่นที่นางสามารถรักษาขาพิการของเขา ที่กระทั่งหมอหลวงยังจนปัญญาให้หายดีได้ แล้วยังมีตอนที่นักฆ่าชุดดำแอบลอบเข้ามาสังหารพวกเขา ชิงอวี่ก็สามารถจัดการคนพวกนั้นโดยที่ไม่มีใครล่วงรู้ได้อีก
เขารู้เพียงว่านางไม่ทำร้ายเขาอย่างแน่นอน ไม่เช่นนั้นนางคงไม่เสี่ยงชีวิตช่วยเขาในตอนนั้นไว้
ชิงอวี่จ้องตาเขาเงียบอยู่ชั่วขณะ ก่อนจะละสายตาไปและเอ่ยขึ้นน้ำเสียงเย็นชา “เปลี่ยนชุด แล้วไปกัน”
เทียบกับเด็กหญิงอายุสิบสามถึงสิบสี่ปีแล้ว ไม่ค่อยมีใครสูงและมีรูปร่างเพรียวบางได้เท่าชิงอวี่ ดังนั้นเมื่อนางแต่งกายอย่างบุรุษจึงดูไม่แปลกตา ทว่ากลับยิ่งดูเหมือนบุรุษยิ่งกว่าชิงเป่ยที่เป็นเด็กผู้ชายเสียอีก
แต่อย่างไรชิงเป่ยก็ยังไม่เคยพบเด็กผู้หญิงคนใดที่….. ตรงไปตรงมาเช่นนาง
ยามเมื่อชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาสองคนปรากฏตัวขึ้นบนท้องถนน ผู้คนก็เริ่มเอะอะโวยวายขึ้นในทันใด
โดยเฉพาะนัยน์ตาเย้ายวนของชิงอวี่ แม้ว่าตอนนี้นางไม่ได้กำลังส่งสายตาล่อลวงคน แต่เพียงนัยน์ตาคู่นั้นเหลือบมองไปทางผู้ใดก็สามารถทำให้ผู้คนแทบจะสยบแทบเท้านางได้แล้ว
หญิงสาวทุกนางต่างมีนัยน์ตาส่องประกายแวววับใจเต้นแรง ดูท่าพวกนางจะพากันลืมไปเสียสิ้นว่าวันนี้เป็นวันที่พวกนางกำลังรอต้อนรับการกลับมายังเมืองหลวงของท่านหย่งอันอ๋อง ความสนใจทั้งหมดของพวกนางถูกจับจองไปที่ชายหนุ่มทั้งสอง เพียงให้ได้สบตากับพวกเขาสักครั้งพวกนางจึงจะสงบใจลงได้
เป็นเพราะการปรากฏตัวขึ้นอย่างกะทันหันของพวกเขาทำให้จิตใจหญิงสาวของพวกนางเต็มไปด้วยความยินดีปรีดา ทว่าก็ต้องยิ่งเสียใจและเคืองใจยิ่งนักที่ไร้การตอบรับจากชายหนุ่มทั้งสอง
— หอเมฆาเคลื่อน —
หลังจากที่สามารถหลบออกมาจากฝูงชนด้วยความยากลำบากได้แล้ว กระทั่งชิงเป่ยยังรู้สึกหอบหายใจเหนื่อยอยู่บ้าง
ขาของเขาหายดีมาเป็นเวลาสองปีแล้ว ทว่าเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากเกินไป เขาจึงไม่เคยลุกขึ้นยืนหรือเดินต่อหน้าใครมาก่อน ดังนั้นยามเมื่อต้องฝ่าคนมากเช่นนี้เขาจึงรู้สึกว่ารับมือยากไปหน่อย
ส่วนตัวการที่ทำให้เขาต้องพบเจอกับเรื่องเช่นนี้กลับไม่หอบเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย
เชิงอรรถ
(1) กอเอี๊ยะหนังสุนัข หรือ ยาราคาถูกที่ไม่สามารถใช้รักษาโรคอะไรได้ หรือก็คือไร้ค่านั่นเอง