สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 215 ความรักนั้นเข้ามาเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
- Home
- สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ!
- บทที่ 215 ความรักนั้นเข้ามาเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
บทที่ 215 ความรักนั้นเข้ามาเร็วจนไม่ทันตั้งตัว
— ชนเผ่าหมาน —
ชิงหลานเฟยรั้งอยู่ในเรือนต้องห้ามนานกว่าครึ่งเดือน คอยเฝ้ามองชายหนุ่มที่นอนป่วยอยู่บนเตียงอยู่ทุกวัน แต่นอกจากหายใจเป็นปกติแล้วเขาก็ไม่มีทีท่าว่าจะฟื้นเลยสักนิด
บางครั้งยามนางมองเขาที่นอนนิ่งเช่นนั้น ในใจก็จะรู้สึกขื่นขมอย่างบอกไม่ถูก แต่นางไม่มีวันยอมแพ้ นางเองก็อดทนมาได้ตั้งหลายร้อยปี นางก็ยังมีชีวิตอยู่มาจนได้เห็นคนที่นางรักซึ่งนับเป็นเรื่องที่ดีที่สุดของนางก็ว่าได้
“พี่เฟย?”
ประตูหินหนักอึ้งของเรือนต้องห้ามถูกเปิดออกเล็กน้อย ก่อนหัวเล็ก ๆ จะโผล่เข้ามา มีเปียน้อยน่ารักห้อยอยู่สองข้าง นัยน์ตากลมโตดูมีชีวิตชีวา ดวงหน้าชะอ้อนน่ารักน่าชังเป็นอย่างยิ่ง
ชิงหลานเฟยเงยหน้าขึ้น ก่อนจะเอ่ยเสียงประหลาดใจ “อาเยว่ เจ้ามาทำไมหรือ?”
เด็กหญิงตัวน้อยยกนิ้วหนึ่งขึ้นปิดปากส่งเสียงชู่เบา ๆ อย่างซุกซน จากนั้นมองไปรอบ ๆ ก่อนจะเบียดร่างน้อยเข้าประตูมา
ชิงหลานเฟยเห็นนางทำหลบ ๆ ซ่อน ๆ ก็ฉงนนัก “นี่เจ้า…..”
อาเยว่วิ่งเหยาะ ๆ เข้ามาหาแล้วเอ่ยท่าทางลึกลับ “ข้าทำยามเฝ้าประตูหลับไปแล้ว พี่สาวต้องรีบออกไปกับข้าเดี๋ยวนี้เลย ข้ารอมานานกว่าหัวหน้าเผ่าจะออกไปข้างนอก ตอนนี้เขาไม่อยู่ในเผ่า หากเขากลับมาก็คงไม่พบท่านแล้ว”
ชิงหลานเฟยชะงักไป “ออกไปไหนหรือ?”
“ก็ออกจากชนเผ่าหมานน่ะสิ! หัวหน้าเผ่ารู้ว่าท่านอยู่ที่นี่แล้ว แม้จะไม่รู้ว่าทำไมเขายังไม่คิดประหารท่าน แต่ชนเผ่าหมานต่างเกลียดคนนอกเผ่า ท่านเองก็เช่นกัน” อาเยว่เอ่ยหน้าเป็นกังวล “กว่าจะเข้ามาช่วยท่านได้ข้าเสียแรงไปมาก ข้าไม่อยากให้ท่านถูกสังหาร”
“เด็กโง่” ชิงหลานเฟยส่ายหน้าจนใจ “ข้ารู้ว่าเจ้าหวังดี แต่ข้าไม่ไปหรอก อีกทั้งหัวหน้าเผ่าของเจ้าไม่มีวันลงมือกับข้า ขอให้เจ้าวางใจเถอะ”
“ทำไมเล่า?” อาเยว่เบิกตากว้างถามเสียงสงสัย “หัวหน้าเผ่ายึดกฎเผ่าหนักแน่นมาก แล้วเขาจะยอมให้คนนอกอย่างท่านมาอยู่รวมกับเราได้อย่างไรกัน?”
“บอกเจ้าตามตรง ข้ากับหัวหน้าเผ่าของเจ้าเป็นคนรู้จักเก่าแก่กัน ดังนั้นเขาไม่ทำอะไรข้าหรอก” ชิงหลานเฟยอธิบายเสียงอ่อนโยน “เจ้ารีบออกไปก่อนยามเฝ้าประตูจะฟื้นดีกว่า แล้วอย่าให้ใครเห็นเล่า ไม่เช่นนั้นเจ้าจะถูกท่านปู่เอ็ดเอาอีก”
อาเยว่ขมวดคิ้วมุ่นไม่เข้าใจ “ทำไมท่านถึงไม่อยากจากไป?”
ชิงหลานเฟยยกยิ้ม สีหน้าเปลี่ยนเป็นอ่อนโยน จากนั้นนัยน์ตาก็เคลื่อนไปมองชายที่นอนอยู่บนเตียงแล้วเอ่ยเสียงนุ่ม “เพราะเขา”
“เขา?”
อาเยว่เซ่อซ่าอยู่บ้าง ได้แต่คิดว่าต้องช่วยพี่สาวคนสวยที่นางชอบเอามาก ๆ ให้หนีไปให้ได้ จนไม่ทันสังเกตว่ามีอีกคนหนึ่งอยู่ในนี้ด้วย
ตอนนี้เมื่อเห็นเขา นางจึงเบิกตามองอย่างไม่อยากเชื่อ “เขาเป็นใครหรือ?”
มีคนหน้าตาดีเช่นนี้อยู่ในชนเผ่าหมานด้วยหรือนี่! ทำไมนางถึงไม่เคยเห็นเขามาก่อนเลยเล่า?
แต่นางไม่ได้รู้เลยว่าชายคนนี้มีอายุกว่าเจ็ดร้อยปีเข้าไปแล้ว นางเป็นแค่เด็กตัวกระจ้อยที่อายุยังไม่ถึงร้อยปี แล้วจะเคยเห็นเขาได้อย่างไร แค่ชื่อก็คงไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ
ชิงหลานเฟยนัยน์ตาอ่อนโยนลง “เขาเป็นสามีข้า”
หากแต่ถ้อยคำอ่อนโยนนั้นของนางกลับทำอาเยว่ตกตะลึงไป ก่อนนางจะเอ่ยถามกลับมา “พี่เฟย….. ท่านแต่งงานแล้วหรือ?”
ชิงหลานเฟยตอบรับเสียงเบา
อาเยว่พึมพำเสียงเบาไม่อยากเชื่อ “ข้าไม่เห็นรู้เลย…..”
ชิงหลานเฟยจึงหัวเราะเบา ๆ “คนแดนเมฆาสวรรค์มีชีวิตยืนยาว เมื่อฝึกปรือถึงระดับหนึ่งก็จะไม่แก่ชราลงอีก ดังนั้นจึงไม่แปลกที่เจ้าจะไม่รู้”
อาเยว่พยักหน้าราวกับเข้าใจ จากนั้นมองชายหนุ่มบนเตียงหน้าฉงน “แต่บุรุษผู้นี้….. มากจากชนเผ่าหมานไม่ผิดแน่ แล้วเขาเป็นสามีของพี่เฟยไปได้อย่างไรกัน? พี่เฟยเคยมาที่ชนเผ่าหมานมาก่อนหรือ?”
คนชนเผ่าหมานนั้นสัมผัสกลิ่นอายจากคนเผ่าเดียวกันได้ อาเยว่มั่นใจว่าชายหนุ่มเป็นคนเผ่าหมาน และต้องมีตัวตนไม่ธรรมดาเป็นแน่
ชิงหลานเฟยมองชายหนุ่มสายตาอ่อนโยน ใช้นิ้วไล้แก้มเขาเบา ๆ น้ำเสียงนุ่มเอ่ยขึ้นว่า “คนผู้นี้แต่ก่อนอิสรเสรี ชอบท่องเที่ยวไปทั่วแดน ใช้ใบหน้าหล่อเหลาของตนและปากหวาน ๆ ของเขาหลอกลวงหญิงสาวไปทั่ว ยั่วยวนสาวน้อยบริสุทธิ์ไม่ทันเล่ห์กลทั้งหลาย ช่างน่าชังนัก”
“หา?” เด็กน้อยอ้าปากค้างดูประหลาดใจ “แล้วทำไมพี่เฟยถึงได้เลือกคนไม่ดีเช่นนี้มาเล่า?”
“เจ้าพูดถูก ทำไมกันนะ?” ชิงหลานเฟยถอนหายใจอับจนหนทาง ก่อนจะเอ่ยท่าทางติดตลก “อาจเพราะเขาน่าชังมากกระมัง! เพื่อไม่ให้เขาไปทำร้ายหญิงสาวไร้เดียงสาที่ไหนเข้าอีก ข้าก็เลยเลือกเสียสละตนเองเสียเลย”
นางพูดจบก็ไม่เอ่ยคำอีก หาไม่แล้วนางก็คงต้องนึกย้อนไปยังความทรงจำทั้งหลายที่นางเคยมีร่วมกันกับเขา แล้วถูกมันทำร้ายเข้าอีก
สตรีที่งดงามจนราวกับเป็นเทพเซียน ตอนนี้กลับเหมือนมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง บนหว่างคิ้วแต้มไปด้วยรอยโศก
อาเยว่มองตามสายตานาง จ้องชายที่นอนอยู่บนเตียง แล้วเปิดปากถามขึ้น “แล้วเมื่อไหร่เขาจะตื่น?”
“เขาต้องตื่นแน่ เขาเพียงแต่….. เหนื่อยล้าเกินไปเท่านั้น” ชิงหลานเฟยพึมพำเสียงเบา ไม่รู้ว่าพูดกับเด็กน้อยหรือพูดปลอบตนเองกันแน่
เห็นได้ชัดว่าเมื่อตอนที่เหยียนจูสั่งให้คนจับตัวนางไว้ ถึงเขาจะยังไม่ได้สติ แต่กลับขยับกายปกป้องนางเอาไว้ แล้วทำไม….. เขาถึงไม่ฟื้นขึ้นมาสักที?
ชิงหลานเฟยค่อย ๆ ฟุบร่างลงบนอกเขา สองมือจับไหล่เขาไว้ นางสัมผัสได้ถึงลมหายใจมั่นคงจากเขา น้ำเสียงแผ่วเบาเจือรอยเจ็บปวดกระซิบออกมา “ข้าคิดถึงท่าน จิ่งอวี้ ท่านรีบลืมตาตื่นเถอะนะ…..”
ตอนนี้นางอยู่บนโลกที่หนาวเหน็บนี้เพียงลำพัง ไม่มีใครให้นางคิดถึงอีก จิ่งอวี้….. เป็นเพียงคนเดียวที่นางไม่อาจแยกจากไปได้
แน่นอนว่านางยังไม่ลืมความเจ็บปวดและความแค้นที่นางต้องแบกรับไว้
นางไม่มีวันอภัยคนที่ทำให้นางกับจิ่งอวี้ต้องแยกจากกันนับร้อยปีแน่!
นัยน์ตาอ่อนโยนของชิงหลานเฟยพลันมีเมฆหมอกปกคลุม เผยอริมฝีปากบางกล่าวคำเสียงเบา “อาเยว่ หัวหน้าเผ่าของเจ้ากลับมาเมื่อไหร่ ช่วยบอกเขาที บอกเขาว่าข้ามีเรื่องจะคุยกับเขา”
——————————————–
ผ่านงานสานสัมพันธ์สามสำนักใหญ่มาได้สามวันแล้ว ดูเหมือนว่างานในปีนี้จะไม่มีเรื่องโลดโผนอะไรนัก
คนที่ออกจากหุบเขาไร้กังวลทั้งหมดคล้ายจะสูญเสียความทรงจำ ไม่อาจยอมความได้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง ลืมสิ้นว่าภายในเป็นอย่างไร เป็นเรื่องลึกลับยิ่งนัก
เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้หุบเขาไร้กังวลดูลึกลับเช่นนี้ คนที่ออกมาจากหุบเขาทำท่าเหมือนถูกล้างความทรงจำ ไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวว่าจะมีความลับใดถูกเปิดเผยออกมา
บนภูเขาลูกฝั่งตรงข้ามกับสำนักละอองหมอก เป็นสถานที่ตั้งของหอเมฆาเคลื่อน แม้จะอยู่ห่างไกลแต่ก็ยังมีแขกมาอุดหนุนอยู่ทุกวัน ไม่เพียงแต่ไร้ความเหน็บหนาวเงียบเชียบ ยังอึกทึกครึกโครมทุกเมื่อเชื่อวัน
— หอเสาวคนธ์ —
สภาพอากาศในช่วงต้นฤดูใบไม้ผลิยังเหลือเค้าความหนาวอยู่บ้าง ทว่าคนที่อยู่ภายในกลับใส่เสื้อผ้าบางเบา สตรีทั้งหลายอวดส่วนโค้งเว้าบนร่างอย่างเต็มที่
บ้างกำลังกระซิบเสียงแผ่วหยอกเอินกับลูกค้า บ้างกำลังยกเหล้าผ่านห้องโถงใหญ่มา ทว่าพวกนางทั้งหลายกลับมีสิ่งหนึ่งที่เหมือนกัน นั่นคืองดงามนัก เป็นความงามที่ไม่ใช่คนธรรมดาจะมีได้
ลวี่จีสังเกตคนผู้หนึ่งมานานแล้ว
ชุดประจำตัวของนางคือชุดสีเขียวอ่อนที่นางใส่อยู่บ่อยครั้ง อีกทั้งมันยังมีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว ส่วนเสื้อนั้นตัวเล็กสั้น ด้านบนมีระบาย เผยให้เห็นสะโพกบางส่วนหนึ่ง น่าดูน่ามองนัก
แค่เห็นสะโพกนางเพียงแวบหนึ่งก็ทำเอาน้ำลายหกได้แล้ว อีกทั้งนางยังมีใบหน้ากระชากวิญญาณ นับเป็นสาวงามแรกรุ่นคนหนึ่ง นัยน์ตาเป็นประกาย ทำเอาเหล่าบุรุษทั้งหลายยอมมอบทุกอย่างให้เพื่อให้นางหันมองสักครา
แต่แม้นางจะงดงามน่าหลงใหลเพียงไรก็ไม่มีใครกล้าเข้ามาหยอกเอินนาง ลูกค้าประจำของหอเสาวคนธ์รู้ดีว่าสตรีขี้โมโหคนนี้มีใบหน้าเย้ายวนแต่มีนิสัยดุร้ายนัก
นางไม่เหมือนสตรีที่คอยให้ความสำราญแก่แขกคนอื่น ๆ หากแต่เป็นคนดูแลความปลอดภัยของหอเสาวคนธ์ หากลูกค้าเกิดทะเลาะกันหรือเข้ามาก่อเรื่อง ลวี่จีจะเป็นคนออกหน้าแก้ปัญหา นางอาจจะดูบอบบาง แต่กลับชำนาญการต่อสู้นัก มีพลังบำเพ็ญเป็นอันดับสามในสิบสองหญิงงามที่รับคำสั่งจากไป๋จือเยี่ยน
ลวี่จีมีความชอบที่ไม่มีใครรับรู้อยู่เรื่องหนึ่ง นั่นคือ….. นางชอบสตรีด้วยกัน
พวกสตรีทั้งหลายที่เดินผ่านชายหนุ่มหล่อ ๆ แล้วทำทีเป็นจะล้มจะเป็นลมเสียให้ได้นั้นนางเกลียดเป็นที่สุด สตรีที่นางชื่นชอบนั้นไม่ใช่เพียงแจกันงดงามทว่าว่างเปล่า แต่ต้องเป็นคนที่ดึงดูดวิญญาณได้ต่างหาก
แต่จนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่พบนางในฝัน ช่วงชีวิตยืนยาวอันยืดยาดของนางไม่อาจพบเจอแม่นางเช่นนั้นได้ นับเป็นเรื่องน่าเสียใจที่สุดเรื่องหนึ่งของนาง
ทว่าวันนี้กลับมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้น
หอเสาวคนธ์เองก็ไม่ขาดลูกค้าสตรี แต่ส่วนมากจะเป็นสตรีอายุราวสามสิบสี่สิบปี เป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นเด็กสาวรุ่น ๆ เข้ามาที่นี่
นางเข้ามานั่งอยู่พักหนึ่งแล้ว แต่ก็ยังไม่ได้เรียกใครมาให้ความสำราญใจ เพียงสั่งชากาหนึ่งแล้วนั่งมองนางรำนุ่งน้อยห่มน้อยโบกสะบัดสะโพกอยู่บนเวทีอยู่ที่มุมเงียบ ๆ
มันเป็นการร่ายรำที่ยั่วยวนมากจนเกินมองแท้ ๆ ทว่าสายตานางกลับจ้องนิ่งจริงจัง เป็นภาพที่เตะตาไม่น้อย
หญิงสาวมีเรือนผมสีดำเงางามรวบขึ้นไว้หลวม ๆ ดูไม่เรียบร้อยแต่ก็ดูน่าหลงใหลให้อารมณ์เกียจคร้านอย่างบอกไม่ถูก เรือนผมดำสยายคลุมชุดขาวบริสุทธิ์ของนางเช่นนี้ นายเผยกลิ่นอายสะอาดบริสุทธิ์ยิ่งนัก
อาจเพราะสายตาลวี่จีจ้องนิ่งเกินไปทำให้อีกฝ่ายหันมองนาง แค่เพียงชั่วพริบตาที่นางหันมากลับทำให้ลวี่จีใจเต้นสะดุดไป
นี่กระมัง….. ที่เรียกว่าความปรารถนา
ตัวนางเองก็มีความงามโดดเด่น เห็นสาวงามจากที่ไหนก็ไม่เคยรู้สึกอะไรมาก่อน เพราะมันก็เป็นเพียงเปลือกนอก พวกนางต่างถูกโลกอันเข้มงวดไม่น่าให้อภัยใบนี้ทำให้แปดเปื้อนไปหมดแล้ว
ทว่าหญิงสาวคนนี้….. กลับทำให้นางอยากเข้าไปทำความรู้จักเป็นยิ่งนัก
ใช่แล้ว ทำให้นางอยากเข้าหา ใครจะไปคิดว่าสตรีที่เย็นชาทั้งยังเย่อหยิ่งเหินห่างกับคนอื่น ๆ เช่นนางจะมีวันที่คิดอยากเข้าไปเกี้ยวพาใครสักคนอยู่ด้วย
ทั้งคนคนนั้นยังเป็นหญิงสาวคนหนึ่ง!
แต่นางยังไม่ทันได้ลงมือ ใบหน้างามก็แต้มแววโกรธขึ้นมา เป็นเพราะมีบุรุษบัดซบผู้หนึ่งเบียดกายเข้ามาตัดหน้านางแล้วเข้าพูดคุยกับหญิงสาวที่ทำเอานางใจสั่นคนนั้นนั่นเอง!