สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 284 เกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาด
บทที่ 284 เกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาด
บทที่ 284 เกิดความเปลี่ยนแปลงประหลาด
วันต่อมาก็เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นบนแดนเมฆาสวรรค์
ที่เขตแดนกลางของขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้า มีศพจำนวนมากปรากฏขึ้น ทั้งของมนุษย์และอสูรร้าย ทั้งหมดถูกสังหารด้วยวิธีประหลาด ก่อให้เกิดความแตกตื่นในหมู่ผู้คนอย่างรวดเร็ว
คนที่อาศัยอยู่ใกล้ ๆ รีบขอเข้าไปอยู่ในเขตคุ้มกันของขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้าทันทีด้วยเกรงว่าวันหนึ่งตนอาจจะตายด้วยวิธีประหลาดเหมือนซากศพเหล่านั้น
เรื่องนี้ดึงความสนใจจากขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้าได้ในทันที
หลายปีมานี้ ขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้าแห่งแดนเมฆาสวรรค์ได้คานอำนาจของแต่ละฝั่งกันอย่างสมดุล
อีกทั้งวันที่ยอดเขาใจสงบจะปรากฏก็ใกล้เข้ามาแล้ว ย่อมไม่มีใครอยากทำลายความสมดุลนั้นลง ดังนั้น….. เรื่องนี้เป็นฝีมือใครกันแน่?
อารามจันทร์กระจ่างเลื่องชื่อว่าเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์ เป็นเครื่องหมายแห่งแสงสว่างและความสงบ แม้ภายในจะหลงจากทิศทางเดิมไปแล้ว แต่อย่างน้อยเบื้องหน้าพวกเขาก็ยังถูกมองว่าเป็นเหล่าผู้มีศีลธรรม
เมื่อเกิดเรื่องเช่นนั้น อารามจันทร์กระจ่างจึงไม่อาจนิ่งนอนใจได้
เป็นเวลานานแล้วที่พวกเขาไม่ได้ประชุมหารือกันเรื่องเคร่งเครียดที่ทุกคนได้เข้าร่วมเช่นนี้ หอประชุมใหญ่เต็มไปด้วยกลุ่มคนมากมาย ทั้งชุดดำชุดขาวยืนอยู่ข้างหนึ่ง เรียงแถวกันอย่างเป็นระเบียบ
ครั้งแรกที่ชิงอวี่มาถึงมันก็ดูใหญ่โตโอ่อ่าเช่นนี้
แต่สถานการณ์ตอนนี้แตกต่างออกไป หลายเดือนก่อนนางมาในฐานะนักโทษ ถูกสายตาคนอื่นมองสงสัยมองประหลาด หลายเดือนต่อมานางได้ยินอยู่บนที่สูง มองต่ำลงมายังคนด้านล่างห้องโถง ยืนอยู่ข้างกายสตรีที่เป็นที่เคารพที่สุด มีแต่คนยกย่องสรรเสริญนาง
เรื่องในวันนี้แตกต่างจากแต่ก่อนอย่างสิ้นเชิง
ในฐานะหัวหน้านักบวช ชางเจี้ยนย่อมต้องมาเช่นกัน
แม้ชิงลั่วเยี่ยนจะไม่ได้โปรดปรานเขามากแล้ว แต่เขาก็ยังมีเกียรติอยู่บ้าง ดังนั้นแม้เบื้องหลังทุกคนจะนินทาเขา แต่ก็ไม่กล้าทำอย่างเปิดเผยมากนัก
ชิงลั่วเยี่ยนนั้นนั่งอยู่บนแท่นสูงพร้อมผ้าม่านหนาเช่นเคย ไม่เผยใบหน้าตน ร่างเพรียวบางของนางยื่นออกมาจากเก้าอี้ยาว ไม่เอ่ยคำอยู่ชั่วเวลาหนึ่ง
จนกระทั่งทุกคนสงสัยว่านางหลับไปแล้วหรือไม่ น้ำเสียงไพเราะอ่อนโยนของหญิงสาวจึงดังขึ้น เป็นน้ำเสียงเช่นเดิม ไม่อาจอ่านความรู้สึกจากมันได้เลย ไม่อาจรู้อารมณ์นางได้สักนิด
“เกี่ยวกับศพที่ปรากฏขึ้น ณ พรมแดนศูนย์กลางแดนเมฆาสวรรค์ พวกเจ้ามีความเห็นว่าอย่างไร?
ทุกคนด้านล่างครุ่นคิดอยู่พักใหญ่ ก่อนร่างผอมของชายชราในชุดขาวด้านหลังคนหนึ่งจะทำท่าทางฉลาดเฉลียว เอ่ยเสียงครุ่นคิดขึ้น “หรือจะเป็นหายนะสวรรค์…..”
แต่เมื่อเอ่ยคำ เสียงหัวเราะเยาะก็ดังขึ้นมาทั่วทั้งสองข้าง ราวกับได้ยินเรื่องตลก
ชายชราเหมือนเพิ่งรู้ว่าว่าทำขายหน้าเข้าแล้ว ใบหน้าจึงดูอึดอัดอับอายในทันที
เขาจะไม่อับอายได้อย่างไร?
หายนะสวรรค์โง่เง่าอะไรจะมาเกิดที่เขตแดนศูนย์กลางขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้าได้? มันเป็นสถานที่สำคัญนัก เห็นได้ชัดว่าต้องเป็นฝีมือมนุษย์แน่นอน? คงมีใครหมายจะยุแยงขุมอำนาจใหญ่ทั้งห้าแห่งแดนให้เกิดเรื่องวุ่นวายขึ้นมาแน่
ชายหนุ่มในชุดดำพลันเดินหน้าขึ้นมาแล้วคำนับแท่นสูงด้วยความสุภาพก่อนเอ่ยขึ้น “ท่านเจ้าอาราม ข้าคิดว่าที่จู่ ๆ ก็เกิดเรื่องประหลาดเกิดขึ้นเช่นนี้ แทนที่จะให้พวกเรามาเดาสุ่ม ทำไมไม่ให้หัวหน้านักบวชแสดงฝีมือ ให้เขาได้เป็นคนตรวจสอบ พวกเราจะได้คำยืนยันกัน”
เป็นคำแนะนำที่ดูมีเหตุผล หลาย ๆ คนค่อนข้างเห็นด้วย หันไปมองกลุ่มนักบวชในชุดสีน้ำเงินทันที
ที่ยืนอยู่ด้านหน้าคือชางเจี้ยนที่เงียบมานาน ดูเขาจะน้ำหนักลดลงไปมาก และดูเหมือนไม่ได้พักผ่อนดี ๆ มานานหลายวันแล้ว
คนที่ไม่รู้อาจคิดว่าเขาทำงานหนักทั้งวันทั้งคืนเพื่ออารามศักดิ์สิทธิ์ แต่แท้จริงแล้วเขากลับไร้ซึ่งพลังพิเศษของนักบวชอีกต่อไป ได้แต่กลัวและกังวลว่าชิงลั่วเยี่ยนจะไม่ไยดีอีก
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายบอกว่าจะให้นักบวชลองตรวจสอบดู ชางเจี้ยนจึงหน้าเปลี่ยนสีทันที
มือที่ซ่อนอยู่ในแขนเสื้อยาวกำหมัดแน่นไม่ทันรู้ตัวโดยไร้เหตุ สายตาเบนไปหาแท่นสูง มองไปยังเด็กสาวที่ยืนอยู่นอกชั้นผ้าม่านคนนั้น
นางราวกับสัมผัสได้ถึงสายตา ชิงอวี่จึงหันมามอง ก่อนจะเผยรอยยิ้มบางให้
ชางเจี้ยนอดรู้สึกหัวใจบีบคั้นไปชั่วขณะไม่ได้ นาง….. จะช่วยเขาจริง ๆ หรือ?
อย่างไรเขาก็ชื่นชมยกยอนางต่อหน้าท่านเจ้าอารามมาก่อน จนทำให้วันนี้นางขึ้นไปสูงส่งได้เช่นนั้น
แม้ว่านั่นจะนำปัญหามาสู่ตัวเขาเองก็ตาม กลายเป็นท่านเจ้าอารามไม่ไว้ใจเขาอีก เด็กสาวผู้นี้คนคงไม่อกตัญญู ลืมเรื่องที่เขาอุตส่าห์ทำให้กระมัง ไม่เช่นนั้นเขาไม่ปล่อยนางไว้แน่!
ชางเจี้ยนยืดหลังตรงยืนอยู่กับที่ด้วยแววตาชั่วร้าย
โชคดีที่เด็กสาวไม่ทำให้เขาผิดหวัง
เขายืนเกร็งร่างหน้าเครียดอยู่เช่นนั้น สติแทบจะหลุดอยู่รอมร่อ ก็พลันได้ยินชิงอวี่เอ่ยขึ้น “ทุกท่าน พวกเราคงจะประเมินความร้ายแรงของสถานการณ์สูงเกินควร”
น้ำเสียงกระจ่างอ่อนโยนของเด็กสาวดังก้องห้องโถงใหญ่ ดึงสายตานับไม่ถ้วนให้หันมามอง
หากแต่พริบตาต่อมา นางกลับถูกชายชราในชุดดำกระชากเสียงใส่ “โอหังนัก! ข้ารับใช้ชั้นต่ำเช่นเจ้า กล้าเอ่ยขัดการประชุมของอารามศักดิ์สิทธิ์หรือ!? เจ้าคิดว่าได้รับความโปรดปรานจากท่านเจ้าอารามแล้วจะทำตัวอวดดีได้กระมัง?!”
ชายชราผู้นั้นเป็นผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพในอารามศักดิ์สิทธิ์ มีฐานะสูงส่ง ยิ้มไม่เก่งแล้วยังไม่ค่อยพูด เป็นคนเครียดขึ้งที่ให้ความสำคัญกับลำดับชั้นยศเป็นอย่างมาก ทั้งยังเคร่งครัดเรื่องมารยาท ในความคิดเขา การกระทำของชิงอวี่นับเป็นการข้ามหน้าข้ามตา กล้าทำเรื่องนอกเหนือขอบเขตอำนาจนัก
“ผู้อาวุโสโปรดระงับความโกรธสักนิด ฟังข้าสักหน่อยก่อนเถิด แล้วค่อยตัดสินใจว่าจะลงโทษข้าดีหรือไม่เจ้าคะ?” ชิงอวี่ถามชายชรายิ้ม ๆ ดูไม่กลัวใบหน้าโกรธขึ้งของเขา
ชายชราชุดดำกำลังจะอ้าปากด่านาง แต่แล้วเสียงของสตรีหลังม่านก็ดังขึ้นเบา ๆ “ฟังนางพูดก็ไม่เสียหายอะไร”
ในเมื่อท่านเจ้าอารามออกปาก ชายชราจึงได้แต่ระงับตนเองและสงบปากสงบคำต่อไป
“อวี่ชิง ข้าอยากฟังความเห็นเจ้า” ชิงลั่วเยี่ยนถามขึ้น
ชิงอวี่พยักหน้าน้อย ๆ ก่อนหันไปมองผู้คนด้านล่าง “ยอดเขาใจสงบใกล้จะปรากฏขึ้นแล้ว ข้าคิดว่าคงไม่ต้องอธิบายเรื่องนี้เพราะทุกท่านคงรู้ดีกว่าข้าอยู่แล้ว”
“มันเกี่ยวกับเรื่องซากศพงั้นหรือ?” คนผู้หนึ่งเอ่ยถามเสียงฉงน
“ขอให้ข้าอธิบายให้จบก่อนเจ้าค่ะ”
ชิงอวี่ส่งยิ้มมองคนถาม จากนั้นว่าต่อ “ว่ากันว่ายอดเขาใจสงบเป็นแดนเซียน เห็นได้ชัดว่าเป็นสถานที่ลึกลับเป็นอย่างมาก ไม่มีใครรู้ว่ามันจะปรากฏเมื่อไหร่ และไม่รู้ว่าจะเป็นที่ไหน”
“แต่ในเมื่อมันเป็นแดนเซียน ย่อมไม่แปลกที่ยามมันจะปรากฏ จะต้องเกิดเรื่องผิดแปลกไปจากปกติ เพื่อเป็นการแสดงความพิเศษเหนือใครของมัน และครั้งนี้ยอดเขาใจสงบก็ใกล้เผยตัว ก็คงมีเหตุประหลาดหรือเรื่องที่ไม่อาจอธิบายได้เกิดขึ้นบนท้องฟ้าได้ไม่ใช่หรือ?”
“หมายความว่า…..”
ผู้คนในที่นี้ไม่ใช่คนโง่ ย่อมเข้าใจสิ่งที่นางจะสื่อ แต่ที่นางว่ามาก็น่าเหลือเชื่อเกินไปหน่อย
“ถูกต้องแล้วเจ้าค่ะ ข้ารู้สึกว่าการที่มีศพเกิดขึ้นมานั้นเกี่ยวกับการที่ยอดเขาใจสงบกำลังจะสำแดงกาย ดังนั้นจึงส่งผลให้เกิดความผันผวนที่มีผลต่อสิ่งมีชีวิตบางอย่างซึ่งอาจทำให้ถึงชีวิตได้ ไม่ใช่อย่างที่หลายท่านคาดคิด ว่ามีใครจงใจก่อความไม่สงบบนแดนเมฆาสวรรค์”
ชิงอวี่พูดจบ คนด้านล่างก็เงียบไป สีหน้าดูประหลาดไปเล็กน้อย
เพราะทั้งหมดรู้สึกว่าคำของเด็กสาวฟังเข้าท่า หากเป็นยอดเขาใจสงบจริงก็คงอธิบายเหตุการณ์ประหลาดนั่นได้ เพราะอย่างไรหลายร้อยปีที่ผ่านมาก็ไม่เคยมีเหตุการณ์ลึกลับอะไรเกิดขึ้นบนบนแดนเมฆาสวรรค์เลย
พวกเขาจึงไร้คำจะเอ่ยแย้ง
สุดท้ายชิงลั่วเยี่ยนที่พลันหัวเราะออกมาเบา ๆ จึงเอ่ยปากขึ้น “เด็กน้อยเอ๋ย มันสมองไม่เหมือนใครจริง เจ้าคิดเหมือนเจ้าอารามเช่นข้าไม่มีผิด ดูท่าเป็นเพียงสตรีรับใช้คงจะเสียดายฝีมือเจ้าเปล่า”
“ท่านเจ้าอารามกล่าวเกินไปแล้ว ข้าเพียงแต่คิดไปเรื่อยเท่านั้น” ชิงอวี่ก้มหน้าเอ่ย ท่าทางนางเป็นธรรมชาติมั่นคง
คนด้านล่างได้แต่ถอนหายใจ ได้ยินท่านเจ้าอารามเช่นนั้น ดูท่าจะมอบตำแหน่งพิเศษในอารามให้เด็กสาว เมื่อคิดได้ดังนั้นก็อดหันมองบุรุษที่ยืนนำหน้านักบวชในชุดสีน้ำเงินไม่ได้
ดูท่าตำแหน่งหัวหน้านักบวชแห่งอารามศักดิ์สิทธิ์คงสั่นคลอนเสียแล้ว!
“ในเมื่อพวกเจ้าไร้คำโต้แย้งใด เรื่องนี้ก็นับว่ากระจ่าง ข้าจะตัดสินว่าใครจะได้ขึ้นยอดเขาใจสงบภายในอีกสองสามวัน เมื่อถึงเวลาพวกเจ้าจะได้รับแจ้งเอง หวังว่าทุกคนจะคว้าโอกาสไว้ให้มั่น”
“พวกข้าจะไม่ทำให้ท่านเจ้าอารามผิดหวัง!”
พูดจบ ชิงลั่วเยี่ยนก็ยกมือขึ้นน้อย ๆ จากหลังมาก เห็นดังนั้นชิงอวี่จึงเดินเข้าไปด้านใน ประคองร่างนางแล้วพากันเดินจากไปอีกด้าน
ทุกคนในห้องโถงใหญ่เริ่มแยกกันจากไป พลันมีเสียงซุบซิบในหมู่คน
“เด็กจากแดนต่ำนั่น เวลาช่างได้เสวยสุขเหลือเกิน! ท่านเจ้าอารามก็เชื่อใจนางนัก!”
“ก็นั่นน่ะซี! แม้ท่านเจ้าอารามมักถามความเห็นคนอื่น ๆ ในการประชุม แต่สุดท้ายนางก็เอาความคิดตนเป็นที่ตั้งไม่ใช่หรือ? ข้าไม่เคยเห็นนางเห็นด้วยกับใครเท่านี้มาก่อนเลย”
“ดูท่ากระทั่งหัวหน้านักบวชชางเจี้ยนที่อยู่ข้างกายท่านเจ้าอารามมาหลายปีก็ยังไม่อาจทำให้นางเชื่อใจได้มากเช่นนั้นและ….. ดูท่าช่วงนี้ท่านเจ้าอารามจะไม่ค่อยเรียกหาเขาเลยนี่?”
“ชู่ว….. อย่าเสียงดัง…..”
แม้จะซุบซิบกันเสียงแผ่ว แต่ชางเจี้ยนไม่ได้หูหนวก เขาห่วงสายตาที่คนอื่นมองมาอยู่เสมอ แล้วจะไม่ให้คอยสังเกตรอบกายได้อยู่ตลอดอย่างไร?
เมื่อได้ยินเช่นนั้น หน้าชางเจี้ยนก็เย็นชาแข็งกระด้าง เดินออกจากห้องโถงใหญ่ไปเงียบ ๆ
แต่มือในแขนเสื้อนั้นกำแน่นจนเส้นเลือดปูดขึ้นมา
นี่เขา…..เปิดประตูเชิญหมาป่าเข้าบ้านไปงั้นหรือ?
ที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะความโง่เขลาของเขาเอง
เฮ้อ….. เขาประมาทเกินไป ในเมื่ออวี่ชิงไม่รู้จักที่ตน เช่นนั้นก็ปล่อยไว้ไม่ได้
ร่างสูงของชางเจี้ยนค่อย ๆ หายไปจากสายตาคนเมื่อออกจากห้องโถงใหญ่ และเมื่อเดินมาตรงจุดที่ไร้สายตาใคร ใบหน้าอ่อนโยนไร้พิษภัยของชายหนุ่มก็แตะแต้มไปด้วยรอยมุ่งร้าย ราวกับอีกไม่นานจะมีพายุซัดกระหน่ำ
——————————————
ในยามราตรี พระจันทร์เยียบเย็นเห็นกระจ่างลอยเด่นอยู่บนฟ้า แสงสีขาวคล้ายหิมะส่องจาง ๆ ลงมายังเรือน เป็นภาพที่งดงามตาอย่างสงบ
เด็กสาวเอนร่างนอนเงียบเชียบ ใบหน้าครึ่งหนึ่งฝังอยู่บนเตียงนุ่ม
แสงสีเงินของดวงจันทร์สาดส่องเข้ามาในห้อง เห็นอีกฟากของใบหน้างดงามประณีตของนางว่ากำลังหลับใหลอย่างมีความสุขสงบ ราวกับนางสวรรค์ที่ร่วงลงมายังแดนมนุษย์
แต่ในเงามืดพลันมีอีกเงาร่างหนึ่ง นัยน์ตาคู่นั้นมองเด็กสาวที่หลับไปแล้วอย่างล้ำลึก