สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 320 อ้อมกอดที่รอมานาน
บทที่ 320 อ้อมกอดที่รอมานาน
บทที่ 320 อ้อมกอดที่รอมานาน
เหยี่ยนพั่วสายตาพลันคมเฉียบ “ข้าไม่สนว่าท่านคิดทำอะไร เจ้าเหนือหัวสั่งให้ข้ามาพาแม่นางน้อยกลับ ท่านคงไม่ขัดข้ากระมัง?”
“ความต้องการของเจ้าไม่เกี่ยวข้องกับข้า” เหลียนซือชุดดำเอ่ยเสียงเย็น
ชิงอวี่เลิกคิ้ว ยังไม่ทันพูดอะไร ชายชุดขาวข้างกายก็เคลื่อนร่างมาบังนางไว้ มองเหยี่ยนพั่วแล้วเอ่ยเสียงเบา “เจ้าไม่ได้อยู่ในฐานะที่จะยุ่งเรื่องคนอื่นได้ เจ้าคงไม่อยากให้ข้าใช้ดาบกระมัง”
ชิงอวี่ประหลาดใจเล็กน้อยเมื่อเห็นชายหนุ่มทำท่าทางปกป้องนางอย่างเห็นได้ชัด
นางไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องช่วยนางเช่นนี้
ว่ากันว่าชายหนุ่มเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่ของเผ่าปีศาจ แม้ตอนนี้จะไม่ได้อยู่ในร่างที่สมบูรณ์ เป็นเพียงซากเงาที่หลงเหลืออยู่ แต่ก็ไม่อาจประมาทพลังของเขาได้
นางพลันเลื่อนสายตาไปมองดาบในมือชายหนุ่ม
ดูเหมือนว่ามือของเขาจะไม่อยู่ห่างฝักดาบเลยตั้งแต่ปรากฏตัวขึ้นมาผิวน้ำ เมื่อตอนอยู่ที่ก้นทะเลสาบ มันเกือบจะถูกเจ้าตัวชักออกมาจากฝักอยู่แล้ว ทว่าชายหนุ่มก็เก็บมันกลับไปอย่างรวดเร็ว และดูท่าทางระมัดระวังยิ่ง
มันมีอะไรพิเศษกันนะ?
เผชิญหน้ากับคนชุดดำและขาวเช่นนี้ ตรงหน้าเป็นเหลียนซือสองคน หากไม่นับชิงอวี่แล้ว ก็มีเหลียนซือคนหนึ่งที่คิดจะต่อต้านนาง
เหยี่ยนพั่วรู้สึกโกรธเล็กน้อย ใบเย็นชาไร้อารมณ์แปรเปลี่ยน นางกัดฟันแน่น “เหลียนซือ ท่านเล่นอะไรกันแน่? ข้าก็อยากเล่นกับท่านอยู่หรอก อย่าคิดว่าแค่เจ้าเหนือหัวโปรดปรานท่านแล้วจะทำอะไรตามอำเภอใจได้โดยไม่ใส่ใจคนอื่นได้นะ! หากไม่อยากถูกเจ้าเหนือหัวลงโทษ เช่นนั้นก็จับตัวแม่นางน้อยแล้วนำตัวนางมา!!”
เดิมทีเหลียนซือชุดดำไม่ได้อยากยุ่งเกี่ยวด้วย
แต่เมื่อ ‘เหลียนซือ’ ตัวจริงกลับมาแล้ว ดวงใจปีศาจในร่างก็เกิดการเปลี่ยนแปลงไปมาก ทำให้นิสัยเขาบิดเบี้ยว กลายเป็นคนดื้อรั้นกระหายเลือดขึ้นมา
คำของเหยี่ยนพั่วดังสะท้อนอยู่ในหู สำหรับเขาแล้ว มันเป็นคำขู่และคำท้าทายโจ่งแจ้งทีเดียว ทั้งเสียงของนางก็ราวกับกำลังออกคำสั่ง
นั่นทำให้ใจเขาขุ่นเคืองขึ้นมา ดวงตาสีม่วงพลันส่องประกายเฉียบ ราวกับมีโลหิตสีแดงแต้ม
มุมปากยกยิ้มขึ้นเป็นโค้งกว้าง เผยให้เห็นฟันขาวดูชั่วร้าย เป็นภาพที่ดูน่ากลัวนัก น้ำเสียงเอ่ยคำช้า ๆ เบา ๆ ราวกับเค้นคำ “สิ่งที่ข้าเกลียดที่สุด คือเวลาที่คนอื่นพูดจาโดยใช้น้ำเสียงเช่นนั้นกับข้า”
หึ เขาไม่ใช่…..
ไอ้ขยะอ่อนแอไร้ทางสู้ที่ใครจะมาเหยียบย่ำได้อีกแล้ว!
ร่างชายหนุ่มในชุดดำราวกับโอบล้อมไปด้วยกลิ่นอายชั่วร้ายราวกับผู้มาจากนรก ใครเห็นเป็นต้องรู้สึกหวาดกลัวอย่างที่ไม่อาจอธิบายเป็นคำพูดได้
เหยี่ยนพั่วใจราวกับถูกบีบ นางตวาดออกมา “เสียสติไปแล้วหรือ? กล้าลงมือกับข้าหรือไร!?”
หากบอกว่านางไม่กลัวก็คงพูดปด
เพราะลึก ๆ แล้ว นางรู้ดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเหลียนซือ อีกทั้งยังไม่อาจหยั่งพลังบำเพ็ญของอีกฝ่ายได้เลย
แต่ทุกคนทั่วทั้งยอดเขาใจสงบรู้ดีว่าชายคนนี้ไม่ควรมีปัญหาเกี่ยวพันด้วย กระทั่งเจ้าเหนือหัวเองจะทำอะไรยังต้องระวัง
ภายใต้เปลือกนอกที่ดูสุภาพ ยังมีอสูรที่นอนนิ่งซุกซ่อนอยู่ภายในมายาวนาน พร้อมกระโจนใส่เมื่อโอกาสมาถึง
เห็นสีหน้าที่ขัดแย้งกับความรู้สึกกลัวภายในของนางแล้ว เหลียนซือชุดดำก็หัวเราะหยัน จ้องนางตาไม่กะพริบ “หากใช่แล้วเจ้าจะทำไม?”
พูดจบแล้ว เขาก็ไม่ให้โอกาสเหยี่ยนพั่วอีก ชุดสีดำพลิ้วไสว พุ่งเข้ามาด้วยความเร็วสูง โบยบินเหนือหิมะขาว ราวกับปีศาจสีดำที่พลันมีปีกงอกออกจากหลัง
“เกิดอะไรขึ้นกับเขากัน?” ชิงอวี่มีสีหน้าประหลาดใจเล็กน้อย
ทำไมจู่ ๆ เขาถึงได้ดูดุดันต่ออีกฝ่ายเช่นนั้น?
เมื่อครู่นี้ ยังทำเหมือนกับว่านางจะอยู่หรือตายก็ไม่ใช่เรื่องของเขาอยู่เลยนี่นา? แต่ตอนนี้….. เขากลับช่วยเหลือนางงั้นหรือ!?
นางไม่อยากคิดไปเองว่าเขากำลังทำเพื่อนางอยู่
ดูเหมือนว่าคำพูดของอีกฝ่ายเมื่อครู่จะทำอารมณ์เขาขึ้นกระมัง
ดังนั้นแล้ว เหลียนซือชุดขาวกลับหัวเราะออกมาเสียงเบา จากนั้นเอ่ยขึ้นช้า ๆ “ชายคนนั้น เมื่อครั้งยังเป็นมนุษย์ ทั้งหยิ่งทะนงในศักดิ์ศรีและเกียรติของตนมาก แม้จะมีกำลังน้อย แต่ก็มีนิสัยดื้อรั้น ไม่ยอมแพ้ราวกับหินผา เจ้าคิดเจ้าแค้นยิ่ง”
พูดถึงจุดนี้ เขาก็หยุดไปเล็กน้อย ก่อนจะหันไปหาเหยี่ยนพั่วพี่กำลังตื่นตกใจ แล้วยกยิ้มขึ้น “สตรีผู้นั้นคงเคยมีความบาดหมางกันมาก่อน เขาคงอยากจัดการนางมานานแล้ว”
“ แต่ดูเมื่อครู่เขายังไม่มีทีท่าว่าจะช่วยข้าเลยแท้ ๆ ” ชิงอวี่ยกมือขึ้นลูบคางตน หน้าตาครุ่นคิด พยายามเข้าใจสถานการณ์ “อีกทั้ง ไม่ใช่ว่าสตรีผู้นั้นอยู่ฝั่งเดียวกันหรอกหรือ? เขาคิดจะทรยศหมิงเยว่จริงหรือนี่??”
“ข้าไม่คิดว่าเขาจะคิดเล็กคิดน้อยถึงเพียงนั้น เจ้าก็เห็นแล้ว…..” เหลียนซือชุดขาวว่าพลางส่งสายตาครุ่นคิดไปยังคนทั้งสองที่สู้กันอยู่ “เกรงว่าดวงใจปีศาจในร่างคงจะกลายพันธุ์มากกว่าเก่า แม้เขาอยากจะรั้งตนเองไว้ แต่ก็ไม่อาจทำได้”
“กลายพันธุ์…..”
“หัวใจในร่างของเขาเดิมทีเป็นหัวใจในร่างข้า ตอนนี้กลับอยู่ในร่างของคนอื่น และเมื่อพวกเราปรากฏตัวขึ้นพร้อมกัน ดวงใจปีศาจดวงนั้นที่เดิมทีเป็นของข้าจึงเสียการควบคุม ร่างมนุษย์ธรรมดาไม่สามารถรองรับมันไว้ได้ มันถึงได้ส่งผลต่อเขาเช่นนั้น”
เหลียนซือชุดขาวค่อย ๆ อธิบายให้ชิงอวี่ฟัง
ชิงอวี่พยักหน้าเข้าใจแล้วเอ่ยถามชายหนุ่ม “แล้วสุดท้าย….. เขาจะกลายเป็นอะไรไปเล่า?”
เหลียนซือชุดขาวเงียบไปชั่วครู่ “ก็จะเข้าสู่ทางมาร กลายเป็นปีศาจชั้นต่ำ ใฝ่หาแต่เลือดและเนื้อสด ไม่หลงเหลือสติปัญญาใดอยู่อีก”
เป็นประเภทที่ออกมาเมื่อไหร่ ก็จะถูกไล่ล่าสังหารอย่างโหดเหี้ยม
“เช่นนั้นหากหัวใจถูกเอาออกไป เขาก็ไม่ต้องกลายเป็นปีศาจงั้นหรือ?”
“อา เจ้าลืมไปว่าเขายังอยู่ได้เพราะหัวใจดวงนั้น”
เมื่อหัวใจถูกนำออกไปแล้ว เขาย่อมตายยังไม่เป็นที่สงสัย
อีกฝั่งหนึ่ง เหยี่ยนพั่วกำลังพยายามหลบการโจมตีจากเหลียนซือชุดดำที่ชั่วร้ายราวกับปีศาจ นางสู้เขาไม่ได้อยู่เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว ตอนนี้ยังต้องมาประมือกับคนที่มีจิตใจหมายสังหารนางให้สิ้นอีก เหยี่ยนพั่วจึงทำได้แต่ตั้งรับเท่านั้น
กลิ่นอายที่แผ่ออกจากร่างเขามันน่ากลัวเกินไป ส่งผลให้คนอื่น ๆ ที่มากับเหยี่ยนพั่วถอยออกไปโดยไม่รู้ตัว ไม่มีแม้แต่คนเดียวที่กล้าเข้ามาช่วยนาง
เหยี่ยนพั่วอดรู้สึกตื่นตระหนกไม่ได้ กรีดเสียงร้องขึ้นมาด้วยความลนลาน “ไอ้เจ้าพวกขยะไร้ค่าทั้งหลาย รีบเข้ามาปกป้องข้าให้ข้าหนีไปเสียสิ!”
นางเอ่ยคำออกมาแล้ว คนทั้งหมดยิ่งถอยห่างจากนางมากขึ้นไปอีก
“พวกเจ้ากล้าขัดคำสั่งข้าได้อย่างไร!” เหยี่ยนพั่วดวงตาสีแดงฉานด้วยความโกรธ
คนผู้หนึ่งดูลังเลอยู่บ้าง จึงเอ่ยปากขึ้นช้า ๆ “ท่านเองยังไม่อาจสู้ท่านเหลียนซือได้ แล้วพวกเราจะไปต้านทานเขาได้อย่างไร? คงมีแต่ส่งตนเองไปตาย อีกทั้งนี่ยังเป็นความขัดแย้งระหว่างพวกท่าน ไม่ใช่เรื่องที่พวกข้าต้องเข้าไปยุ่งเกี่ยว”
ว่าแล้ว ทั้งหมดก็ไม่แม้แต่จะหันไปมองชิงอวี่ที่ตอนแรกคิดจะมาจับนาง และหายตัวไปในพริบตา
เหยี่ยนพั่วได้แต่เบิกตากว้างยืนมองด้วยความตกตะลึงอึ้งไป “……”
เกิดอะไรขึ้นกัน?
พวกนั้นทิ้งนางไว้แล้วหนีไปหรือ?
เหลียนซือชุดขาวหัวเราะออกมาเสียงดัง “ดูท่าสตรีผู้นี้ปฏิบัติกับพวกเขาไม่ดีนัก”
เหยี่ยนพั่วถูกเหลียนซือโจมตีไปหลายครั้ง และแม้เกราะจะถูกทำลายไปแล้ว สองมือก็ยังป้องอยู่ที่อก ร่างถอยไปด้านหลังหลายก้าวหน้าตาดูเจ็บปวด
หากแต่ชายหนุ่มดูไม่มีทีท่าว่าจะหยุด ยังคงบีบคั้นต่อไป เหยี่ยนพั่วกระอักเลือดออกมาคำใหญ่ กรีดเสียงออกมาด้วยความหวั่นเกรง “เหลียนซือ! การพาแม่นางน้อยกลับไปเป็นหน้าที่ของท่าน ไม่ใช่เอาแต่โจมตีข้าเป็นสุนัขบ้าเช่นนี้!!”
“สุนัขบ้างั้นหรือ?” เหลียนซือแสยะยิ้มริมฝีปากเป็นรอยยิ้มกว้าง เสียงหัวเราะดูชั่วร้าย “หากเป็นเช่นนั้นแล้ว ยังจะหาเหตุผลจากสุนัขบ้าอีกหรือ…..”
พูดจบ ก็กระแทกฝ่ามือหนึ่งเข้าใส่เหยี่ยนพั่วอย่างรุนแรง ร่างนางกระเด็นไปราวกับว่าวสายป่านขาด ไถลไปตามพื้นหิมะไกลพอสมควร
ชิงอวี่แค่มองก็รู้สึกเจ็บแทนแล้ว
ทำไมถึงได้มาสู้กันเองอยู่เช่นนี้ได้เล่า?
นางยืนมุ่นคิ้วอยู่แบบนั้น กำลังจะแนะนำให้ชายหนุ่มข้างกายให้จากไปน่าจะดีกว่า เสียงร้องโหยหวนดูไร้เดียงสาก็ดังขึ้นมาจากที่ไกล ดูทั้งตื่นเต้นทั้งยินดีนัก
พริบตาต่อมา สิ่งมีชีวิตบางอย่างที่มีขนนุ่มนิ่มก็กระโดดเข้ามาในอ้อมแขน
แรงกระโดดไม่น้อยทำให้ชิงอวี่เซไปเล็กน้อย พลันก้มหน้าลงมอง สบสายตาเข้ากับดวงตากลมโตสีน้ำเงินสดใสที่จ้องตอบกลับมา
“ท่านแม่ ในที่สุดก็พบท่านสักที”
น้ำเสียงเหยาะแหยะเล็ก ๆ นั่นยังคงงอแงอย่างน่ารักต่อ พร้อมกับผลุบออกจากแขนนางท่าทางชำนิชำนาญ ไปนั่งบนไหล่แล้วใช้หน้าถูกับคอชิงอวี่ ทำเป็นเจ้าตัวช่างอ้อน
“โร่วโร่ว ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้เล่า?” ชิงอวี่กะพริบตาประหลาดใจ แต่ไม่ได้เจอกันนานจึงดีใจที่ได้พบเจ้าตัวเล็ก อดยื่นมือไปลูบศีรษะน้อยของมันไม่ได้
โร่วโร่วเอาศีรษะถูมือนุ่มของนางแล้วเอ่ยเสียงอ่อน “ข้ามาพร้อมกับน้าเสี่ยวเป่ยและคนอื่น ๆ ข้าจับกลิ่นท่านแม่ได้ยากมาก พอได้กลิ่นท่านแม่แล้วก็รีบมาทันที”
ชิงอวี่ชะงักไป “คนอื่น ๆ?”
อึดใจต่อมา ชิงอวี่ก็เข้าใจว่าเจ้าอสูรตัวน้อยหมายความว่าอะไร
ที่ไกล ๆ นั้นมีคนกลุ่มหนึ่งกำลังปรากฏตัวขึ้น ดูแล้วมีประมาณยี่สิบกว่าคน หลาย ๆ คนเป็นใบหน้าที่นางคุ้นเคย
หากแต่คนแรกที่นางเห็น กลับเป็นคนที่มีใบหน้าหล่อเหลาไร้ที่ติในชุดสีม่วง
ทั้งที่ยังอยู่ห่างกันมากแท้ ๆ แต่พริบตาเดียวนางก็เห็นเขาแล้ว บังเอิญว่าชายหนุ่มก็หันมาทางนางเช่นกัน ทั้งคู่จึงได้สบตากัน
“อาเหยา…..” ชิงอวี่ขยับริมฝีปากช้า ๆ ไม่รู้เพราะเหตุใด อาจเพราะที่นี่มันหนาวเกินไปก็เป็นได้ ในลำคอจึงได้รู้สึกแห้งผากนัก ไม่อาจเปล่งเสียงใดออกไปได้
แต่ชายหนุ่มเหมือนจะเข้าใจสิ่งที่นางเอ่ย ด้วยนัยน์ตาเป็นประกายสดใส พริบตาเดียว ร่างของเขาก็แวบจากระยะไกลมาอยู่ตรงหน้านางแล้ว
คลื่นน้ำวนในดวงตาสีม่วงราวกลับจะมีความรู้สึกซับซ้อนอยู่ภายใน เขาอ้าแขนทั้งสองออกแล้วรั้งร่างเด็กสาวเข้าในอ้อมแขน น้ำเสียงทุ้มต่ำเจือแววอ่อนโยนไว้เล็กน้อยกล่าวคำ “เจ้าตัวเล็ก ให้ตามหาเสียยกใหญ่เชียว”
ชิงอวี่กะพริบตา ไม่รู้ทำไมในใจถึงได้รู้สึกหน่วง ๆ ขึ้นมา
“รู้หรือไม่ว่าข้าคิดถึงเจ้าแค่ไหน? หืม?”
โหลวจวินเหยาถอนหายใจเสียงเบา น้ำเสียงดูจนใจเต็มไปด้วยความสิ้นหวัง “ตอนที่เจ้าไม่อยู่ รู้สึกว่ามันผ่านไปนานยิ่งนัก ข้าจะเป็นบ้าแล้ว…..”
ถ้าอ่าน “สาวงามตัวร้าย_ท่านจอมมารได้โปรดโนตกซะทีเถอะ” แล้วยังไม่จุใจ งั้นไปอ่านกันต่อได้ที่เว็บ Enjoybook.co เพราะที่นั่นลงนำไปแล้วกว่า 30 ตอน !!