สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 333 ตอนจบ ( 2)
บทที่ 333 ตอนจบ ( 2)
บทที่ 333 ตอนจบ ( 2)
“แล้วเมื่อไหร่เจ้าจะมีตำแหน่งอย่างเป็นทางการให้ข้าเสียที?”
ชิงอวีนิ่งงัน ราวกับไม่คิดว่าเขาจะเอ่ยประโยคเช่นนั้นออกมา
เขาหมายความว่า….. อะไรกัน?
“จำที่สัญญาไว้ได้หรือไม่?”
โหลวจวินเหยายิ้มมุมปากแล้วมองเด็กสาวที่อึ้งอยู่ น้ำเสียงเขาแหบพร่าเล็กน้อยยามเอ่ยคำต่อ “หลังเราช่วยอาหลานมาได้ เราก็จะแต่งกันอย่างเป็นทางการ ให้เจ้า….. ได้เป็นของข้าอย่างสมบูรณ์สักที”
คำพูดเขาเปี่ยมไปด้วยความหมาย ทั้งยั่วทั้งเย้า ทำเอาเด็กสาวใจสั่น
ชิงอวี่กะพริบตาใสก่อนเลิกคิ้วถาม “ข้าเคยพูดไว้หรือ?”
“จะทำเป็นไม่รู้เรื่องหรือไร?” โหลวจวินเหยาหรี่ตาลงแล้วหัวเราะเบา ๆ เขาโน้มร่างเข้ามาใกล้ใบหูนางแล้วกระซิบบางอย่าง ทำเอานางร่างแข็งค้างไปพร้อมสีหน้าเขินอาย ก่อนมันจะกลายเป็นสีแดงก่ำ ยิ่งทำให้ดูมีเสน่ห์เย้ายวนมากขึ้นไปอีก
คนอันธพาลนี่…..
ทำมาพูดว่าเขาเห็นทุกสัดส่วนบนร่างนางแล้ว ฉะนั้นนางแต่งกับเขาได้แค่คนเดียวเท่านั้น และต่อไปเพื่อไม่ให้นางเสียเปรียบเขา เขาจะให้นางดูของเขาทุกวันเลย…..
ช่างไร้ยางอายจริง!
เห็นทั้งสองคนเช่นนั้นแล้ว ชิงหลานเฟยจึงหัวเราะออกมา นางหันไปมองชิงอวี่ที่มีสีหน้าเขินอาย “จวินเอ๋อร์เป็นเด็กที่แม่เจ้าเฝ้ามองดูการเติบโตมา รับรองได้ว่าเป็นคนดีแน่นอน หากพวกเจ้าสองคนอยู่ด้วยกัน ข้าก็ไม่ต้องกลัวว่าเจ้าจะถูกรังแกแล้ว”
เห็นเด็กคนนั้นเป็นห่วงเป็นกังวลเมื่อตอนเสี่ยวชิงเอ๋อร์ยังไม่ได้สติ ไม่ยอมห่างนางสักก้าวตลอดเวลาแล้ว เห็นได้ชัดว่าเขาใส่ใจเสี่ยวชิงเอ๋อร์ของนางมากเพียงไหน
“เห็นหรือไม่? กระทั่งอาหลานยังพูดเข้าข้างข้าเลย เจ้ายังจะปฏิเสธข้าอีกหรือ?” โหลวจวินเหยาเลิกคิ้วมอง เหมือนจะประท้วงว่านางใจจืดใจดำกับเขานัก
ชิงอวี่นิ่งเงียบหันมองม่อจิ่งอวี้ที่ไม่พูดอะไรเลยสักคำ จากนั้นเอ่ยคำขึ้นเบา ๆ ว่า “แต่ท่านพ่อยังไม่ได้ตกลงเลยกระมัง? หากท่านพ่อไม่ตกลง ท่านก็คงทำบางอย่างให้ท่านพ่อไม่ชอบ และข้าก็จะไม่ขัดความต้องการท่านพ่อแน่”
คำของนางทำเอาทุกคนประหลาดใจ แต่ที่ตกใจที่สุดเห็นจะเป็นม่อจิ่งอวี้
ไม่คิดเลยว่าชิงอวี่จะใส่ใจความเห็นเขามากเช่นนั้น พ่อลูกเพิ่งจะกลับมาพบกันได้ไม่นาน ความสัมพันธ์ยังไม่ใกล้ชิดเพียงนั้น แต่ดูท่านางจะเคารพเขา เห็นเขาเป็นบิดาจากก้นบึ้งหัวใจทีเดียว
เขาไม่ตาบอดถึงขนาดไม่เห็นว่านางรักเจ้าปีศาจน้อยโหลวจวินเหยานั่นมากเพียงไหน ทั้งยังใส่ใจอีกฝ่ายเพียงไหน
ลูกสาวของเขาแสดงให้เห็นเด่นชัดเช่นนั้นแล้ว มีหรือเขายังจะกล้าหยุดยั้งนางต่อ?
อีกอย่าง นอกจากนิสัยของเจ้าหนุ่มที่ดูจะเข้ากับเขาไม่ค่อยได้แล้ว โหลวจวินเหยาก็ไม่มีจุดใดให้ติแล้วจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าตา ฐานะ ตัวตน ทั้งหมดล้วนไม่เป็นสองรองใคร ยังหนุ่มยังแน่นหากแต่มีความสามารถมากล้น
ม่อจิ่งอวี้ได้แต่ถอนใจ ช่างเถอะ
ราวกับว่าพริบตาเดียว เฟยเอ๋อร์และลูก ๆ จะเติบโตกันหมดแล้ว
นึกย้อนอดีตไปแล้ว เมื่อครั้งทั้งคู่ยังฝ่าฟันอะไรต่อมิอะไรมาด้วยกัน ตอนนี้ลูกสาวของพวกเขาก็เติบโตมากพอจะได้อยู่เคียงคู่กับคนที่นางรักแล้ว พวกเขาควรจะอวยพรถึงจะถูกสิ?
“เด็กโง่เอ๋ย หากเจ้าเลือกดีแล้ว ไม่ว่าข้าจะลังเลเพียงไหน ข้าก็เคารพการตัดสินใจของเจ้า” ม่อจิ่งอวี้เอื้อมมือไปลูบแก้มเด็กสาว เอ่ยเสียงอ่อนโยนอบอุ่นออกมา
“ขอบคุณท่านพ่อ” ชิงอวี่เผยนัยน์ตายิ้ม รอยระยับแห่งความปีติส่องประกายอยู่ในนัยน์ตาหงส์
ในชาตินี้ นางมีบิดามารดาที่รักนางมาก มันช่างรู้สึก….. ดีมากจริง ๆ
ชิงหลานเฟยกับม่อจิ่งอวี้อยู่คุยกับชิงอวี่อีกพักหนึ่ง ทั้งคู่คงอยากให้นางกับโหลวจวินเหยาได้มีเวลาให้กัน ดังนั้นจึงไม่อยู่นานไป ด้วยนอนอยู่บนเตียงมานาน ทั่วร่างชิงอวี่จึงติดขัดไปหมด ดังนั้นจึงลำบากไม่น้อยกว่าจะลงจากเตียงได้ นางอยากเดินยืดเส้นยืดสายสักหน่อย
นางหัวแข็งเช่นนั้น โหลวจวินเหยาจึงได้แต่ยอมตาม
ทิวทัศน์ในสำนักเซียนแพทย์นั้นงดงามแทบลืมหายใจ ฤดูกาลเพิ่งเข้าหน้าร้อน บุปผานานาพันธุ์มากมายเบ่งบาน บรรยากาศอบอุ่นน้อย ๆ กำลังดี
ในขณะที่ชิงอวี่กำลังเดินทอดน่องอยู่นั่นเอง ฝีเท้านางพลันชะงักลง
โหลวจวินเหยาที่เดินอยู่ด้านหลังก็หยุดเท้าเช่นกัน “มีอะไรหรือ?”
ชิงอวี่เงียบไปเล็กน้อย ก่อนจะถามขึ้นเสียงเบา “หลังจากวันนั้น ….. เสี่ยวเยี่ยไปไหนหรือ?”
โหลวจวินเหยานัยน์ตาทะมึนลงเล็กน้อยก่อนตอบ “เขาบอกว่าเขาจะกลับไปยังที่ที่เขาควรอยู่…..”
“เขาได้….. พูดอะไรอีกหรือไม่?”
โหลวจวินเหยาขมวดคิ้วขึ้น เหมือนไม่อยากเอ่ยถึง แต่ก็ยังเล่าเรื่องที่นางอยากรู้ให้ฟัง
“เขาบอกว่าเขาจะไม่บอกลาเจ้า เพราะหากได้เห็นเจ้าเขาคงพูดไม่ออก แล้วยังบอกว่า…..” น้ำเสียงเขาพลันเงียบไป
ชิงอวี่เลิกคิ้วขึ้น “เขาบอกว่าอะไรหรือ?”
นัยน์ตาโหลวจวินเหยาเจออารมณ์อ่านไม่ออก “เขาว่าเจ้าโกหกเขา”
“การจากลา ไม่ว่าจะเป็นตอนไหนหรือที่ใด ย่อมไม่ใช่เรื่องดี และตั้งแต่ที่เขาพบเจ้า ก็มีแต่ต้องพรากจากกัน ไม่เคยได้อยู่ด้วยกันเลยสักครา”
แม้เขาจะรู้ว่านางไม่รู้สึกกับเขาเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่ก็ยังโหยหาความรู้สึกจากนางมาตลอดเช่นกัน แม้เพียงสักนิดก็ยังดี เพียงนางเหลือบสายตามาสักครา เขาก็ไม่เสียใจแล้ว
ลึก ๆ เขารู้ดี ว่าถึงแม้จะเป็นความหวังเสี้ยวเล็กสักแค่ไหน แต่มันก็ไม่มีทางเป็นจริงแน่
เพราะเขากับนาง เป็นคนจากคนละโลกกัน
แม้จะใกล้กันมาก ถึงขนาดพูดได้ว่าใกล้แค่เอื้อม แต่ระยะห่างระหว่างเขากับนางกลับเหมือนหุบเหวที่ไม่อาจก้าวข้าม ได้แต่เป็นคนแปลกหน้าที่ใกล้ชิดกันที่สุดตลอดไป
ความรู้สึกเช่นนี้ มันเจ็บปวดเกินกว่าจะทนจริง ๆ
มันเหลือทนมากเกินไปจริง ๆ เขาไม่อาจฝืนทนได้อีกต่อไปแล้ว
ดังนั้นเขาจึงคิดว่า หากมีช่องว่างระหว่างกันที่ไม่อาจก้าวข้ามได้ ที่ทั้งสองไม่อาจได้ข้ามมาพบกันได้จริง ๆ เข้า เขาก็จะไม่รู้สึกทรมานมากมายเช่นนี้อีกต่อไป
ไม่เช่นนั้นก็เกรงว่าสักวันเขาคงไม่อาจยับยั้งอสูรที่เขากักขังไว้ภายในได้
โหลวจวินเหยาเหลือประโยคสุดท้ายไว้ไม่ได้เอ่ย เพราะเขาเชื่อว่าชิงอวี่คงเข้าใจแล้ว คงเดาไว้แล้วว่าสุดท้ายอีกฝ่ายคงต้องเลือกเช่นนี้
หลังได้ยินสิ่งที่โหลวจวินเหยาเล่า ชิงอวี่ก็เงียบไปนาน ผ่านไปหลายขณะ น้ำเสียงแผ่วเบาจึงเอ่ยคำขึ้น
“ข้ารู้สึกติดค้างเสี่ยวเยี่ยมาโดยตลอด ทั้งเมื่อชาติก่อนและชาตินี้ เขาใช้ชีวิตเพื่อข้ามาโดยตลอด เขาเองก็แข็งแกร่งมีอำนาจขึ้นมาจนเกินพอแล้ว แต่กลับทำว่าตนเองไร้อำนาจไร้สิ่งใดต่อหน้าข้า เฮ้อ…..”
นางหัวเราะเยาะตนเองออกมาแล้วหลุบตาลง “ข้าทำอะไรถึงคู่ควรกับเรื่องเช่นนั้นได้ ข้าก็แค่เก็บเขามาจากกองหิมะเท่านั้น จากนั้นเขาก็ปฏิบัติต่อข้าราวกับข้าเป็นทุกอย่างของเขา ข้าอยู่เขาอยู่ หากข้าตายเขาก็จะตามมาอย่างโง่งม เขาควรจะมีชีวิตที่ดีกว่านี้แท้ ๆ…..”
“ความรักไม่ใช่สิ่งที่เราควบคุมได้ เขาอาจคิดว่ามันเป็นเรื่องน่ายินดี เป็นความสุขก็ได้ที่เขาสามารถปกป้องเจ้าเงียบ ๆ จากเบื้องหลังได้” โหลวจวินเหยาสวมกอดนางจากด้านหลัง น้ำเสียงทุ้มต่ำเอ่ยคำอ่อนโยนที่ข้างหู
“งั้นหรือ?” ชิงอวี่เงยหน้าขึ้นน้อย ๆ มองตาเขา “หากเป็นท่าน ท่านก็จะทำแบบเดียวกัน ปกป้องข้าเงียบ ๆ เช่นนั้นเหมือนกันหรือไม่?”
โหลวจวินเหยายกยิ้มมุมปาก “ย่อมไม่ทำ”
ชิงอวี่เลิกคิ้วขึ้นทันที นัยน์ตาเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ
“หากข้าหมายตาใครไว้แล้ว ข้าย่อมทำทุกอย่างสุดความสามารถให้นางเป็นของข้า ข้าไม่มีทางทำตัวเป็นคนที่ปกป้องอยู่เงียบ ๆ คอยมองนางหัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมแขนชายอื่น ในขณะที่ข้าต้องหลบซ่อนเป็นแน่ ให้ทำเช่นนั้นข้าขอตายไปเสียยังดีกว่า” โหลวจวินเหยาพ่นเสียงหัวเราะเหยียดออกมา
ได้บินคำพูดอันธพาลเช่นนั้นแล้ว ชิงอวี่จึงหัวเราะเสียงเบาออกมา “ท่านนี่น่ากลัวไม่ใช่น้อยเลยนะ? ข้าว่าหากข้าไม่เลือกอยู่กับท่าน ก็ไม่รู้ว่าจะต้องถูกทรกรรม อะไรบ้าง!?”
นางเพิ่งจะว่าจบ ก็รู้สึกถึงลมอุ่น ๆ ที่เป่าผ่านใบหู ติ่งหูถูกริมฝีปากอุ่นของชายหนุ่มขบไว้ ไม่เบาไม่แรง แต่ให้ความรู้สึกจั๊กจี้ นางจึงหดคอลงทันใด “ท่านจะกัดข้าทำไมกัน?”
“ข้าทั้งรักทั้งตามใจเจ้ามากเช่นนี้ มีหรือจะกล้าทำเรื่องเช่นนั้นได้?” โหลวจวินเหยาพูดยิ้ม ๆ พลางโน้มหน้าลงจูบแก้มนาง
ได้ยินดังนั้น ชิงอวี่ก็ยกยิ้มอ่อนโยนอบอุ่นขึ้น “โชคชะตาช่างน่าพิศวงนัก ตอนเจอกันครั้งแรก ท่านเกลียดข้ามากจนอยากแต่จะสังหารทิ้ง แต่สุดท้ายเรากลับได้มาคู่กันเสียได้”
“หากตอนนั้นข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนงามเช่นนี้ ก็คงไม่กล้าลงมือโจมตีเจ้าด้วยซ้ำ ทั้งเรื่องยังเกิดขึ้นแค่เพียงสมุนไพรกอหนึ่ง ถึงเจ้ามาช่วงชิงข้าไปทั้งตัว ข้าก็คงไม่ขัดขืนแม้แต่น้อย”
โหลวจวินเหยาแนบใบหน้าลงกับแก้มนวล แล้วเอยคำด้วยสีหน้าเย้าหยอก “โชคดีที่ตอนนั้นไม่ได้ทำร้ายเจ้า ไม่เช่นนั้นใจข้าคงแตกสลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย”
“ท่านนี่วาจาลื่นไหลจริง” ชิงอวี่แกล้งตวัดสายตาโกรธมอง “ไม่คิดเลยว่าท่านจะสนเรื่องหน้าตามากเช่นนี้ เช่นนั้นหากข้าหน้าตาน่ามองน้อยกว่านี้สักหน่อย ท่านก็คงจำหน้าข้าไม่ได้เลยกระมัง”
โหลวจวินเหยาเห็นใบหน้าหงุดหงิดไม่พอใจของนางแล้วก็ขำขัน นัยน์ตางามนางส่องประกายมีชีวิตชีวาด้วยแสงอันลึกล้ำที่ทั้งเย้ายวนและยั่วใจ โหลวจวินเหยาอดโน้มใบหน้าหล่อเหลาเข้าใกล้นางช้า ๆ ไม่ได้ ใกล้เสียจนยามนางกล่าวคำริมฝีปากก็แนบชิดกัน
ใบหน้าชิงอวี่ค่อย ๆ ร้อนระอุ นางหมายจะเดินถอย หากแต่มือแกร่งกลับประคองท้ายทอยนางไว้มั่น ไม่ยอมให้นางหนี
“ท่านคิดจะทำอะไร…..” นางหลบสายตาหนี
“หากข้าพูดเจ้าอาจไม่เชื่อคำข้า”
โหลวจวินเหยาหัวเราะเบา ๆ จากนั้นจ้องตานางพลางเอ่ยคำ “หลังจากครานั้น ข้าก็พบว่าตนเองเอาแต่คิดถึงเจ้าอยู่บ่อยครั้ง ข้าคิดว่าตนเองคงถูกสิง ที่ไม่อาจลืมเจ้าเด็กคนที่เพิ่งได้พบทั้งยังกล้ามาขโมยของของข้าไปได้ ถึงจะออกคำสั่งให้ตามหาตัวเจ้า แต่ก็ไม่คิดทำร้ายเจ้าเลย ทว่า….. ข้าเพียงแต่อยากเห็นเจ้าอีกสักครั้ง”
พูดถึงตรงนี้ สีหน้าเขาก็ดูมีเสน่ห์เย้ายวนอย่างชั่วร้าย “นึกย้อนดูแล้ว ภาพที่เจ้าแต่งกายเป็นคุณชายก็สลักลึกลงในใจข้าไปแล้ว คงจะถูกลิขิตไว้แล้วเป็นแน่!”
มุมปากชิงอวี่ยกขึ้น ที่เขาว่ามาก็ไม่ผิด ดูท่าหลาย ๆ อย่างที่เกิดขึ้น เหมือนกับถูกชะตาลิขิตไว้ก่อนหน้าแล้วอย่างไรก็อย่างนั้น
นางพลันนึกยางอย่างขึ้นได้จึงเอ่ยถาม “แล้วเสี่ยวเป่ยเล่า? ทำไมถึงไม่เห็นเลย?”
เจ้าเด็กคนนั้นเป็นห่วงนางอยู่ตลอด นางฟื้นมาสักพักแล้ว เขาไม่ควรจะหายไปเช่นนี้สิ
เห็นนางถามเช่นนั้น โหลวจวินเหยาก็หัวเราะหยัน “เกรงว่าเด็กคนนั้นคงไม่มีเวลาให้เจ้าอีกต่อไปแล้ว เมื่อหลายคืนก่อน เขาคว้าอสูรวิญญาณแมวเงามืดได้ก็พามันไปอาบน้ำ สุดท้ายแมวในบ่อน้ำกลับกลายเป็นเด็กสาวเสียอย่างนั้น”
“อะไรนะ?” ชิงอวี่เบิกตากว้าง “ท่านหมายความว่า….. โร่วโร่ว….. กลายเป็นมนุษย์งั้นหรือ?”
“อืม เป็นเด็กสาวร่างระหงดั่งหลิว มีเสน่ห์เย้ายวนเสียด้วย! ชิงเป่ยคงหลงเสน่ห์นางอยู่ มีหรือจะนึกถึงเจ้าได้? เห็นไหม? มีแต่ข้าที่จริงใจกับเจ้า” โหลวจวินเหยาว่าพยายามสร้างความขัดแย้ง แต่ก็ไม่ลืมเอ่ยชมตนเองไปด้วย
ทว่าชิงอวี่ไม่สนใจเขาแล้ว นัยน์ตานางเป็นประกายระยับด้วยความสนอกสนใจ “พาข้าไปหาที! ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าก้อนร่างมนุษย์มาก่อนเลยนะ!”
โหลวจวินเหยาได้แต่ยืนมองนางหายตัวไปในพริบตา สีหน้านิ่งอึ้งไป ก่อนจะถอนหายใจจนใจออกมา
แม่นางน้อยยังไม่ให้คำตอบเขาเลย เขาตระเตรียมทุกอย่างไว้แล้วแท้ ๆ เพียงแต่รอให้นางได้สติ ทั้งสองก็จะได้เข้าพิธีแต่งงานกัน
ช่างเถอะ อย่างไรนางก็หนีเขาไม่พ้นแล้ว จะรีบร้อนไปไย
เขายกมุมปากขึ้นน้อย ๆ ก่อนจะรีบตามหลังเด็กสาวไปให้ทัน
— จบบริบูรณ์ —
จากนักแปล: จบแล้วนะคะ กับเรื่อง สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! แต่ทางนี่รู้สึกเหมือนท่านจอมมารจะเป็นฝ่ายไปตกสาวงามเองนะเจ้าคะ ( แอบเห็นว่ามีคนคิดเหมือนกัน55555 ) ขอบคุณที่รักและคอยติดตามชิงอวี่มาตั้งแต่ต้นจนจบนะคะ หวังว่าจะมีโอกาสได้พบกับนักอ่านที่รักอีก ขอบคุณมากค่ะ!
สนพ.เอ็นจอยบุ๊คต้องขอบคุณนักอ่านที่น่ารักทุกท่าน ในตลอดการเดินทางนับ 6 เดือนที่ผ่านมา เราขอขอบคุณนักอ่านทุกท่านที่เชื่อมั่นและสนับสนุนนิยายของเราอย่างถูกลิขสิทธิ์ ทำให้เราได้มีกำลังใจในการสร้างสรรค์และคัดเลือกนิยายเรื่องต่อไปมากจริง ๆ ค่ะ
ขอบคุณทุกความคิดเห็นติและชมทุกท่านด้วยนะคะ ทีมงานอ่านทุกความคิดเห็นเลยค่ะ มาคอมเมนต์และคุยพูดด้วยกันเยอะ ๆ นะคะ