สาวงามตัวร้าย : ท่านจอมมารได้โปรดโดนตกซะทีเถอะ! - บทที่ 95 หมูหัน
บทที่ 95 หมูหัน
ภายใต้เงาดำจากแนวต้นไม้สูงห่างออกไปไม่ไกล ราวกับมีบางสิ่งบางอย่างกำลังกระโดดไปมาเบา ๆ บังเอิญชนโครมเข้ากับลำต้นไม้ต้นหนึ่ง ส่งผลให้ใบไม้ร่วงลงมาทั่ว
สีหน้าชิงเป่ยเปลี่ยนไปเล็กน้อย หรือจะเป็นอสูรวิญญาณที่ถูกแสงไฟล่อมาหรือ?
ไม่นาน ร่างที่ซ่อนอยู่ในเงามืดก็เผยตัวตน
มันคือหมูขนแหลมที่มีร่างหนาเท่าคนสามคน ทั่วทั้งร่างเต็มไปด้วยขนแหลมคม กระทั่งจมูกหมูของมันยังเต็มไปด้วยหนามคมนับไม่ถ้วน ท่าทางแข็งแกร่งมาก หากมันวิ่งเข้าใส่ใคร คนผู้นั้นคงพรุนไปทั้งร่างราวกับรังผึ้งเป็นแน่
หมูขนแหลมใช้ดวงตาโตจ้องมองพวกเขา มันอ้าปากน้ำลายหยด หอบหายใจเสียงแหบ ดูท่าทางราวกับกำลังหิวโซแล้วหันมาเห็นเหยื่ออันโอชะเข้า
ชิงเป่ยเผลอกำมือแน่น เฝ้ามองการเคลื่อนไหวของมัน
หลังจากจ้องเขม็งอยู่นาน ร่างใหญ่ของหมูขนแหลมที่ดูอุ้ยอ้ายไม่น้อยก็พุ่งเข้าหาเด็กหนุ่มที่อยู่ด้านหน้าอย่างรวดเร็ว เขาแหลมสองข้างบนหัวส่องประกายล้อแสงจากกองไฟ หมายจะใช้เขาคู่นี้แทงเข้าร่างเด็กหนุ่มตรงหน้ามัน
ชิงเป่ยสายตาทะมึนงลง กระโดดหลบไปด้านข้างในพลัน หมูขนแหลมพลาดเป้า พุ่งชนเข้ากับต้นไม้ด้านหลัง รูใหญ่สองรูปรากฏบนลำต้น ก่อนที่ต้นไม้ต้นนั้นจะล้มลง
เมื่อเห็นว่าโจมตีพลาด อีกทั้งเป้าหมายยังสามารถหลบการโจมตีของมันได้ หมูขนแหลมก็เริ่มโกรธเกรี้ยว ส่งเสียงฮึ่มฮั่มออกมาสองครั้ง ดวงตายิ่งฉายแววดุร้าย หากแต่เด็กหนุ่มร่างสูงยังคงมีท่าทีสงบเยือกเย็น ไม่เผยความกลัวแม้แต่น้อย
หมูขนแหลมนั้นมีสติปัญญาแล้ว สามารถมีอารมณ์นึกคิดพื้นฐานเช่นมนุษย์ มันเป็นอสูรวิญญาณระดับห้า เทียบเท่าได้กับผู้ฝึกยุทธขั้นธรรมดาของเหล่ามนุษย์
ที่ต่างกันคือเหล่าอสูรมีพลังในการโจมตีและป้องกันสูงกว่า ดังนั้นหากต่อสู้กับมนุษย์ระดับเดียวกัน มันก็สามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้โดยง่าย
แต่เด็กหนุ่มตรงหน้ามันผู้นี้….. มันไม่อาจล่วงรู้พลังของเขาได้ อีกทั้งยังรู้สึกว่าถูกกลิ่นอายที่เด็กหนุ่มแผ่ออกจากร่างข่มขู่กดดันอยู่เล็กน้อย
หลังจากตริตรองแล้ว หมูขนแหลมก็เปลี่ยนเป้าหมายไปยังเด็กสาวบอบบางสองคนที่อยู่ข้างกองไฟแทน เมื่อพวกนางหันไปเห็นอสูรวิญญาณตัวใหญ่หน้าตาดุร้ายเช่นมัน พวกนางก็หน้าซีด กอดกันตัวสั่น หากแต่เจ้าอสูรวิญญาณทำเพียงเดินไปมาห่างจากพวกนางเพียงสิบเมตร ไม่เข้ามาใกล้มากกว่านั้น
แน่นอนว่าพวกนางไม่รู้ว่าไฟที่ชิงอวี่ทิ้งไว้ไม่เพียงให้แสงสว่าง แต่ยังสามารถป้องกันการโจมตีจากอสูรวิญญาณได้ด้วย หมูขนแหลมไม่โง่ แม้มันจะไม่รู้ว่าเหตุใดสีของไฟกองนี้จึงแตกต่างจากไฟปกติ แต่สัญชาตญาณสัตว์ป่าของมันก็เตือนว่าไฟกองนี้อันตราย ไม่ให้เข้าไปใกล้
เมื่อไม่อาจเข้าถึงเหยื่อได้ หมูขนแหลมที่หิวไส้กิ่วมาหลายวัน เพิ่งจะได้ออกหาอาหารวันนี้ก็โกรธเกรี้ยวเป็นยิ่งนัก มันเดินไปด้านหน้าสองก้าว จากนั้นก็พุ่งเข้าใส่พวกนางพร้อมส่งเสียงร้องดังลั่น
เมื่อเห็นมันกู่ร้องวิ่งเข้ามาเช่นนั้น สองพี่น้องจึงรู้ว่าพวกตนตกอยู่ในอันตราย
ทั้งคู่กลัวจนตัวแข็ง แค่เห็นอสูรวิญญาณร่างยักษ์กู่ร้องพุ่งเข้ามา ทั้งคู่ก็เย็นวาบไปทั่วร่าง ทำให้พวกนางพากันวิ่งหนีจนไกลออกจากกองไฟ
เป็นตอนนั้นเองที่พวกนางเปิดจังหวะให้หมูขนแหลมเข้าโจมตี ร่างของมันพุ่งเข้าใส่พวกนางในพลัน มันอ้าปากกว้างส่งกลิ่นเหม็นออกมา หมายจะใช้เขี้ยวคมกระชากเนื้อหนังมนุษย์ตรงหน้า
“กรี๊ดดด! ช่วยด้วยยย!!!”
เสียงกรีดร้องหวาดกลัวของหญิงสาวทั้งสองดังลั่นราตรีเงียบงัน ฝูงนกที่ซ่อนตามต้นไม้ตกใจกระพือปีกบินขึ้นฟ้า ยิ่งดึงความสนใจจากอสูรวิญญาณทั้งหลาย
เห็นภาพนั้นแล้ว เด็กหนุ่มก็ตาเป็นประกายวาบ หากแต่ไม่เคลื่อนกาย ทำเพียงมองพวกนางด้วยสายตาเยียบเย็น คล้ายกับไม่คิดช่วยเหลือ
แท้จริงแล้วเขาเกลียดสองคนนั้นมานานแล้ว
ไม่ว่าเมื่อไหร่ที่ชิงอวี่ถูกโม่หานเยียนรังแกหรือตำหนิ เด็กสาวสองคนนั้นไม่เคยพลาดโอกาสมาเหยียบย่ำพวกเขาซ้ำ ทาเกลือบนแผลผู้อื่นด้วยความสำราญใจ มีความสุขเมื่อผู้อื่นประสบภัย
ตอนนั้นเขาได้แต่บอกกับตนเองว่าสักวันเขาจะต้องให้พวกนางชดใช้
อีกด้านหนึ่ง เยี่ยนซีโหรวและเยี่ยนซีอู่นั้นหวาดกลัวมากจนหน้าเผือดสี เยี่ยนซีอู่ยังดีกว่าเล็กน้อย นางสามารถหลับตาไม่มองภาพน่ากลัวได้ แต่เยี่ยนซีโหรวนั้นเสียสติไปจนสิ้น ได้แต่กรีดร้องเสียงดังไม่หยุด “อย่า….. อย่าเข้ามานะ! ชิงเป่ย! ช่วยข้าด้วย ชิงเป่ย! กรี๊ด! อย่าเข้ามา~”
ชิงเป่ยหรี่นัยน์ตางามลง ค่อย ๆ หันกลับไป
ออกมาฝึกที่หุบเขาพยายามแล้วถูกสังหารไม่ใช่เรื่องแปลกนี่นะ
อย่างเลวร้ายที่สุดก็ยังมีแผ่นหยกที่ฉินฟางให้ไว้ เมื่อทำลายแล้วจะสามารถออกจากที่นี่ได้อย่างปลอดภัย หากแต่….. หากทั้งคู่ยังยืนกรานจะอยู่ต่อรอให้เกิดเรื่องขึ้น เช่นนั้นก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจได้
แต่จะให้เขาช่วยพวกนางงั้นหรือ? หึ! เขาไม่ใจกว้างเช่นนั้น
หมูขนแหลมรวดเร็วนัก พริบตาเดียวก็มาปรากฏตรงหน้าพวกนาง เยี่ยนซีโหรวเป็นลมล้มพับไปด้วยความกลัว ส่วนเยี่ยนซีอู่หลับตาแน่น ยอมรับชะตากรรมตนเอง
ในตอนที่ชิงเป่ยคิดจะจากไปเพื่อตามหาชิงอวี่นั่นเอง หมูขนแหลมด้านหลังก็พลันส่งเสียงกรีดร้องโหยหวนขึ้น
ชิงเป่ยประหลาดใจรีบหันกลับไป พบว่าหมูขนแหลมที่กำลังจะจับเยี่ยนซีโหรวและเยี่ยนซีอู่กินกลับมีไฟแผ่ออกจากร่าง ไฟนั้นรุนแรงมาก กระทั่งผิวหนังหนาดั่งเหล็กของหมูขนแหลมยังสัมผัสถึงความร้อนได้
เปลวเพลิงนั้นเผาไหม้ทั่วร่างมัน เจ็บปวดจนแทบสิ้นใจ มันทำได้เพียงกลิ้งตัวไปมากับพื้นแล้วส่งเสียงร้องโหยหวนเจ็บปวด แต่ไม่ว่าอย่างไรเปลวไฟก็ไม่หายไป กลับรุนแรงขึ้นกว่าเก่า กลืนร่างมันจนกลายเป็นหมูขนแหลมเพลิง นับเป็นภาพน่าตกใจนัก
ชิงเป่ยหรี่ตามองไปยังที่ไกล เห็นเป็นเงาร่างสีขาวกำลังเดินมาทางพวกเขาช้า ๆ แสงสว่างจากกองไฟส่องสะท้อนใบหน้างามพราวเสน่ห์ของนาง
“จุ๊ ๆ ข้ากำลังนึกถึงหมูหันอยู่เชียว มันก็พาตนเองมาหาข้าเองเลยเช่นนี้ ยังคิดอยู่ว่าจะไปหาอาหารที่ไหนดี แต่หมูหันกลับวิ่งมาหาข้าเองเสียนี่” ชิงอวี่เอ่ยน้ำเสียงสบาย เมื่อเห็นใบหน้าทะมึนของเด็กหนุ่มก็เลิกคิ้วขึ้นสูงแล้วเอ่ยถามยิ้ม ๆ “มีอะไรหรือ?”
ชิงเป่ยไม่เอยคำใด เพียงหันไปมองหมูขนแหลมที่ถูกไฟเผาจนแน่นิ่งไปก่อนจะเหลือบมองคู่พี่น้องที่หมดสติไปแล้วอีกด้าน “ข้าคิดว่า….. วันนี้พวกนางจะกลายเป็นอาหารอสูรวิญญาณแล้ว”
ชิงอวี่เข้าใจสิ่งที่เด็กหนุ่มคิดในพลัน นางยื่นมือไปตบไหล่เด็กหนุ่มให้วางใจ “เรื่องที่ผ่านไปแล้วก็ให้ผ่านไปเถอะ แม้พวกนางจะน่าชังนัก แต่ก็ไม่ได้ทำเรื่องชั่วร้ายที่ขัดต่อกฎสวรรค์ เจ้าคิดล้างแค้นสิ่งที่พวกนางเคยติดค้างได้ แต่ชีวิตสองชีวิตตกอยู่ในอันตรายนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก”
พูดถึงตรงนี้ชิงอวี่ก็หยุดเล็กน้อยก่อนเอ่ยต่อ “หากพวกนางตายไปจริง ๆ เจ้าจะไม่รู้สึกดีหรอก อีกทั้งยังอาจรู้สึกผิดในใจ เจ้าคิดว่าข้าไม่รู้จักเจ้าดีหรือ?”
น้องชายผู้โง่งมของนาง ภายนอกดูห่างเหินไม่แยแส หากแต่แท้จริงแล้วมีจิตใจโอบอ้อมอารีนัก กระทั่งกับคนแปลกหน้าเขายังไม่อาจนิ่งเฉยปล่อยให้ตายไปได้ พี่สาวทั้งสองคนอยู่ใต้ชายคาเดียวกันกับเขามานานหลายปีเช่นนี้เขาย่อมทำใจไม่ลง
หาแต่เขายังไม่มีคำตอบให้ใจตนเอง
ชิงเป่ยกำมือแน่น จากนั้นค่อย ๆ คลายออกในที่สุด “ข้าเข้าใจแล้ว”
ไฟโลหิตอันลึกลับทรงพลังของชิงอวี่นั้นเผาหมูขนแหลมระดับห้าเสียสุกกำลังดี ไม่ต้องเปลืองแรงมาก เนื้อของหมูขนแหลมก็ถูกย่างสดจนกูฉ่ำน้ำน่ากิน
นางก้าวเข้าไป จ้วงมีดสั้นบนหัวหมูขนแหลม แหวกเนื้อตรงหัวมันออกแล้วหยิบแก่นสีม่วงเข้มที่ยังอุ่น ๆ ออกมา “โชคดีที่แก่นผลึกนั้นไม่ถูกความร้อนทำลายไป ไม่เช่นนั้นคงถูกเผาไหม้จนไม่เหลือซาก”
มองร่างใหญ่โตของหมูขนแหลมแล้ว ตัวมันใหญ่เพราะขนหนาทั่วร่าง ตอนนี้ถูกย่างจนสุกขนาดตัวมันลดลงไปอย่างเห็นได้ชัด
ชิงเป่ยแสดงสีหน้าซับซ้อน มองเด็กสาวถลกหนังหมูขนแหลมของอย่างชำนิชำนาญ จากนั้นผ่าร่างมันแยกออกด้วยมีดสั้น “ท่าน….. จะทำอะไร?”
“ก็จะกินมันน่ะสิ เจ้าไม่หิวหรือ?” ชิงอวี่ตอบแล้วเหลือบมองเขา
“เจ้านี่….. กินได้หรือ?”
“ไม่ต้องใส่ใจหรอกว่ามันเป็นหมูอะไร อย่างไรก็คือหมู เจ้าไม่เคยกินหมูหันหรือ? วันนี้เจ้าจะได้ลิ้มลองของอร่อยแล้ว” ชิงอวี่เอ่ยเสียงจริงจังแล้วขยิบตาให้เด็กหนุ่ม
เยี่ยนซีโหรวและเยี่ยนซีอู่ที่หมดสติไปเพราะความกลัวเพิ่งจะฟื้นคืนสติ เมื่อเห็นว่าชิงอวี่กลับมาแล้วก็ดีใจยิ่งนัก แต่เมื่อเห็นว่านางกำลังผ่าเนื้อตัวอะไรสักอย่างขนาดใหญ่อยู่ก็จึงเอ่ยถามด้วยความสงสัย “เจ้านี่…..”
“ฟื้นแล้วหรือ?” ชิงอวี่เอ่ยยิ้ม ๆ “ขออภัยด้วย ข้าออกไปนาน แต่อย่างไรก็ได้ของกินกลับมา รีบกินเถอะ กินเสร็จจะได้เดินทางต่อ”
ชิงอวี่พูดแล้วนางก็ใช้มีดสั้นจิ้มเนื้อชิ้นหนึ่งที่ทาเครื่องเทศไว้แล้วส่งให้เยี่ยนซีโหรว
เยี่ยนซีโหรวนั้นหิวโหยมาก แรงตกใจเมื่อครู่ยิ่งทำให้กำลังกายนางลดลงจนหมด นางรับเนื้อมาแล้วกัดเนื้อชิ้นนั้นอย่างตะกละตะกลามทันที “อื้ม….. อร่อยยิ่ง เป็นเนื้ออะไรหรือ? กลิ่นหอมจริง”
ชิงเป่ยแห่งนางกัดเนื้อคำใหญ่เช่นนั้นก็รู้สึกคลื่นเหียนขึ้นมา
หากนางรู้ว่านี่เป็นเนื้อจากอสูรวิญญาณที่เกือบจะจับนางกิน ไม่รู้ว่านางจะยังกินมันได้อย่างเอร็ดอร่อยหรือไม่
“นี่น่ะหรือ? หมูหันน่ะ อร่อยใช่หรือไม่?” ชิงอวี่พูดแล้วก็หัวเราะ “ใช่แล้ว ข้ายังมีผลไม้ตรงนี้อีก”
เยี่ยนซีโหรวถูกเนื้อย่างหอมอร่อยดึงความสนใจไปจนสิ้น นางจะสนใจผลไม้เหล่านั้นได้อย่างไร? นางไม่แม้แต่จะเหลือบมองพวกมัน หากแต่เยี่ยนซีอู่ที่มักกินอาหารรสพื้น ๆ ไม่ชอบเนื้อชุ่มน้ำมันเช่นนั้น ดังนั้นจึงหยิบผลไม้ขึ้นมาสองลูกแล้วเริ่มลงมือกิน
อีกด้านหนึ่ง ชิงเป่ยก็กำลังกินผลไม้ เมื่อเห็นใบหน้ามันย่องของเยี่ยนซีโหรว ไม่รู้ทำไมถึงมีความคิดชั่วร้ายผุดขึ้นในใจ
“ค่อย ๆ กิน ไม่มีใครแย่งเจ้าหรอก เนื้อนี่มาจากอสูรวิญญาณระดับห้า กินเข้าไปจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายแน่” ชิงเป่ยเอ่ยเสียงไร้อารมณ์
ชิงอวี่ได้ยินแล้วก็รู้สึกขบขัน หากแต่ก็ไม่ได้เอ่ยอะไรออกไป
“อสูรวิญญาณระดับห้าเป็นอย่างไรหรือ?” เยี่ยนซีโหรวเอ่ยถาม ปากก็เคี้ยวไม่หยุด
“เป็นอสูรที่เพิ่งโจมตีเราไปเมื่อครู่ เกือบจะฉีกร่างเจ้าเป็นชิ้น ๆ อย่างไรเล่า เป็นเนื้อหมูขนแหลม จุดจบมันถูกเจ้ากินเช่นนี้น่าเวทนานัก” เด็กหนุ่มพูดไปส่ายหัวไป ท่าทางเสียใจนัก
เยี่ยนซีโหรวที่กำลังเคี้ยวเนื้อหมูชะงักค้างไปในพลัน ก่อนที่นางจะก้มลงมองเนื้อที่กินไปแล้วครึ่งหนึ่งด้วยสายตาแข็งทื่อ พริบตาต่อมานางก็เห็นบางอย่างส่องประกายแสงวางอยู่ด้านข้าง เป็นหนังที่มีขนแหลมคมของหมูขนแหลมนั่นเอง
“แหวะ~~~”