สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1002 นี่มันบุรุษประเภทใดกัน
บทที่ 1002 นี่มันบุรุษประเภทใดกัน
บทที่ 1002 นี่มันบุรุษประเภทใดกัน
แม่และลูกสาวนั่งรถม้ามุ่งหน้าไปที่จวนฉี
พ่อบ้านออกมาเชิญทั้งสองคนเข้าไป
“ฮูหยิน พระชายาลู่กับองค์หญิงมาขอรับ” พ่อบ้านเอ่ยกับฉู่หนิงจูที่อยู่ในห้อง
ประตูเปิดออก ฉู่หนิงจูออกมาต้อนรับด้วยตนเอง
ลู่จื่ออวิ๋นมีสถานะพิเศษ เรียกนางว่าฮองเฮานั้นไม่เหมาะสม เรียกนางว่าคุณหนูใหญ่ก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน ยังไม่สู้เรียกบรรดาศักดิ์ของนาง อย่างไรเสียนางก็เป็นธิดาบุญธรรมของฟ่านหยวนซี มีบรรดาศักดิ์เป็นองค์หญิง
“ได้ยินมาว่าคุณหนูฉีได้รับบาดเจ็บแล้ว” มู่ซืออวี่เอ่ย “ทั้งยังได้รับบาดเจ็บเพราะเจ้าเด็กบ้านข้าผู้นั้น ข้าจึงมาเยี่ยมเป็นการเฉพาะ”
“เข้ามาคุยกันก่อนเถิด” ฉู่หนิงจูกล่าว
“ข้ามาที่นี่อย่างเร่งรีบ เลือกของมาสุ่ม ๆ สองสามอย่าง ไม่รู้ว่าเจ้าต้องการหรือไม่”
เจ๋อหลานและชิงไต้ส่งห่อสมุนไพรขนาดใหญ่หลายถุงให้กับบ่าวรับใช้ที่อยู่ข้าง ๆ
ฉู่หนิงจูเอ่ย “ไยต้องนำของมามากมายเพียงนี้? นับวันยิ่งห่างเหินกับข้าขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว จริงอยู่ว่าซืออี้ได้รับบาดเจ็บเพราะช่วยใต้เท้าลู่น้อย แต่หากไม่ใช่เพราะใต้เท้าลู่น้อย ข้ากับซืออี้คงได้รับอันตรายแล้วจริง ๆ สถานการณ์ในตอนนั้นท่านไม่รู้ว่าอันตรายมากเพียงใด ผู้ร้ายเหล่านั้นเดิมทีก็ไม่คิดจะให้เรารอดชีวิตกลับมา ขอบคุณใต้เท้าลู่น้อยยิ่งนักที่มาได้ทันกาล”
“คนเหล่านั้นเป็นผู้ใด? พวกเจ้ารู้หรือไม่?”
“ข้าไม่รู้” ฉู่หนิงจูเอ่ย “ใต้เท้าลู่น้อยบอกว่า หมู่นี้มีคนกลุ่มหนึ่งโผล่ออกมา สังหารผู้คนไปทุกหนทุกแห่ง ไม่ทราบจุดประสงค์ของพวกมันแม้แต่น้อย อีกทั้งวิธีการของพวกมันก็โหดเหี้ยมเป็นอย่างยิ่ง ข้าเห็นคนพวกนั้นแล้ว เพียงแต่พวกมันปกปิดใบหน้ามิดชิด ไม่รู้ว่ามาจากที่ใด พวกเราพบห้าคน มิหนำซ้ำพวกมันยังอายุไม่มาก”
“อายุไม่มากหรือ?”
“ถึงแม้จะไม่เห็นรูปร่างหน้าตาแต่ก็ยังได้ยินเสียงของพวกมัน ถึงแม้จะจงใจดัดเสียงก็ยังพอฟังออกอยู่บ้าง” ฉู่หนิงจูกล่าว “ท่านลืมแล้วหรือ ตอนข้ายังเยาว์ สิ่งที่ชอบที่สุดคือนิยายสืบสวนนี่แหละ”
ดังนั้นความสามารถในการสรุปเรื่องราวของฉู่หนิงจูจึงไม่เลวทีเดียว
ขณะมู่ซืออวี่พูดคุยกับฉู่หนิงจู ลู่จื่ออวิ๋นก็กำลังพูดคุยกับฉีซืออี้
ลู่จื่ออวิ๋นนั่งลงบนขอบเตียง พินิจดูหน้าฉีซืออี้ “หน้าท่านบาดเจ็บเพียงนี้เชียวหรือ?”
ได้ยินว่าฉีซืออี้ได้รับบาดเจ็บ แต่ลู่ฉาวอวี่ไม่ได้บอกว่าบาดแผลอยู่บนใบหน้า
อีกทั้งยังไม่ได้ง่ายดายเพียงแค่รอยขีดข่วน แผลนั้นเป็นทางยาวราวหนึ่งนิ้วที่หางตา และมีเลือดสีดำไหลออกมา
“ใช่แล้ว ข้าโชคไม่ดีจริง ๆ” ฉีซืออี้เอ่ย “ไม่รู้ว่าจะยังรักษาใบหน้าได้หรือไม่”
“หมอหลวงมาแล้วหรือยัง?”
เสียงจากข้างนอกดังขึ้น “ฮูหยิน คุณหนู ท่านหมอหลวงมาแล้วขอรับ”
หมอหลวงมาแล้ว ลู่ฉาวอวี่ก็มาแล้วเช่นกัน
ลู่ฉาวอวี่พาหมอหลวงสามคนมาด้วยตนเอง
ทั้งหมดล้วนเป็นหมอหลวงที่เก่งกาจที่สุดในสำนักหมอหลวง อีกทั้งยังได้รับการฝึกฝนจากหุบเขาเทพโอสถ
หมอหลวงตรวจบาดแผลของฉีซืออี้แล้วเอ่ยขึ้น “ไม่สู้ดีนัก”
“เหตุใดจึงไม่สู้ดี?”
“ถอนพิษนั้นง่ายมาก ทว่าพิษนี้จะทำให้แผลหายยาก กล่าวอีกนัยคือ นับแต่ถูกพิษนี้ก็กำหนดแล้วว่าจะต้องทิ้งรอยแผลเป็นเอาไว้”
“ท่านหมอหลวง มีวิธีป้องกันไม่ให้ใบหน้านางเป็นแผลเป็นหรือไม่?” ฉู่หนิงจูเอ่ยถามอย่างกังวล “นางเป็นสตรี หากใบหน้ามีแผลเป็น เช่นนั้นภายหน้าจะทำอย่างไร?”
ลู่ฉาวอวี่ขมวดคิ้ว “ไม่ว่าต้องใช้สมุนไพรอะไร ข้าจะส่งคนไปหาให้ได้”
“พวกเราก็ไม่มีวิธี ทำได้เพียงถามเทพโอสถจากหุบเขาเทพโอสถดูว่านางมีวิธีอะไรหรือไม่”
เทพโอสถจากหุบเขาเทพโอสถ หรือก็คือภรรยาของมู่เจิ้งหาน น้องสะใภ้ของมู่ซืออวี่
เพียงแต่ พวกเขาไม่ได้อยู่ที่นี่
“เอาอย่างนี้ ล้างพิษเสียก่อน” มู่ซืออวี่ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “ส่วนเรื่องอื่น เราค่อยหารือกันภายหลัง”
“ใช่ ล้างพิษก่อน” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย
หมอหลวงให้ลู่ฉาวอวี่รั้งอยู่คอยช่วยเหลือ ส่วนคนอื่น ๆ ออกไปรอข้างนอก
เหตุที่ต้องให้ลู่ฉาวอวี่รั้งอยู่ นั่นเป็นเพราะต้องให้เขาใช้กำลังภายในขับพิษออกมาจากร่างกาย
ไม่นานนัก ประตูก็เปิดออก หมอหลวงเดินออกมาคนแล้วคนเล่า
ฉู่หนิงจูเอ่ยถามสถานการณ์กับหมอหลวง หมอหลวงบอกว่าพิษนั้นขับออกมาแล้ว ขั้นถัดไปคือการหาวิธีรักษาบาดแผลบนใบหน้า ส่วนวิธีรักษาไม่ให้คุณหนูสกุลใหญ่มีรอยแผลเป็นนั้น ยังเป็นวิธีเช่นเดียวกับเมื่อครู่นี้ คือต้องไปหาเทพโอสถ บางทีอาจมีเพียงนางที่มีทางแก้
ลู่ฉาวอวี่ยังคงอยู่ข้างในไม่ได้ออกมา
ลู่จื่ออวิ๋นก้าวเข้าไปก่อน ได้ยินลู่ฉาวอวี่เอ่ยกับฉีซืออี้เข้าพอดี “ในเมื่อเทพโอสถรักษาใบหน้าท่านได้ เช่นนั้นข้าจะจัดคนส่งท่านไปเมืองถงหยาง เทพโอสถเป็นน้าสะใภ้ของข้า นางจะรักษาท่านให้หายดีอย่างแน่นอน”
“ใต้เท้า ไม่จำเป็นต้องรบกวนท่านแล้ว” ฉีซืออี้เอ่ย “ข้าจะไปเมืองถงหยางเพื่อพบเทพโอสถเอง”
“ท่านได้รับบาดเจ็บเพราะข้า ข้าต้องรับผิดชอบเรื่องนี้” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ถึงแม้ข้าจะพาท่านไปที่นั่นด้วยตนเองไม่ได้ แต่ข้าจะส่งยอดฝีมือสามสิบคนไปคุ้มครองความปลอดภัยของท่าน”
ฉีซืออี้หลุบตาลง แสงมืดหม่นแวบผ่านแววตานาง “ใต้เท้าจะแต่งงานแล้ว ซืออี้อยากเป็นประจักษ์พยานในงานแต่งของใต้เท้า ดังนั้นรอยแผลเป็นบนใบหน้าไม่ได้เร่งด่วนเพียงนั้น ใต้เท้าให้ข้าเข้าร่วมงานแต่งของท่านก่อนค่อยไปได้หรือไม่?”
ลู่จื่ออวิ๋นเดิมตั้งใจจะเข้าไป ครั้นได้ยินคำพูดของฉีซืออี้ กลับไม่ได้รีบร้อนเข้าไปเพียงนั้นแล้ว
หากเปลี่ยนเป็นบุรุษอื่นได้ยินถ้อยคำเหล่านี้ จะต้องไม่อาจแต่งงานได้อย่างสบายใจเป็นแน่!
สตรีผู้หนึ่งได้รับบาดเจ็บแทนเขา อีกทั้งบาดแผลนั้นยังอยู่บนใบหน้าซึ่งเป็นจุดสำคัญ หากยามนี้ยังรั้งอยู่แต่งงาน เช่นนั้นคงไร้หัวใจเป็นอย่างยิ่ง
ลู่จื่ออวิ๋นอดที่จะมองฉีซืออี้อีกครั้งไม่ได้
แม่นางน้อยผู้นี้…
น่าสนใจอยู่บ้าง
เพียงแต่ พี่ชายของนางไม่ใช่คนเลอะเลือน
“งานแต่งในใต้หล้าล้วนเหมือนกัน งานแต่งของข้าก็ไม่ได้แตกต่าง หากท่านต้องการดื่มสุรามงคลของข้า รอท่านรักษาใบหน้าหายดีก่อน แล้วกลับมาข้าจะให้ฮูหยินเชิญท่านมาดื่ม ไม่ว่าอย่างไร ขณะที่ข้าไล่ตามผู้ร้ายก็ไม่ได้ระมัดระวัง ปล่อยให้เขาทำร้ายท่านได้ ข้าบกพร่องในหน้าที่”
ลู่จืออวิ๋นหัวเราะเบา ๆ
ใช่แล้ว!
ถึงแม้ฉีซืออี้จะได้รับบาดเจ็บเพราะพยายามปกป้องลู่ฉาวอวี่ ทว่าเหตุผลแรกเริ่มนั้นกลับเป็นลู่ฉาวอวี่ไล่ล่าผู้ร้ายตลอดทั้งคืน พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อช่วยพวกนางแม่ลูกออกมา หากกล่าวแล้ว ลู่ฉาวอวี่เป็นผู้มีบุญคุณช่วยชีวิตพวกนางไว้ บาดแผลเล็กน้อยนั่นที่นางรับแทนไม่ใช่ความผิดเขา หากแต่เป็นอุบัติเหตุที่เกิดจากผู้ร้ายที่ลงมือกับพวกนาง
“เช่นนั้นรบกวนใต้เท้าแล้ว” ฉีซืออี้กล่าว
“หากไม่มีเรื่องอื่น ข้าคงต้องขอตัวก่อน หากท่านต้องการให้ช่วยเหลืออะไร บอกกับน้องสาวข้าได้” ลู่ฉาวอวี่เห็นลู่จื่ออวิ๋นที่ยืนอยู่ไม่ไกลออกไป
ลู่จื่ออวิ๋นได้ยินคำพูดของเขาจึงเดินเข้ามา
“ใช่แล้ว พี่ชายข้างานรัดตัว ข้าเป็นคนว่างงาน หากท่านต้องการให้ช่วยเหลืออะไรก็มาหาข้าได้” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ครานี้ต้องไปหาเทพโอสถรักษาใบหน้า หากคนของพี่ชายข้าทางนั้นไม่เพียงพอ ทางข้ายังมีคนที่พอช่วยจัดสรรให้ได้”
“ขอบพระทัยองค์หญิงเพคะ” ฉีซืออี้ยกมือกุมหน้าแล้วเอ่ย “รบกวนแล้ว”
ลู่ฉาวอวี่เดินไปแล้ว
ฉีซืออี้มองเงาร่างของชายหนุ่ม แววตาแฝงความหงุดหงิดใจ
ใช้ไม้อ่อนก็ไม่ได้ ไม้แข็งก็ไม่ได้
นี่มันบุรุษประเภทใดกัน?