สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1006 เจ้าต้องการเอ่ยอะไรกันแน่
บทที่ 1006 เจ้าต้องการเอ่ยอะไรกันแน่?
บทที่ 1006 เจ้าต้องการเอ่ยอะไรกันแน่?
สิงเจียซือออกมาจากหอเซียวเหยา
ทันทีที่ลงมาชั้นล่างก็เห็นหลี่เข่อหรงเดินมาจากฝั่งตรงข้าม
“พวกเราพบกันอีกแล้ว” หลี่เข่อหรงกล่าวยิ้ม ๆ “พี่หญิงสกุลสิง โชคชะตานำพาเรามาพบกัน ท่านอยากไปฟังงิ้วด้วยกันหรือไม่?”
“ขออภัย ข้ามีเรื่องต้องทำ ไม่มีเวลา” สิงเจียซือเอ่ยเสียงเรียบ
“พี่หญิงสิง ท่านกำลังกลัวใช่หรือไม่?” หลี่เข่อหรงรั้งนางเอาไว้ “ในเมื่อท่านเอาแต่หลบเลี่ยงอยู่เช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอกล่าวตามตรงแล้วกัน ท่านรู้หรือไม่ว่าพี่หญิงสกุลฉี เพื่อใต้เท้าลู่แล้วจึงได้รับบาดเจ็บ?”
สิงเจียซือเอ่ยอย่างใจเย็น “ใต้เท้าลู่ท่านใด?”
“แน่นอนว่าเป็นใต้เท้าลู่น้อยจวนท่านอ๋องลู่” หลี่เข่อหรงมือถือผ้าเช็ดหน้า เดินเข้ามาเอ่ยต่อไปว่า “วันนั้นเพื่อช่วยพี่หญิงฉีแล้ว ใต้เท้าลู่น้อยเสี่ยงชีวิตจัดการกับโจร เขากล้าหาญเป็นอย่างยิ่ง ถึงแม้โจรเหล่านั้นจะเจ้าเล่ห์เพียงใดก็ยังจับพวกมันได้ เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าโจรเหล่านั้นจะเจ้าเล่ห์เพทุบายถึงขั้นใช้อาวุธลับกับใต้เท้าลู่น้อย เขาไม่ทันระวัง พี่หญิงก็รุดมาขวางทำให้ใบหน้าของนางได้รับบาดเจ็บ อาวุธลับนั้นอาบยาพิษ ใบหน้าของพี่หญิงฉีจึงเสียโฉมแล้ว”
“เจ้าต้องการเอ่ยอะไรกันแน่?”
“ที่ข้าต้องการเอ่ยคือใบหน้าของพี่หญิงฉีได้รับบาดเจ็บสาหัส ท่านเองก็เป็นสตรี คงรู้ว่ารูปโฉมสำคัญต่อสตรีเพียงใด บัดนี้มีเพียงวิธีเดียวที่จะช่วยนางได้ นั่นคือให้นางไปรักษาใบหน้ากับเทพโอสถ เพียงแต่ พี่หญิงฉีชื่นชมใต้เท้าลู่ ตัดใจไปจากใต้เท้าลู่ไม่ได้ พี่หญิงสกุลสิง ท่านทำการค้าอยู่ข้างนอก คงเป็นผู้มีน้ำใจผู้หนึ่ง ท่านคงไม่อาจทนมองพี่หญิงฉีเสียโฉมกระมัง?”
“เจ้าพูดจาฉะฉานมีเหตุมีผล เพียงแต่เมื่อคืนข้าพักผ่อนไม่เพียงพอ ปวดหัวเป็นอย่างยิ่ง เจ้าโวยวายเสียงดังเช่นนี้ ยิ่งปวดหัวกว่าเดิมแล้ว ตอนนี้ในหัวข้าเต็มไปด้วยความสับสนวุ่นวาย เอาอย่างนี้ ข้าจะเรียบเรียงให้เจ้า” สิงเจียซือเอ่ย “ใต้เท้าลู่น้อยช่วยคุณหนูฉีเอาไว้ คุณหนูฉีเห็นคนกำลังจะใช้อาวุธลับจึงเข้าไปบังให้ใต้เท้าลู่น้อย เช่นนี้ถือว่าพวกเขาทัดเทียมกันแล้ว ถึงแม้ใต้เท้าลู่น้อยช่วยชีวิตคนจะมีบุญคุณใหญ่หลวงยิ่งกว่า แต่ผู้ใดให้ใบหน้าของหญิงสาวเป็นสิ่งบอบบางเล่า? ใบหน้าของคุณหนูฉีเป็นแผลทว่าไม่รักษา ในทางกลับกัน นางใช้วิธีนี้บังคับใต้เท้าลู่น้อยให้ตามนางไปหาเทพโอสถ”
“งานแต่งของใต้เท้าลู่น้อยกับข้าใกล้เข้ามาแล้ว หากจากไปในยามนี้ แขกเหรื่อเหล่านั้นจะทำอย่างไร ข้าจะทำอย่างไร? หรือว่าเพื่อคุณหนูฉีแล้ว ใต้เท้าลู่น้อยควรทิ้งพวกเราเอาไว้ ให้ข้ากลายเป็นตัวตลกของใต้หล้า ให้สกุลลู่อับอายขายหน้า? คุณหนูฉีต้องรักษาหน้าตนเอง อันที่จริงมีคนมากมายที่ติดตามนางไปได้ แต่เพียงเพราะนางชื่นชมใต้เท้าลู่น้อย แม้กระทั่งงานแต่งเรา เขาก็ควรละทิ้งเพื่อไปเป็นเพื่อนนางหรือ?”
“นี่ไม่ได้บ่งบอกว่านางใช้วิธีการเช่นนี้ชิงบุรุษไปหรือไร?”
“เจ้า!” หลี่เข่อหรงเคยเห็นแต่สตรีที่มีอุบายเต็มท้องทว่าใบหน้ายิ้มแย้ม นางจะเคยเห็นสตรีที่พูดจาโผงผางตรงไปตรงมาอย่างนี้ที่ใดกัน? สิงเจียซือกล่าวเช่นนี้ ฉีซืออี้ขายหน้า นางก็รู้สึกขายหน้าเช่นกัน
“ข้าไม่ได้พูดผิดกระมัง? หากเจ้ารู้สึกว่าข้าพูดผิดไปก็เพียงเอ่ยออกมา” สิงเจียซือเอ่ยนิ่ง ๆ
“ไม่ว่าอย่างไร ใบหน้าของพี่หญิงฉีก็กลายเป็นเช่นนั้น เจ้าไม่รู้สึกเห็นใจบ้างหรือ?”
“บัดนี้กลับกล่าวถึงความเห็นใจขึ้นมาแล้ว” สิงเจียซือกล่าวเสียงเรียบ “คุณหนูหลี่ หากข้ามีความเห็นอกเห็นใจมากขนาดนั้น หลายปีมานี้ข้าเดินทางรอนแรมอยู่ข้างนอก ข้าคงตายเป็นร้อยครั้งพันครั้งไปแล้ว ความเห็นใจของข้ามีไว้ให้ขอทานข้างถนน ผู้เฒ่าที่หกล้ม และเด็ก ๆ ที่ไม่มีขนมกิน ทว่าอย่างไรก็ไม่ควรมอบให้กับคุณหนูผู้มั่งมีที่อยากได้ลมก็ต้องได้ลม อยากได้ฝนก็ต้องได้ฝน เพียงเพราะไม่ได้คนที่ตนพึงใจ จึงใช้ตนเองมาข่มขู่ผู้อื่นกระมัง?”
หลี่เข่อหรงโมโหจนพูดอะไรไม่ออก
เป็นเพราะเดิมทีก็ไม่ได้อยู่ในสถานะที่จะปฏิเสธได้
สิงเจียซือเห็นหลี่เข่อหรงหยุดเคลื่อนไหวจึงลอบพึมพำว่าน่าเบื่อ จากนั้นก็หมุนกายจากไป
หลังจากสิงเจียซือไปแล้ว หลี่เข่อหรงก็จากไปด้วยความโกรธเช่นกัน
“คุณหนู คุณหนูสิงผู้นี้ร้ายกาจยิ่งนัก ภายหน้าพวกเราอย่าได้ปะทะกับนางอีกเลยนะเจ้าคะ เมื่อครู่นี้มีคนมากมายได้ยิน น่าอับอายยิ่ง!” สาวใช้ข้างกายเอ่ยขึ้น
หลี่เข่อหรงหยุดฝีเท้า หันไปมองสาวใช้ ใบหน้าของนางซีดเผือดลง “เจ้าเพิ่งบอกว่ามีคนมากมายได้ยินหรือ?”
“ใช่น่ะสิเจ้าคะ ที่นี่เป็นถนนใหญ่ แน่นอนว่ามีคนจำนวนมาก” สาวใช้ไม่เข้าใจ “มีปัญหาอะไรหรือเจ้าคะ?”
“ปัญหาใหญ่น่ะสิ” หลี่เข่อหรงเอ่ย “พวกเราทะเลาะกันกลางถนน คำพูดเหล่านั้นจะไม่แพร่กระจายออกไปแล้วหรือ?”
“คุณหนู พวกเรายุ่งยากแล้ว” สาวใช้หน้าถอดสี “ตอนนี้จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
“เจ้ารีบกลับไปประเดี๋ยวนี้ ใช้เงินปิดปากคนเหล่านั้นให้สนิท” หลี่เข่อหรงเอ่ย “ข้าจะรอเจ้าอยู่ตรงนี้”
สาวใช้รีบวิ่งเหยาะ ๆ กลับไปอย่างว่องไว
นางกลับไปยังที่ที่พวกนางเพิ่งโต้เถียงกัน นำเงินออกมาบอกคนเหล่านั้นที่ได้ยินว่าอย่าได้พูดจาเหลวไหลออกไป
“แม่นางวางใจเถอะ ข้าหูหนวก ไม่ได้ยินสิ่งใดทั้งนั้น”
“ใช่ ข้าก็ไม่ได้ยินเช่นกัน”
สาวใช้ได้รับคำยืนยัน ถึงได้โล่งใจ หมุนตัวกลับไปยังที่ที่จากมา
“ป้าหลี่ ท่านหูหนวกตั้งแต่เมื่อไหร่กัน? เมื่อคืนวานเสี่ยวลิ่วจือบ้านเราฉี่รดกำแพง ไม่ใช่ว่าท่านได้ยินแล้วหรือ?”
“เช่นนั้นเจ้าหูหนวกตั้งแต่เมื่อใดเล่า?”
“ผู้ใดบอกว่าข้าหูหนวกล่ะ? เงินเพียงไม่กี่อีแปะคิดจะปิดปากข้า เห็นข้าเป็นขอทานหรือไร?”
สตรีละแวกนั้นพูดคุยกันเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ ราวกับได้ชมตลกฉากหนึ่ง โดยเฉพาะเมื่อเป็นเรื่องคุณชายใหญ่สกุลลู่ผู้นั้น คนยิ่งเล่าลือกันไปต่าง ๆ นานา
ผู้ใดจะไม่ชอบบุรุษหน้าตาหล่อเหลาเล่า?
คุณชายใหญ่สกุลลู่ผู้นั้นหน้าตาโดดเด่น นับตั้งแต่เด็กหญิงอายุสามขวบปีจนถึงหญิงชราแปดสิบเก้าสิบปี ผู้ใดไม่ชอบใบหน้าเช่นนั้นบ้าง?
สำหรับเรื่องของบุรุษรูปงามแล้ว แน่นอนว่าความสนใจในการพูดคุยยิ่งมากเป็นพิเศษ
“นึกไม่ถึงจริง ๆ เพื่อเอาชนะใจใต้เท้าลู่น้อย คุณหนูฉีผู้นั้นจะใช้วิธีการเช่นนี้ หากใบหน้าของนางรักษาไม่ได้ เช่นนั้นชีวิตนางจะไม่จบสิ้นหรือ?”
“ข้าจะบอกพวกเจ้า บทละครเช่นนี้ข้าคุ้นเคยดี หากรักษาไม่ได้จริง ๆ นางก็จะหาข้ออ้างตามตื๊อให้เขารับผิดชอบ พอเขารับผิดชอบแล้วค่อยคิดหาหนทางรักษาใบหน้า ถึงแม้จะรักษาไม่ได้แล้วจริง ๆ เพียงอาศัยบุญคุณช่วยชีวิตที่นางมีต่อใต้เท้าลู่น้อย ไม่แน่ว่าจะถือโอกาสนี้เรียกร้องการตอบแทนบุญคุณเสียด้วย”
“เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว แม่นางน้อยสกุลสิงผู้นั้นก็ไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันเช่นกัน เมื่อครู่พวกเจ้าได้ยินแล้วกระมัง? หากเปลี่ยนเป็นสตรีนางอื่น คุณหนูหลี่บีบบังคับคนเช่นนี้ ไม่แน่ว่าอาจยอมแพ้ไปแล้ว จากนั้นคงวิ่งหนีไปด้วยความโกรธ ไม่แต่งงานกับใต้เท้าลู่น้อยอีก เจ้าดูนางสิ หน้าไม่แดงก่ำด้วยความโกรธ ไม่สะทกสะท้านแม้แต่น้อย มิหนำซ้ำยังพูดเสียจนคุณหนูหลี่พูดจาไม่ออก ดังคาด สตรีที่ใต้เท้าลู่น้อยยินดีแต่งงานด้วยจะเรียบง่ายได้อย่างไร”
“พวกเรามาเดิมพันกันหน่อยเป็นอย่างไร? ข้าเดิมพันหนึ่งตำลึงเงิน ใต้เท้าลู่น้อยไม่มีทางติดตามคุณหนูฉีไปอย่างแน่นอน”
“นี่แน่นอนอยู่แล้ว ใต้เท้าลู่น้อยไม่ได้ถูกจูงจมูกง่ายเพียงนั้น แทนที่จะเดิมพันเรื่องนี้ ไม่สู้เดิมพันว่าคุณหนูฉีจะได้แต่งกับใต้เท้าลู่น้อยหรือไม่ดีกว่า ข้าเดิมพันว่าคุณหนูฉีไม่ได้แต่ง ใต้เท้าลู่น้อยจะต้องแต่งงานกับคุณหนูสกุลสิงอย่างแน่นอน”
“ข้ากลับคิดไม่เหมือนกัน ใต้เท้าลู่น้อยเป็นบุรุษ คุณหนูฉีก็แต่งได้ คุณหนูสิงก็แต่งได้ อย่างไรเขาก็ไม่เสียเปรียบ”
“สกุลลู่มีกฎ บุรุษในสกุลพวกเขาไม่รับอนุ มีฮูหยินได้เพียงผู้เดียวเท่านั้น”
สาวใช้รีบกลับไปยังที่ที่นัดแนะกับหลี่เข่อหรง
หลี่เข่อหรงเอ่ยถาม “จัดการเรียบร้อยหรือยัง?”
“คุณหนูวางใจ พวกเขาล้วนรับไปแล้ว คงปิดปากให้สนิทเจ้าค่ะ”