สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1008 นางยินยอมไปเมืองถงหยางจริงหรือ
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 1008 นางยินยอมไปเมืองถงหยางจริงหรือ
บทที่ 1008 นางยินยอมไปเมืองถงหยางจริงหรือ?
บทที่ 1008 นางยินยอมไปเมืองถงหยางจริงหรือ?
“ข้าได้ยินเรื่องนี้ก็เดาออกว่าเกี่ยวข้องกับเจ้า” ฉีซืออี้เอ่ย “นอกจากเจ้าแล้ว ผู้ใดจะสนใจข้าเพียงนั้นอีก? เกรงว่าแม้กระทั่งน้องชายแท้ ๆ ของข้ายังไม่สนใจความสุขของข้าแม้แต่น้อย”
“จะเป็นไปได้อย่างไร…” หลี่เข่อหรงเห็นว่าฉีซืออี้ไม่โกรธ ความเคร่งเครียดในแววตาก็หายไป ทั้งร่างไม่ได้ตึงเครียดเหมือนก่อนหน้านี้ นางผ่อนคลายลง “เจ้าไม่โทษข้าหรือ? ข้ามีเจตนาดีจึงทำเรื่องเลวร้ายลงไป”
“เจ้าก็บอกว่ามีเจตนาดีจึงทำเรื่องเลวร้าย ไยข้าต้องโทษเจ้า? เจ้าเห็นข้าเป็นสหาย คิดถึงข้าอยู่เสมอ หากข้าตำหนิเจ้าเพราะอุบัติเหตุครั้งนี้ เช่นนั้นจะไม่ใช่หมาป่าตาขาวหรือ?” ฉีซืออี้คว้ามือนางมากุมพลางกล่าวว่า “ไม่ต้องเอ่ยถึงเรื่องพวกนี้แล้ว ข้าเพิ่งซื้อปิ่นระย้ามาสองสามอัน เจ้าช่วยข้าดูเถอะว่าอันไหนงามกว่ากัน”
หลี่เข่อหรงเห็นฉีซืออี้ไม่โกรธจริง ๆ อีกทั้งยังดูอารมณ์ดีทีเดียวก็โล่งใจเป็นอย่างยิ่ง
สาวใช้ของนางก็โล่งใจเช่นกัน
“อันนี้งามหรือไม่?”
“งาม”
“อันนี้เหมาะกับเจ้ามากกว่า” ฉีซืออี้หยิบปิ่นระย้างามวิจิตรอันหนึ่งปักลงบนผมหลี่เข่อหรง “งามจริง ๆ อันนี้ให้เจ้าแล้วกัน”
“ข้ารับไว้ไม่ได้”
“โธ่ พวกเราเป็นพี่หญิงน้องหญิง ข้าให้ของขวัญเจ้า เหตุใดเจ้าจึงไม่รับ?” ฉีซืออี้เอ่ย “เจ้าดูสิ ปิ่นระย้าทองอันนี้เหมาะกับเจ้าทีเดียว!”
หลี่เข่อหรงรับรู้น้ำหนักของปิ่นระย้าทองอันนั้น มันไม่เพียงแต่สวยงามประณีตเท่านั้น แต่ยังมีราคาแพงยิ่ง ด้วยมันทั้งแข็งและหนัก หากมันกลวง ปิ่นระย้าคงไม่หนักถึงเพียงนี้
เมื่อหลี่เข่อหรงออกมาจากสกุลฉี ในมือของสาวใช้ถือหีบสองใบเอาไว้ ในมือหลี่เข่อหรงถือเอาไว้หีบหนึ่ง ทั้งสามหีบนี้เต็มไปด้วยเครื่องประดับ ทั้งยังเป็นประเภทที่มองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าราคาแพงเพียงใด
สาวใช้เอ่ยอย่างอิจฉา “คุณหนูฉีช่างใจกว้างจริง ๆ”
นับประสาอะไรกับหลี่เข่อหรง แม้กระทั่งหลี่เยียนหรานบุตรีภรรยาเอกบ้านใหญ่ยังไม่มี เมื่อนึกถึงตรงนี้ หลี่เข่อหรงพลันยืดอกขึ้น รู้สึกภาคภูมิในตนเองขึ้นมา
หลี่เยียนหรานไม่ได้มีความสัมพันธ์อันดีกับหยางเซียงจวินหรือ? เหตุใดหยางเซียงจวินจึงไม่เคยให้ของขวัญราคาแพงแก่นางเล่า? แต่ตนเองนั้นเลือกฉีซืออี้ผู้ที่เพิ่งกลับมาเมืองหลวง ยังไม่มีสหายมากนัก ภายในระยะเวลาสั้น ๆ กลับได้ประโยชน์มากมาย
“คุณหนู ความกังวลก่อนหน้าของเราล้วนไม่จำเป็นเลย ท่านก็เห็น คุณหนูฉีอารมณ์ดีเพียงนั้น เกรงว่าเรื่องที่ถูกเล่าลือออกไปนี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อนางแม้แต่น้อย”
จวนท่านอ๋องลู่
มู่ซืออวี่ได้ยินว่าลู่ฉาวอวี่กลับมาแล้ว จึงให้คนของนางไปเรียกจางอี้และหยางจงเซิงมา
จางอี้และหยางจงเซิงติดตามลู่ฉาวอวี่ ตั้งแต่จากศาลาว่าการจนถึงบ้าน จากบ้านจนถึงศาลาว่าการ เป็นผู้ช่วยของเขาตั้งแต่เรื่องงานไปจนถึงเรื่องส่วนตัว รู้เรื่องราวมากมายที่แม้กระทั่งมารดาอย่างนางยังไม่รู้
“คารวะฮูหยิน” จางอี้และหยางจงเซิงค้อมคำนับ
ในยามนี้ทั้งสองคนรู้สึกประหม่าขึ้นมาเล็กน้อย
พวกเขาในฐานะคนของลู่ฉาวอวี่ ได้พบกับลู่อี้อยู่บ่อยครั้ง ทว่าฮูหยินกลับไม่เคยเรียกพบพวกเขาตามลำพัง
พวกเขาไม่กล้าประเมินฮูหยินต่ำไป จำต้องรู้ว่าเสียงของฮูหยินนั้นสำคัญต่อครอบครัวอย่างยิ่งยวด หากทำให้นางไม่พอใจ แม้กระทั่งเจ้านายของพวกเขาก็ไม่อาจปกป้องพวกเขาได้
จากคำบอกเล่าของเจ้านาย ฮูหยินคือผู้ที่อยู่บนสุดของห่วงโซ่อาหาร
พวกเขาไม่เข้าใจในคราแรก ทว่าหลังจากคุณชายอธิบายถึงความสัมพันธ์ในห่วงโซ่อาหารให้ฟัง พวกเขาถึงได้เข้าใจว่าผู้ที่อยู่บนสุดที่เอ่ยถึงนี้ก็คือฮูหยิน
“ได้ยินว่าคุณชายของพวกเจ้าโด่งดังขึ้นมาอีกแล้ว”
“ฮูหยิน เดิมทีเจ้านายก็เป็นคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกเสียจากคนนอกที่เพิ่งมาถึง ผู้ใดบ้างไม่รู้ว่าเขาเป็นผู้ใด?”
“พวกเจ้าดูแล้วยังภาคภูมิใจทีเดียว?” มู่ซืออวี่เอ่ย “ก่อนหน้านี้เขามีชื่อเสียงเพราะคุณงามความดีในการสืบสวนคดี ผู้คนต่างชื่นชมเขาว่าเป็นขุนนางดีรับใช้บ้านเมืองและอาณาประชาราษฎร์ บัดนี้เขากลับโด่งดังประสบความสำเร็จเพราะสตรีแล้วหรือ?”
“เจ้านายไม่ได้ตั้งใจนะขอรับ เขาเพียงแค่ไปหาคุณหนูสกุลสิงทานข้าวมื้อหนึ่ง ระหว่างนั้นก็ซื้อของ ภายหลังก็รีบไปทำธุระ ผู้ใดจะคิดว่าจะมีคนสร้างความลำบากให้คุณหนูสกุลสิง อีกทั้งผู้ที่สร้างความลำบากยังออกหน้าเพราะคุณหนูสกุลฉี บัดนี้ข่าวที่ข้างนอกเล่าลือเกี่ยวพันถึงสตรีสามคน อีกทั้งยังดึงเจ้านายไปเกี่ยวพัน เขาก็ได้รับความไม่เป็นธรรมนะขอรับ” จางอี้เป็นคนตรงไปตรงมา รู้อย่างไรก็พูดอย่างนั้น
“เจ้านายพวกเจ้าพาคุณหนูสิงไปทานข้าว ทั้งยังซื้อของให้นางหรือ?” มู่ซืออวี่ได้ยินประเด็นสำคัญของเรื่องนี้
นี่คือสิ่งที่นางสงสัยใคร่รู้
คุณหนูสกุลหลี่อะไร คุณหนูสกุลฉีอะไร แม้นางจะสงสัย แต่ก็พอคาดเดาได้หลายส่วน เพียงแต่ ลู่ฉาวอวี่ปลีกตัวจากงานที่ยุ่งแสนยุ่งเพื่อพาสิงเจียซือไปทานมื้อเย็น ทั้งยังซื้อของขวัญให้ นี่เป็นสิ่งที่นางไม่คาดคิด
จางอี้และหยางจงเซิง “…”
ฮูหยินดูเหมือนไม่ได้โกรธเพียงนั้น
หมายความว่า เมื่อครู่นางเพียงแสร้งทำหรือ?
“เอาละ ไปบอกเจ้านายพวกเจ้า เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงชื่อเสียงของสตรีสามคน เขาต้องจัดการให้ดี อย่าได้ให้กระทบผู้อื่น” มู่ซืออวี่กล่าว “ไม่ชอบก็ไม่ชอบ กล่าวให้ชัดเจน บอกให้อีกฝ่ายตัดใจยอมแพ้ก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“ขอรับ”
“นอกจากนี้ บาดแผลของคุณหนูฉีสาหัสถึงเพียงนั้น ไม่อาจล่าช้าอีกต่อไป” มู่ซืออวี่เอ่ย “เอาอย่างนี้ ข้าจะไปคุยกับนางด้วยตนเองเพื่อให้นางไปเมืองถงหยางโดยเร็วที่สุด”
วันรุ่งขึ้น มู่ซืออวี่ไปที่สกุลฉีด้วยตนเอง จุดประสงค์เพื่อโน้มน้าวฉีซืออี้ไปรับการรักษาใบหน้าที่เมืองถงหยาง
ฉีซืออี้รับปากในทันที “พระชายา ท่านไม่ต้องห่วง ข้าเตรียมการไว้แล้ว”
มู่ซืออวี่มองนางด้วยรอยยิ้ม “ดูเหมือนข้าจะคิดมากไป ข้ายังคิดว่าเจ้าไม่อาจตัดใจไปจากบิดามารดา ไม่ยินดีเดินทางไปไกลเสียแล้ว!”
“ข้าไม่ยินดีจากท่านพ่อท่านแม่ไป ทว่าบาดเจ็บแล้ว ย่อมต้องรักษาให้หายโดยเร็วที่สุด ไม่อาจปล่อยให้พวกเขากังวลใจ” ฉีซืออี้เอ่ย “พระชายาได้ยินข่าวลือข้างนอกแล้วกระมัง? จึงเกรงว่าซืออี้จะดันทุรัง ท่านวางใจเถิด ซืออี้ไม่โง่เขลาถึงเพียงนั้น ข้ายอมรับว่าชื่นชมใต้เท้าลู่น้อย เพียงแต่ในเมืองหลวงมีสตรีสักกี่คนที่ไม่ชื่นชมเขากัน? หรือว่าชื่นชมเขา จะต้องทำเรื่องโง่ ๆ เพื่อเขาหรือ?”
“เช่นนั้นเจ้าหมายความว่า…”
“ข้ารู้ว่าใต้เท้าลู่น้อยต้องการแต่งงานกับพี่หญิงสกุลสิง ย่อมเป็นวาสนาของพวกเขา ข้าเป็นหญิงสาวสกุลฉี หยิบได้ก็วางได้ ย่อมไม่ทำให้ใต้เท้าลู่น้อยลำบากใจ” ฉีซืออี้กล่าว “เหตุที่หลายวันนี้ข้ายังไม่รีบร้อนเป็นเพราะข้าต้องการเตรียมการเพื่อไม่ให้เกิดความผิดพลาดระหว่างทาง เร่งรีบจนทำอะไรไม่ถูก บัดนี้เตรียมพร้อมเรียบร้อย จวนจะได้เวลาออกเดินทางแล้ว”
มู่ซืออวี่หันไปมองฉู่หนิงจูที่อยู่ข้าง ๆ
ฉู่หนิงจูพยักหน้า ยืนยันว่าสิ่งที่ฉีซืออี้กล่าวเป็นความจริง
“พอดีว่าคาราวานสกุลฉินกำลังจะไปเมืองถงหยาง พวกเจ้าต้องการร่วมทางไปหรือไม่?” มู่ซืออวี่เอ่ย “คาราวานสกุลฉินเดินทางไปทั่วอาณาจักรมาหลายปีแล้ว ย่อมรู้ว่าเส้นทางใดราบรื่นที่สุด มีอุปสรรคน้อยที่สุด ดังนั้นย่อมหลบเลี่ยงเส้นทางอ้อมได้มากมาย เจ้าจะได้ไปถึงเมืองถงหยาง พบเทพโอสถเร็วขึ้นหน่อย”
“ดียิ่ง เช่นนั้นรบกวนพระชายาแนะนำให้ซืออี้แล้ว” ฉีซืออี้ค้อมคำนับ ดูอ่อนโยนและใจกว้าง บรรยากาศไม่ธรรมดา
มู่ซืออวี่อดสงสัยไม่ได้ ‘หรือว่านางคิดมากไปเอง?’
—————————————————-