สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1010 ลู่ฉาวอวี่ถูกโจมตี
บทที่ 1010 ลู่ฉาวอวี่ถูกโจมตี
บทที่ 1010 ลู่ฉาวอวี่ถูกโจมตี
เวลาเคลื่อนคล้อยผ่านไป
จวนจะได้เวลารับตัวเจ้าสาวแล้ว ทว่าด้านนอกกลับยังไม่มีความเคลื่อนไหว
“เกิดอะไรขึ้น?” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเอ่ย “พวกเจ้าออกไปดูหน่อยว่าขบวนรับตัวเจ้าสาวมาถึงแล้วหรือยัง”
หลังจากรออยู่ครู่หนึ่ง ขบวนรับตัวเจ้าสาวก็ยังไม่มา
“เดิมทีฤกษ์ดีเป็นเวลานี้ ตอนนี้ยังไม่มา คงไม่ได้จะไม่มากระมัง” ฮูหยินรองสิงมีความสุขบนความทุกข์ของผู้อื่น
“หากเจ้าพูดไม่เป็น เช่นนั้นก็กลับห้องไป อย่าได้โผล่มาสร้างความอับอายอยู่ที่นี่” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าวตำหนิ “หากสกุลลู่ล้มเลิกงานแต่ง เจ้าคิดว่ามีเพียงเจ้าห้าที่ขายหน้า แล้วสกุลสิงเราไม่ขายหน้าหรือไร?”
“ไม่ใช่ว่าข้าไม่ให้เขามาเสียหน่อย” ฮูหยินรองสิงพึมพำ “ไยต้องระบายความโกรธกับข้า?”
สิงเจียซือกล่าว “สกุลลู่ไม่มีทางผิดคำพูดเช่นนี้ จะต้องเกิดบางอย่างทำให้ล่าช้าเป็นแน่ ฉิงโหรว เจ้าออกไปสอบถามดูสักหน่อยเถิด”
“มาแล้ว มาแล้ว” พ่อบ้านวิ่งเข้ามาจากข้างนอก “ใต้เท้าลู่มาแล้วขอรับ”
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงถอนหายใจด้วยความโล่งอก
สิงเจียซือก็โล่งใจเช่นกัน
ถึงแม้จะกล่าวว่าหากสกุลลู่ล้มเลิกงานแต่งไม่ได้กระทบอะไรต่อนาง ทว่าเมื่อได้ยินว่าเขามาแล้ว ความขัดเคืองใจของนางพลันจางหายไปทันที
“คุณหนู ท่านเขยมาแล้วเจ้าค่ะ” ฉิงโหรวมองออกไปข้างนอกแล้วเอ่ย “ท่านรีบคลุมหน้าเร็วเข้า”
ฉิงฮุ่ยสวมผ้าคลุมหน้าให้สิงเจียซือ
ลู่ฉาวอวี่ปรากฏตัวขึ้น ประกบมือให้ฮูหยินผู้เฒ่าสิงพลางกล่าว “ระหว่างทางเกิดเรื่องบางอย่างเล็กน้อย โชคดีฤกษ์ดีไม่ทันล่วงเลยไป ขอฮูหยินผู้เฒ่าสิงอย่าได้ขุ่นเคือง”
“เวลาเหมาะสม นับเป็นฤกษ์งามยามดี เห็นได้ว่าเจ้าห้าและใต้เท้าจะต้องสมัครสมานกลมเกลียวราบรื่นอย่างแน่นอน” ฮูหยินผู้เฒ่าสิงกล่าว
“จะต้องเป็นเช่นนั้น” สิ้นคำ ลู่ฉาวอวี่ก็รับเอาผ้าไหมสีแดงจากฉิงโหรว พาสิงเจียซือเดินออกไปข้างนอก
สิงเจียซือเห็นเพียงเท้าของลู่ฉาวอวี่เท่านั้น
ทันทีที่เขามาปรากฏตัว นางก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาเป็นพิเศษ
สิงเจียซือไม่เข้าใจว่าด้วยเหตุใด หัวใจจึงเต้นระรัวเพียงนี้ จู่ ๆ ทั้งร่างก็ตื่นเต้นขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่าตกลงกันแล้วว่า การแต่งงานนี้เป็นเพียงงานแต่งลวง เหตุใดนางถึงได้รู้สึกราวกับแต่งให้เขาแล้วจริง ๆ? เขาเป็นคุณชายใหญ่จวนท่านอ๋องลู่ สามีในฝันของสตรีในใต้หล้าเชียวนะ!
“ไม่ต้องกลัว” ลู่ฉาวอวี่เอ่ยกระซิบ
“เกิดเรื่องอะไรแล้วใช่หรือไม่?” สิงเจียซือได้กลิ่นคาวเลือด “ท่านได้รับบาดเจ็บหรือ?”
เสียงของทั้งสองแผ่วเบายิ่ง รอบกายมีเสียงอึงอล จึงมีเพียงอีกฝ่ายและสาวใช้ข้างกายเท่านั้นที่ได้ยินคำพูดของทั้งคู่ ผู้อื่นล้วนไม่ได้ยิน
“ไม่ใช่เลือดข้า ข้าไม่ได้รับบาดเจ็บ” ลู่ฉาวอวี่เอ่ย “ขบวนรับตัวเจ้าสาวถูกโจมตีระหว่างทาง จากเบาะแสในตอนนี้ คงเป็นมือสังหารที่ข้ากำลังตามล่า เพราะเผชิญหน้ากับพวกมันจึงทำให้ล่าช้าไประยะหนึ่ง เพียงแต่ไม่ได้เสียหายร้ายแรงอะไร ไม่ต้องกังวล”
“เหตุใดจึงเป็นเช่นนี้? เช่นนั้นจับคนได้หรือยัง?”
“ไม่ได้ ครานี้พวกมันหนีไปได้อีกแล้ว”
“คราหน้าจะต้องจับพวกมันได้เป็นแน่”
“ใช่”
ลู่ฉาวอวี่พาสิงเจียซือไปนั่งเกี้ยว จากนั้นก็กระโดดขึ้นหลังม้า ประกบมือไปทางฮูหยินผู้เฒ่าสิง แล้วจึงสั่งให้ขบวนรับตัวเจ้าสาวหามเกี้ยวขึ้น
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงเฝ้ามองขบวนรับตัวเจ้าสาวหายไป ดวงตารื้นน้ำ
“ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่เป็นไรกระมัง?” แม่นมเฉียนมองนางอย่างเป็นห่วง
ฮูหยินผู้เฒ่าสิงสะอึกสะอื้น “ในที่สุดนางก็ได้ออกเรือนแล้ว ข้าไม่ละอายใจต่อบิดามารดานางแล้ว”
“คุณหนูห้าไม่เพียงแต่งงานแล้ว แต่ยังแต่งงานได้ดีเพียงนั้น” แม่นมเฉียนเอ่ย “ฮูหยินผู้เฒ่า ท่านไม่ต้องเป็นห่วงนางอีกต่อไป”
“ข้าเหนื่อยแล้ว พาข้าไปพักผ่อนเถอะ”
จวนท่านอ๋องลู่คับคั่งไปด้วยผู้คนมากมายมารวมตัวกัน
ปกติแล้วหากจวนท่านอ๋องลู่มีงานเลี้ยงใด ๆ ก็มักมีผู้คนรุดมาเพื่อประจบประแจงเป็นอย่างอุ่นหนาฝาคั่งอยู่แล้ว เพียงแต่ แต่ไรมาก็ไม่เคยมีคนมามากเท่าวันนี้ ท้ายที่สุดแล้วนี่คืองานแต่งของลู่ฉาวอวี่ เป็นงานมงคลใหญ่ที่หาได้ยากยิ่งของสกุลลู่
แขกที่เป็นขุนนางและครอบครัวของพวกเขาจัดแจงรับรองอยู่ในลานหนึ่ง ขณะที่แขกจากแวดวงการค้าและครอบครัวถูกรับรองอยู่ที่ลานอีกแห่ง เพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งระหว่างขุนนางและพ่อค้าซึ่งอาจทำให้เกิดความสับสนอลหม่านโดยไม่จำเป็น
เพียงแต่ ด้วยความสัมพันธ์กับมู่ซืออวี่ ย่อมไม่มีผู้ใดกล้าดูถูกพ่อค้าที่สามารถเข้าร่วมงานแต่งงานของจวนท่านอ๋องลู่ได้ ท้ายที่สุดแล้ว อย่างไรเสียยามนี้พ่อค้าวาณิชก็ไม่ได้ต่ำต้อยอีกต่อไป หากแต่สามารถปิดฟ้าได้กว่าครึ่งแล้ว
“มาแล้ว ๆ”
“เจ้าสาวมาแล้ว”
สิงเจียซือลงจากเกี้ยว ได้ยินเสียงครึกครื้นด้านนอก ฝ่ามือพลันชื้นเหงื่อขึ้นมา
“แต่งปลอม เพียงแต่งปลอม ๆ เท่านั้น”
ลู่ฉาวอวี่ได้ยินเสียงพึมพำของสิงเจียซือจึงยิ้มบาง ๆ “กังวลมากหรือ?”
“ท่านไม่กังวลหรือไร?” สิงเจียซือถาม
“ไม่กังวล” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ปล่อยตัวตามสบายเถอะ”
หยางเซียงจวินมองบุรุษที่อยู่ท่ามกลางฝูงชน ดวงตาของนางแดงก่ำ
ภายในช่วงเวลาสั้น ๆ นางซูบผอมลงมาก ราวกับน้ำหนักลดลงไปหลายสิบจิน ผอมจนแทบไม่เหลือเนื้อหนังแล้ว
เดิมทีในวันนี้คนที่บ้านไม่อนุญาตให้นางมา ด้วยกลัวว่านางจะขาดสติ ทำเรื่องล่วงเกินสกุลลู่ลงไป อย่างไรก็ตาม หยางเซียงจวินก็ยังคงมาจนได้
“เจ้าดูใต้เท้าลู่น้อยสิ เขาสวมใส่ชุดแต่งงานแล้วหล่อเหลาจริง ๆ”
“คุณหนูหยาง ท่านไม่เป็นไรกระมัง?”
“ข้าไม่เป็นไร” หยางเซียงจวินเอ่ย “นางไม่คู่ควรกับเขา ข้าจะรอให้นางมอบตำแหน่งนี้ให้ข้า”
หลายคนในบริเวณใกล้เคียงเบือนหน้าหนีอย่างรวดเร็ว
พวกเขาไม่ได้ยินอะไรทั้งสิ้น
ใต้เท้าลู่ยังคงเป็นผู้ก่อหายนะจริง ๆ บัดนี้แต่งงานแล้ว ยังมีคนคิดคำนึงถึงเขาอีก
“ไฟไหม้แล้ว”
เสียงบ่าวรับใช้ดังมาจากด้านหลัง
“เกิดอะไรขึ้น?” พ่อบ้านเอ่ยถาม
“เรือนด้านหลังไฟไหม้แล้วขอรับ อีกทั้งเพลิงยังลุกลามใหญ่โตยิ่ง”
พ่อบ้านเอ่ย “วันนี้เป็นวันสำคัญของนายน้อย ไม่อาจรบกวนงานแต่งของนายน้อยเป็นอันขาด พวกเจ้าตามข้ามา….”
พ่อบ้านจัดแจงบ่าวรับใช้ไปดับไฟ
ลู่เซวียนได้ยินเสียงเอะอะเป็นคนแรกจึงรีบตระเตรียมผู้คุ้มกันไปดับไฟทันที
“พวกเจ้าใช้ปืนดับเพลิงที่ฮูหยินทำ” ลู่เซวียนเอ่ย “คราวที่แล้วนางบอกแล้วไม่ใช่หรือ? หากในจวนมีไฟไหม้ ให้เปิดปืนดับเพลิงอันนั้น เพียงฉีดน้ำก็ดับไฟได้แล้ว”
“ใช่แล้ว ๆ ข้าน้อยช่างไร้ประโยชน์จริง ๆ ลืมเรื่องสำคัญเช่นนี้ได้อย่างไร โชคดีที่นายท่านรองเอ่ยเตือน” พ่อบ้านเอ่ย “รีบใช้ปืนดับเพลิงที่ฮูหยินสร้างเร็วเข้า”
“เกิดอะไรขึ้น?” มู่ซืออวี่เดินเข้ามา
“เรือนด้านหลังเกิดไฟไหม้ เพียงแต่พ่อบ้านไปจัดการแล้ว” ลู่เซวียนกล่าว “ท่านอย่าเดินไปทั่ว ไปอยู่กับพี่ชายข้า”
“เจ้าคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญหรือ?”
“ฤดูนี้ไม่ใช่หน้าแล้ง ไฟจะไหม้อย่างไร้เหตุผลได้อย่างไร?” ยิ่งไปกว่านั้น เห็นได้ชัดว่าเมื่อครู่ลู่ฉาวอวี่เพิ่งรับศึกหนักมา แสดงให้เห็นว่าเกิดเรื่องบางอย่างขึ้นระหว่างทางไปรับเจ้าสาว
ลู่อี้เรียกคนของเขามาสองสามคน กล่าวกำชับสองสามประโยค
แม่ทัพหลายคนเดินขวักไขว่ไปมาท่ามกลางฝูงชน ราวกับกำลังเตรียมการบางอย่าง
“เกิดอะไรขึ้น?” ฉีเจินถาม “มีอะไรผิดปกติหรือ?”
ลู่อี้ยิ้มน้อย ๆ “มีคนมากเกินไป บ่าวรับใช้ย่อมดูแลไม่ทั่วถึง ยากที่จะหลีกเลี่ยงไม่ให้หละหลวมไปบ้าง พี่ฉีไม่ใช่คนนอก ข้าไม่เกรงใจต่อท่านแล้ว ท่านทำตัวตามสบายเถิด”
“ท่านไปจัดการธุระเถิด ข้าก็ไม่รู้ว่าเกรงใจหมายถึงอะไร ข้าดูแลตนเองได้แน่นอน” ฉีเจินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
ฉีเซียววางถ้วยชาลง เดิมตามลู่อี้ออกไป
“เกิดอะไรขึ้น?”
“ฉาวอวี่ถูกซุ่มโจมตีระหว่างไปรับเจ้าสาว โชคดีที่เราเตรียมพร้อมไว้แล้ว ถึงได้ปลอดภัย บัดนี้เรือนด้านหลังเกิดไฟไหม้ขึ้นอีก ข้าว่า ประเดี๋ยวคงมีปัญหาอื่น ๆ ตามมาภายหลัง”