สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1034 หนอนบ่อนไส้
บทที่ 1034 หนอนบ่อนไส้
ตกกลางคืน มู่ซืออวี่มองบันทึกแล้วเอ่ยว่า “บัญชีทำได้ไม่เลว”
เหล่าผู้ดูแลที่อยู่ฝั่งตรงข้ามเอ่ยด้วยความนอบน้อม “ขอบคุณพระชายาที่ชมเชย”
“ชมหรือ?” มู่ซืออวี่วางของในมือลง แล้วเอนตัวอย่างเกียจคร้าน “ข้าชมพวกท่านเมื่อใดกัน?”
หนึ่งในผู้ดูแลเอ่ยด้วยสีหน้าเย้ยหยัน “พระชายา บัญชีของเราทำได้ไม่ดีหรือ?”
“แน่นอนว่าทำได้ดี เหมือนของจริงทีเดียว” มู่ซืออวี่เอ่ย “พวกท่านคงเตรียมตัวไว้ล่วงหน้า รอให้ข้าตรวจสอบเมื่อใดก็ได้ใช่หรือไม่?”
“พระชายาโปรดเมตตา พวกเราไม่ได้สร้างบัญชีเท็จ บัญชีเหล่านี้ล้วนชัดเจนโปร่งใส”
“เด็ก ๆ” มู่ซืออวี่ตะโกนออกไปข้างนอก
ผู้คุ้มกันสองคนเดินเข้ามา
ผู้ดูแลหลายคนเหล่านั้นต่างเผยสีหน้าหวาดกลัว
“ผู้ดูแลหลายท่านนี้ลำบากมามากแล้ว อีกทั้งยังทำผลงานสำเร็จมามากมาย เช่นนั้นพาพวกเขาไปตกรางวัลเถอะ” มู่ซืออวี่เอ่ย “กว่าฟ้าจะสางยังอีกนาน ไม่ต้องรีบร้อน ค่อย ๆ ตกรางวัล พระชายาผู้นี้มีเวลามากพอที่จะรอ”
“ขอรับ”
“พระชายา…”
ผู้ดูแลตื่นตระหนก ร้องว่าไม่ได้รับความยุติธรรมดังออกมาถึงข้างนอกและยังคงดำเนินต่อไป หลังจากนั้นผู้คุ้มกันก็ปิดปากเขา เสียงจึงค่อย ๆ เงียบลง
ลู่จื่ออวิ๋นเดินออกมานั่งข้างมู่ซืออวี่แล้วเอ่ย “พวกเขาคงนึกไม่ถึงว่าท่านแม่จะตรวจสอบบัญชีกลางดึก ถือโอกาสเขย่าภูเขาสะท้านพยัคฆ์โจมตีในยามที่พวกเขาไม่ทันได้ตั้งตัวที่สุด”
“เหลวไหล ข้าไม่ได้มีความคิดมากมายเพียงนั้น เพียงแค่รู้สึกว่านอนไม่หลับ ได้จัดการธุระพอดี เช่นนี้เหตุเรือจมจะได้ไม่ต้องดำเนินไปอย่างไม่ชัดเจน” มู่ซืออวี่จิบน้ำก่อนจะกล่าวต่อไป “สาวใช้สองคนนี้ชักจะเอาใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว ตอนนี้แม้กระทั่งชาร้อนสักถ้วยยังไม่มี มีเพียงน้ำใส ๆ นี้ให้ข้าดื่มเท่านั้น”
ชิงไต้และเจ๋อหลานหาได้กลัวไม่ เมื่อได้ยินนางกล่าวเช่นนั้นก็ยิ้มรับ
เจ๋อหลานกล่าวกับลู่จื่ออวิ๋นว่า “องค์หญิงไม่อาจเชื่อพระชายาเป็นอันขาด เมื่อวานนางดื่มชากลางดึก พลิกตัวไปมาจนถึงรุ่งสาง หากข้าให้ชานางตอนนี้ เกรงว่าจะนอนไม่หลับอีก พระชายาก็เหมือนเด็กผู้หนึ่ง รู้ว่าต้องทำให้ผู้อื่นลำบากอย่างไร”
“แม่นางทั้งสอง หลายปีมานี้กังวลมาไม่น้อย” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “เอ่ยไปแล้วข้าลูกสาวผู้นี้ช่างอกตัญญูจริง ๆ จากบ้านไปไกลเพียงนั้น ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าเมื่อใดที่ท่านแม่จะจับไข้ มิหนำซ้ำยังทำให้มารดาต้องเป็นห่วง”
“ข้าไม่ได้คลอดลูกสาวเพื่อให้มาดูแล” มู่ซืออวี่เอ่ย “เอาละ ข้าว่าพวกเขาคงไม่ยอมรับสารภาพไปสักระยะหนึ่ง ข้าจะนอนสักประเดี๋ยว เจ้าเองก็ไปพักผ่อนสักหน่อยเถอะ”
“ข้าอยากนอนกับท่านแม่”
“เอาสิ พวกเราสองแม่ลูกก็ไม่ได้นอนด้วยกันมานานแล้วพอดี”
รุ่งเช้า ลู่เยี่ยก็มารายงาน บอกว่าผู้ดูแลทั้งสี่ล้วนสารภาพแล้ว
ผู้ดูแลทั้งสี่คนนี้รับผิดชอบในแต่ละส่วนแตกต่างกันไป หากมีปัญหาในกิจการขนส่ง เป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะไม่รู้ ดังนั้นทั้งสี่คนล้วนเป็นผู้รู้รายละเอียดของเรื่องนี้ หากคิดจะง้างปากของพวกเขาก็ต้องทำให้เชื่องเสียก่อน
มู่ซืออวี่ไม่ได้ออกหน้าด้วยตนเอง หากแต่ขอให้เจ๋อหลานและชิงไต้ตรวจสอบบัญชีของผู้ดูแลทั้งสี่
ครั้งนี้พวกเขากลับซื่อสัตย์ บอกเล่าสถานการณ์ที่แท้จริงของกิจการเรือส่งสินค้าให้ฟัง
ที่แท้เรือสินค้าทั้งสี่ลำถูกผลิตขึ้นในรุ่นเดียวกัน ทั้งยังใช้วัสดุชุดเดียวกันสร้างขึ้นมา
ไม้ที่พวกเขาจะใช้ต่อเรือจู่ ๆ ก็เน่าเปื่อย พวกเขาจึงไม่สามารถหาไม้ชนิดเดิมได้ในเวลาอันสั้น จึงไปหาพ่อค้าไม้เพื่อซื้อมันอีกครั้ง เนื่องจากเงินจำนวนนี้เป็นเงินมหาศาล พวกเขาจึงปลอมแปลงบัญชีขึ้นมา ใช้วิธีอื่นในการถอนเงินออก เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าเรือสินค้าทั้งสี่ลำจะเกิดเหตุระหว่างเดินทาง อีกทั้งยังเกิดเหตุในเวลาเดียวกัน ทำให้เกิดความตกใจอย่างใหญ่หลวง
“คนขายไม้ชื่อจ้าวปู้เต่า เป็นชายหนุ่มผู้หนึ่ง ได้ยินว่าเขาหล่อเหลาทีเดียวเจ้าค่ะ” เจ๋อหลานกล่าว
นี่เป็นภาพที่ร่างออกมาของคุณชายจ้าวตามคำบอกเล่าของผู้ดูแลหยางเจ้าค่ะ” ชิงไต้คลี่กระดาษแผ่นหนึ่งวางรูปของคุณชายจ้าวที่หล่อเหลาไว้เบื้องหน้า
ลู่จื่ออวิ๋นที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “จ้าวปู้เต่า พวกท่านไม่รู้สึกว่าชื่อนี้แปลกหรือ?”
“แปลกอยู่บ้างจริง ๆ ฟังแล้วเรียกยากเย็นเล็กน้อย” เจ๋อหลานกล่าว
“จ้าวปู้เต่า เจ่าปู๋เต้า*[1]” มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างใจเย็น “ไหนจะคนในรูปภาพนี้อีก ดูแล้วหน้าตาหล่อเหลา ทว่าทั้งใบหน้าเขากลับไม่มีอะไรเด่นชัด ราวกับเป็นคนธรรมดาที่พบเห็นได้ทั่วไปบนท้องถนน คงแปลงโฉมมา”
“หลายปีมานี้ล้วนเป็นพี่ใหญ่หลี่ที่ช่วยท่านแม่ดูแลกิจการ พี่ใหญ่หลี่เป็นคนฉลาด ไม่ควรเกิดปัญหาอะไรมากมาย” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “หรือกิจการอื่นก็เกิดปัญหาเช่นกัน พี่หลี่จึงรับมือไม่หวาดไม่ไหวแล้ว?”
“ขอเพียงมีคนต้องการทำให้เป็นเรื่องยาก หากเขาไม่ระวังเพียงน้อยนิด ย่อมยากที่จะไม่ตกหลุมพรางของศัตรู เมื่อครู่นี้มีข่าวจากกองคาราวานสกุลฉินบอกว่าที่เมืองฮู่เป่ยทางนั้นเกิดเรื่องเช่นกัน”
“เมืองฮู่เป่ยเป็นที่ที่ท่านแม่สร้างชื่อเสียงเป็นที่แรก กิจการที่นั่นไม่เพียงแต่มีพี่ใหญ่หลี่ดูแล แต่ยังมีท่านน้าเจิ้งกับสกุลฉินอยู่ด้วย ทางนั้นจะเกิดเรื่องได้หรือเจ้าคะ?”
“ลานหรรษามีมานานแล้ว เครื่องเล่นต่าง ๆ ก็ล้าสมัยไป ปัญหาต่าง ๆ จึงเริ่มเกิดขึ้น หลังจากตรวจสอบเรื่องเรือสินค้าจมเสร็จ เราอาจต้องกลับไปที่เมืองฮู่เป่ย ถึงตอนนั้นค่อยว่ากันเถิด!”
พ่อค้าไม้แซ่จ้าวผู้นั้นหาไม่พบจริง ๆ อย่างไรก็ตาม ขอเพียงเขามีตัวตน ย่อมทิ้งร่องรอยเอาไว้ ดังนั้นลู่เยี่ยจึงนำคนกลุ่มหนึ่งไปตรวจสอบเรื่องนี้โดยละเอียด ขณะตรวจสอบบันทึกพ่อค้าอยู่ที่จวนว่าการท้องที่ นึกไม่ถึงว่าจะไม่พบอะไรจริง ๆ จำต้องรู้ว่าพ่อค้าต้องจ่ายภาษีการค้า ในเมื่อพวกเขาต้องเสียภาษีการค้า เมื่อเข้ามาตั้งรกรากเพื่อเปิดร้านและทำกิจการก็ต้องจดทะเบียน ดังนั้นจวนว่าการจึงต้องทำการถ่ายเลือดครั้งใหญ่ เปลี่ยนเจ้าหน้าที่ทางการอีกกลุ่มหนึ่งใหม่ทันที
ถึงแม้ว่าจะเปลี่ยนคนอีกกลุ่มมาแทนที่พวกหยำเป๋เหล่านี้แล้ว ทว่าเบาะแสก็ขาดลงที่นี่
มู่ซืออวี่ขึ้นเรือไปยังจุดที่เรือสินค้าจม ประการแรกเพราะอยากเห็นเหตุการณ์ก่อนและหลังเรือจม ประการที่สองคือต้องการติดตามผล อย่างไรก็มีผู้เสียชีวิตหลายคน ทั้งยังมีสินค้าสูญหายเป็นจำนวนมาก ทั้งหมดล้วนต้องจัดการ
“คารวะพระชายา…” นายอำเภอเมืองฉางหลินรุดมาพลางถือหมวกขุนนางออกมาด้วย เมื่อเห็นสตรีผู้สูงศักดิ์ก็ทรุดตัวลงคุกเข่ากับพื้นในทันที
“ใต้เท้าหยางลุกขึ้นเถิด” มู่ซืออวี่เอ่ย “ใต้เท้าหยางไม่ต้องมากพิธี วันนี้ข้ามาที่นี่เพื่อตรวจสอบเรื่องเรือสินค้าที่จมไป เรือสินค้าจมลงในเขตการปกครองเมืองฉางหลินของท่าน การกอบกู้ซากเรือขึ้นมาก็ได้คนจากที่ว่าการท่านรับผิดชอบ คิดว่าใต้เท้าหยางคงทราบเรื่องนี้อย่างชัดแจ้งกระมัง?”
“เรียนพระชายา ครานั้นข้าน้อยต้องรับผิดชอบเรื่องนี้จริง ๆ ข้าน้อยเฝ้าดูกระบวนการกอบกู้ทั้งหมด กู้ซากเรือสินค้าขึ้นมารอให้พระชายามาตรวจสอบ นอกจากนี้ ผู้โชคร้ายที่จมน้ำตายยังอยู่ที่โรงเก็บศพ” ใต้เท้าหยางประหม่าจึงพูดจาตะกุกตะกักอยู่บ้าง ทว่าสมองของเขายังดี เห็นได้ชัดว่าเตรียมตัวมาเป็นอย่างดี “ทว่าสินค้าบนเรือลำนี้เป็นเครื่องเทศ หลังจากจมแล้ว ของเหล่านี้ก็ไม่อาจนำมาใช้ได้อีกต่อไป”
“ดีมาก” มู่ซืออวี่กล่าว “เรื่องนี้ใต้เท้าหยางจัดการได้ดีมากทีเดียว”
เรือสินค้าสี่ลำจมลงลำแล้วลำเล่า อีกทั้งสถานที่ยังเป็นคนละแห่ง เรือสินค้าลำนี้อยู่ใกล้เมืองหลวงมากที่สุด ดังนั้นจึงเป็นเรือลำแรกที่ถูกตรวจสอบ
[1] เจ่าปู๋เต้า แปลว่า หาไม่พบ