สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1041 มีสองทางเลือก
บทที่ 1041 มีสองทางเลือก
ลู่จื่ออวิ๋นส่งองครักษ์เงาติดตามไปที่หมู่บ้านสกุลหยางด้วย
ในคืนเดียวกันนั้นเอง องครักษ์เงาก็กลับมารายงานผลการสอบสวน
“พวกเขาเผาศพแล้ว ไม่อาจชันสูตรศพได้แม้แต่น้อย”
“ลูกสาวตายอย่างน่าเวทนาเป็นเรื่องน่าเศร้าใจ แต่พวกเขายังปล่อยให้นางถูกเผา นี่ไม่สมเหตุสมผลเอาเสียเลย” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “มีอย่างอื่นที่น่าสงสัยอีกหรือไม่?”
“พวกเขาดูไม่เหมือนคนที่ลูกสาวตายแม้แต่น้อยพ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงากล่าว “ห้าร้อยตำลึงเงินที่รับไปนั้น หนึ่งร้อยตำลึงเงินเป็นของผู้ใหญ่บ้าน อีกสองร้อยตำลึงเงินแบ่งให้กับชาวบ้าน หยางต้าจวงเก็บไว้เพียงสองร้อยตำลึงเงิน พวกเขาดื่มกันเต็มที่ ซื้อเนื้อมากินอย่างอิ่มหนำ ดูไม่เหมือนคนที่เสียคนในครอบครัวไปจริง ๆ พ่ะย่ะค่ะ”
“เจ้าตรวจสอบชั้นใต้ดินแล้วหรือยัง?”
“กระหม่อมตรวจสอบไม่ได้ ตำแหน่งที่หลี่เสี่ยวฝานกล่าวถูกถมกลบแล้วพ่ะย่ะค่ะ”
“พวกเขาระมัดระวังถึงเพียงนี้เชียวหรือ?” ลู่จื่ออวิ๋นเอ่ย “ดูเหมือนเรื่องนี้จะมีผีแล้วจริง ๆ เพราะหากไม่มีผี อีกฝ่ายคงไม่ระวังเพียงนั้น”
“เช่นนั้นต่อไป…”
“ตอนนี้ผู้ใดรั้งอยู่ที่นั่น?”
“เซี่ยสืออีพ่ะย่ะค่ะ”
“พรุ่งนี้เจ้าเปลี่ยนเวรกับเขา จากนั้นก็ให้เขากลับมารายงานสถานการณ์กับข้า”
“พ่ะย่ะค่ะ” องครักษ์เงาน้อมรับคำสั่ง
เมื่อมู่ซืออวี่กลับมาจากในเมืองก็เห็นผู้จัดการเฉียนกำลังคุยกับใครบางคน ดูจากการแต่งกายแล้ว อีกฝ่ายคงจะเป็นชาวบ้านที่นี่
ชิงไต้และเจ๋อหลานเองก็เห็นแล้วเช่นกัน
“ชู่ว!” มู่ซืออวี่ส่งสัญญาณให้พวกนางเงียบ จากนั้นจึงพาสาวใช้ทั้งสองไปหลบอยู่ข้าง ๆ เพื่อซุ่มดู
ผู้จัดการเฉียนคุยกับคนผู้นั้นเสร็จก็เหลียวมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่เห็นผู้อื่น เขาจึงกลับเข้าไปในศาลาว่าการ
“พระชายา คนผู้นี้มีบางอย่างไม่ถูกต้อง”
“ที่นี่ไม่มีคนของกิจการสกุลฉิน พวกเราไม่อาจยืนยันได้ว่าพวกเขาเป็นคนของสกุลฉินหรือไม่”
“มิเช่นนั้น พวกเราส่งคนไปที่เมืองใหญ่ใกล้ ๆ หาจุดติดต่อร้านสาขาของสกุลฉินดีหรือไม่? บางทีพวกเราอาจสอบถามได้นะเจ้าคะ”
“ส่งคนไปจับตามองก่อน อย่าเพิ่งลงมือทำอะไร ไม่ว่าเขาจะใช่หรือไม่ ขอเพียงพวกเราจับตามองเขาไว้ ความจริงย่อมเปิดเผยออกมาในที่สุด”
ชิงไต้ตามคนที่แต่งตัวเป็นชาวบ้านในท้องที่ผู้นั้นไป
ไม่นานนักนางก็กลับมาแล้วรายงาน “ผู้เฒ่าคนนั้นบอกว่าผู้จัดการเฉียนให้เขาไปซื้อเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ท้องถิ่นเจ้าค่ะ”
มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าลองหวนกลับไปนึกถึงสถานการณ์ตอนนั้นสิ หากเพียงแค่ใช้ไปซื้อเมล็ดพันธุ์ดอกไม้ ผู้จัดการเฉียนจะต้องทำลับ ๆ ล่อ ๆ เพียงนั้นเลยหรือ?”
“จริงด้วย!” ชิงไต้โกรธ “บ่าวสร้างปัญหาแล้ว”
“เจ้าดูไม่เหมือนคนที่ถูกหลอกเอาง่าย ๆ คนผู้นั้นสามารถทำให้เจ้าเชื่อได้ แสดงให้เห็นว่าเขาเองก็ร้ายกาจไม่เบาเช่นกัน” เจ๋อหลานกล่าว “เพียงแต่คนผู้นั้นจะต้องบอกกับผู้จัดการเฉียนถึงเรื่องที่เจ้าสงสัยเขาอย่างแน่นอน เช่นนี้ผู้จัดการเฉียนจะไม่ทราบแล้วหรือ?”
“เรื่องนี้ไม่มีทางเกิดขึ้น” ชิงไต้เอ่ย “ถึงข้าจะเชื่อคำพูดของเขา ทว่าก็ไม่ได้ปล่อยเขาไป หากแต่ให้คนเฝ้าเอาไว้ ข้าขังเขาไว้ในห้องชั่วคราวก่อน รอจนกว่าเราจะไปแล้วค่อยปล่อยเขา หากเขาเป็นผู้บริสุทธิ์ เพียงให้เงินจำนวนหนึ่งก็นับว่าได้ชดเชยต่อการปฏิบัติเช่นนี้ตลอดหลายวันแล้ว”
“ไม่เลวนี่ นับว่าเจ้าไม่ได้ทำความผิดพลาดใหญ่หลวง” เจ๋อหลานเอ่ยชม “ดูเหมือนว่าสมองชิงไต้ของเรายังอยู่กับร่องกับรอย”
“ชายชราผู้นั้นไยต้องโกหกด้วย? ผู้จัดการเฉียนคิดจะทำอะไรกันแน่?” มู่ซืออวี่เอ่ย “แล้วคนที่เราส่งไปติดตามผู้จัดการเฉียนเล่า?”
“ข้าเพิ่งถามเขาเมื่อครู่นี้เจ้าค่ะ เขาปล่อยให้อีกฝ่ายคลาดสายตาไปแล้ว” ชิงไต้เอ่ย “ผู้จัดการเฉียนจะต้องมีปัญหาเป็นแน่ มิเช่นนั้นเขาคงไม่ระวังเพียงนี้ ราวกับว่ากำลังทำเรื่องเลวร้ายอย่างไรอย่างนั้น”
ขณะอยู่ที่ศาลาว่าการ มู่ซืออวี่พบว่านายอำเภอเข้ากับชาวบ้านได้ง่ายยิ่ง นึกไม่ถึงว่าจะไม่มีคดีให้เขาไต่สวน
ตามหลักแล้วมู่ซืออวี่ไม่ควรก้าวก่ายเรื่องของทางการ ถึงแม้นางจะเป็นพระชายาของลู่อี้ผู้มีอำนาจ ทว่าก็นับว่าเป็นสตรีเรือนหลัง ไม่ควรเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องในราชสำนัก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้นอกจากนางแล้วก็ไม่มีผู้ใดควบคุมนายอำเภอผู้นั้นได้
“คดีเก่า ๆ มีไม่น้อย ทั้งหมดล้วนได้รับการจัดการเสร็จสิ้น” ชิงไต้เอ่ย “ดูจากบันทึก นับตั้งแต่ครึ่งปีที่แล้วก็ไม่มีคดีเข้ามาอีกเลย ผู้คนที่นี่ในนี้ใจดีเกินไปหน่อยหรือไม่?”
“เกรงว่าคนของพรรคเทพจันทราจะจัดการแทนแล้วกระมัง” มู่ซืออวี่เอ่ย “เจ้าก็ได้ยินสิ่งที่นายอำเภอเจิ้งเอ่ยนี่ นายอำเภอคนก่อนเสียชีวิต เขาคงจะตายด้วยน้ำมือของพรรคเทพจันทรา หลังจากที่นายอำเภอคนใหม่เข้ารับตำแหน่ง เพื่อความอยู่รอด ทุกสิ่งทุกอย่างล้วนเป็นไปตามความต้องการของพรรคเทพจันทราทั้งสิ้น คดีของที่นี่มีพรรคเทพจันทราคอยจัดการ เขาเป็นเพียงนายอำเภอในนามไม่ได้ลงมือทำสิ่งใด เช่นนี้จึงทั้งผ่อนคลายสบายใจ ทั้งไม่ได้ล่วงเกินงูเจ้าถิ่น”
“เช่นนั้น นายอำเภอเจิ้งผู้นี้เชื่อใจได้หรือไม่เจ้าคะ?”
“เขาไม่กล้าล่วงเกินพรรคเทพจันทรา แล้วจะกล้าล่วงเกินสกุลลู่เราหรือ? เขากลัวตาย ไม่ว่าจะตายในเงื้อมมือพรรคเทพจันทรา หรือตายในเงื้อมมือสกุลลู่ก็ล้วนตายเช่นกัน แน่นอนว่าย่อมหาทางประนีประนอม”
องครักษ์ลับผู้หนึ่งกลับมารายงานเรื่องแม่น้ำหมู่ตาน
“แม่น้ำแยกออกไปหลายสาย อีกทั้งยังมีหมอกแปลกประหลาด คงเป็นการหลอกลวงที่พรรคเทพจันทราสร้างขึ้นขอรับ”
“แม่น้ำนำไปที่ใด?”
“ที่นั่นมีเกาะแห่งหนึ่งขอรับ คงจะเป็นสาขาของพรรคเทพจันทรา”
“คนในท้องถิ่นให้ความเคารพต่อพรรคเทพจันทราเป็นพิเศษ ย่อมไม่กล้าไปรุกรานที่เกาะอย่างแน่นอน ที่นั่นมีน้ำล้อมรอบ หากต้องการไปเกาะจริง ๆ ก็ต้องนั่งเรือไป ด้วยเหตุนี้คนบนเกาะเทพจันทราก็จะพบผู้ที่เข้าไปใกล้ได้ทันที”
“ช่างละเอียดรอบคอบเสียจริง”
“ตอนนี้จะทำอย่างไรดีขอรับ?”
“พรรคเทพจันทราไม่ได้ชอบกำจัดอันตรายให้ผู้คนหรือ? หลี่เสี่ยวฝานยังไม่ตาย ย่อมมีคนไปที่เกาะนั้นเพื่อรายงานเรื่องนี้ให้คนในพรรครู้ เจ้าบอกนายอำเภอเจิ้งเถอะว่าโอกาสมาถึงแล้ว บอกให้เขาทำความชอบชดเชยความผิดพลาดในอดีตของตนเอง”
นายอำเภอเจิ้งได้ยินแผนการของมู่ซืออวี่ก็ตกอกตกใจเป็นอย่างมาก
“ฮูหยิน นั่นเป็นพรรคเทพจันทรานะขอรับ! พวกเขามีลูกศิษย์ลูกหามากมาย ข้าไม่อาจใช้กำลังน้อยนิดนี่จัดการกับพวกเขาได้!”
“ข้าให้ท่านใช้คนของข้า” มู่ซืออวี่กล่าว “พวกเขาเป็นหน่วยกล้าตายที่คอยปกป้องท่านอ๋องลู่ หนึ่งต้านร้อยได้ นี่เห็นได้ชัดว่าข้าให้ความสำคัญแก่ท่านเพียงไหน”
“ฮูหยินเป็นผู้ใดกันแน่? หน่วยกล้าตายของท่านอ๋องลู่ท่านก็เรียกใช้ได้ นั่นจะไม่ได้หมายความว่า ท่านเป็นคนที่ท่านอ๋องลู่ให้ความสำคัญที่สุดหรือ?” นายอำเภอเจิ้งตกตะลึงไปทันที
หากเขาสามารถทำให้ท่านอ๋องลู่พอใจ อีกทั้งยังสามารถรักษาชีวิตตนเองไว้ได้ ไม่แน่ว่านี่อาจเป็นโอกาสเดียวที่เขาจะได้เลื่อนตำแหน่งแถมยังได้โชคก้อนใหญ่
“นายอำเภอเจิ้ง ท่านเพียงแค่รู้ก็พอว่า หมู่บ้านสกุลหยางก็ดี พรรคเทพจันทราก็ช่าง เหล่านี้ล้วนเป็นภัยคุกคามร้ายแรงต่อราชสำนัก” มู่ซืออวี่กล่าว “หากท่านไม่ไปเกาะ คงมีเพียงความตายเท่านั้นที่รออยู่ แต่หากท่านไปเกาะ ไม่แน่ว่าอาจสร้างคุณงามความชอบได้”