สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1064 ตามหาลู่จื่ออวิ๋น
บทที่ 1064 ตามหาลู่จื่ออวิ๋น
เจิ้งซูอวี้แต่งหน้าเป็นพิเศษเพื่อให้ตนเองสีหน้าดีขึ้นและดูมีชีวิตชีวา
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่านางจะบรรจงแต่งหน้าเพียงใดก็ยังคงมองออกว่านางดูซีดเซียว
คนที่อยู่ ณ ที่แห่งนี้ล้วนเป็นมนุษย์ มองออกว่านางเหลือเพียงร่างกายที่กลวงเปล่าแล้ว หากดูแลตนเองดี ๆ อาจมีชีวิตอยู่ได้อีกสองสามปี หากไม่ดูแลตนเองให้ดี เกรงว่าจะดับสิ้นไปภายในปีนี้
เจิ้งซูอวี้ยิ้มบาง ๆ “ข้าใช้โชคทั้งหมดไปก็เพื่อให้มีวาสนาได้พบกับพระชายา”
“กิจการสกุลฉินของพวกท่านจะไม่สนใจแล้วจริง ๆ หรือ?”
“เหตุใดจะไม่สนใจเล่า? คนในสกุลได้รับทรัพย์สินครึ่งหนึ่งซึ่งเพียงพอให้พวกเขากินอิ่มนอนอุ่นแล้ว สำหรับเรา เราทำงานหนักมาหลายปี ถึงเวลาพักผ่อนเสียที ทรัพย์สินที่เหลือมีแม่บุญธรรมของซินเอ๋อร์ดูแล ภายหน้าส่งมอบให้พวกเขาก็สิ้นเรื่องแล้ว”
“ท่านวางใจได้เสียเหลือเกิน ไม่กลัว…”
“ฮูหยินหลี่ ท่านคิดว่าพระชายาขาดทรัพย์สินเล็กน้อยนี้ของสกุลฉินเรา หรือว่าท่านอ๋องขาดของเล็กน้อยเหล่านี้หรือ?” เจิ้งซูอวี้มองนางอย่างเย็นชา “ระวังปัญหาจะเกิดเพราะปาก”
หลังจากเรื่องนี้เสร็จสิ้นแล้ว ฉินเหวินหานก็พาภรรยาและลูกจากไป
มู่ซืออวี่รู้ดีว่าฉินเหวินหานกำลังหลบซ่อนจากคนของพรรคเทพจันทรา
เพราะเขาทำให้คนของพรรคเทพจันทราต้องสูญเสียกำลังคนไปกว่าครึ่ง หนี้ก้อนนี้ไม่อาจหลีกเลี่ยง เขาพาภรรยาและลูก ๆ ไปที่เมืองถงหยาง ประการแรก เพราะที่นั่นมีหุบเขาเทพโอสถที่มีการแพทย์ดีที่สุด ประการที่สอง เพราะมีสำนักศึกษาที่ดีที่สุดอยู่ที่นั่น ประการที่สาม ที่นั่นเป็นอาณาเขตของมู่เจิ้งหาน มีมู่เจิ้งหานคอยดูแล นอกจากนี้ยังมีกิจการของพวกเขาอีกด้วย อาศัยเพียงไม่กี่ร้านก็สามารถใช้ชีวิตดี ๆ ได้แล้ว
หลังจากเจิ้งซูอวี้จากไป มู่ซืออวี่ไม่มีความยึดติดอะไรกับเมืองฮู่เป่ยอีกจึงเตรียมตัวเดินทางกลับเมืองหลวง
ก่อนออกเดินทาง นางเป็นตัวแทนของสกุลลู่ไปเยี่ยมสุสานบรรพบุรุษ กลับไปยังบ้านเดิมของตน
ครั้งนี้นางเคลื่อนไพร่พลอย่างเอิกเกริก ชาวบ้านต่างหวาดกลัวนางราวกับเป็นเสือ ไม่กล้าเข้าใกล้
นางฝากเงินจำนวนหนึ่งไว้ที่สกุล บอกให้พวกเขาช่วยดูแลบ้านเดิมของนาง
ขณะที่นางกำลังจะออกเดินทาง หลี่หงซูก็มาส่ง
“ขอให้พระชายาเดินทางอย่างราบรื่นเจ้าค่ะ” หลี่หงซูค้อมคำนับ
มู่ซืออวี่นั่งอยู่บนรถม้า มองหลี่หงซูแล้วกล่าว “ข้ายังจดจำได้ว่า เมื่อเราพบกันคราแรกท่านและข้าล้วนยังเยาว์วัยและงดงาม ดวงตามีประกาย ฮูหยินหยาง ท่านไม่ต้องพึ่งพาผู้ใดก็สามารถมีชีวิตที่มั่นคง ดูแลลูก ๆ ของท่านให้ดีได้”
หลี่หงซูมองรถม้าของมู่ซืออวี่เคลื่อนออกไป แววตาของนางล่องลอย
นางไม่จำเป็นต้องพึ่งผู้ใดหรือ?
นางแทบจำไม่ได้ว่าตอนที่ตนยังเยาว์วัยเป็นอย่างไร
“พระชายา” ลู่เยี่ยยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งเข้ามา “เมื่อครู่มีรายงานมา คงมาจากพรรคเทพจันทรา ข้างในเขียนไว้ว่าคุณหนูใหญ่ของเราตกอยู่ในมือของพวกเขาแล้ว”
มู่ซืออวี่รีบร้อนรับมาอ่านเนื้อหา
“จะเป็นหลุมพรางหรือไม่?” ชิงไต้เอ่ยถาม
“ข้างในเขียนไว้ชัดเจนว่าลอบโจมตีนางเมื่อใด นางตกน้ำไปเมื่อใด อีกทั้งนำนางขึ้นมาจากที่ใด ดูสมจริงยิ่ง ไม่ว่าจะเป็นความจริงหรือไม่ พวกเราก็ไม่อาจเสี่ยง จะต้องค้นหาให้พบ”
“ดูจากเวลาแล้ว เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อครึ่งเดือนก่อน” เจ๋อหลานเอ่ยจากด้านข้าง “จากข้อมูลนี้ พวกเราก็ไม่รู้ว่าควรเริ่มต้นหาคุณหนูใหญ่จากที่ใด”
“เหตุการณ์เรือล่ม เหตุการณ์ที่ลานหรรษา ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นฝีมือของพรรคเทพจันทรา” มู่ซืออวี่กล่าว “หากอีกฝ่ายคิดจะตกปลา พวกเราก็ทำได้เพียงงับเหยื่อ ตามเหยื่อนี้ไปหาคน”
ด้วยข้อมูลนี้ พวกเขาจึงเปลี่ยนเส้นทาง
พวกเขาต้องไปหาลู่จื่อวิ๋น
ขณะเดียวกันก็มีประกาศนี้บนกระดานข่าวของหน่วยงานราชการตามสถานที่ต่าง ๆ กล่าวว่าพรรคเทพจันทราเป็นลัทธิ ผู้ใดที่ปกป้องพรรคเทพจันทราซึ่งเป็นกบฏจะได้รับการปฏิบัติเสมือนเป็นผู้สมรู้ร่วมคิด
“เหตุใดพรรคเทพจันทราจึงกลายเป็นกบฏไปแล้วเล่า? เทพจันทราน่าทึ่งถึงเพียงนั้น เพียงแค่อธิษฐาน คำขอก็จะกลายเป็นจริงอย่างแน่นอน”
“ชู่ว! เจ้าคงไม่อยากตายหรอกนะ?”
“ข้าไม่ได้กล่าวผิด เจ้าหน้าที่สุนัขพวกนั้นไร้ประโยชน์ ยังเป็นเทพจันทราที่มีประโยชน์กว่า เพียงแค่ขอพรก็จะได้รับการช่วยเหลือแล้ว”
“เจ้าโรคเรื้อน เมื่อก่อนเจ้าไม่มีเสื้อกางเกงสวมใส่เสียด้วยซ้ำ เหตุใดตอนนี้ถึงได้แต่งตัวเหมือนมนุษย์มนาขึ้นมาเล่า?”
“ข้าบอกแล้ว พรรคเทพจันทราเป็นคนดี อย่าไปฟังเรื่องไร้สาระของพวกเขา ข้าเข้าร่วมพรรคเทพจันทรา สิ่งใดล้วนมีแล้ว ไม่เพียงมีเงินเท่านั้น ข้ายังได้แต่งกับภรรยาหน้าตาสะสวยอีกด้วย! ฮ่า ๆๆ”
“ทว่าราชสำนัก…”
“ราชสำนักจะไปมีประโยชน์อะไร?”
โลกใบนี้ไม่เคยขาดแคลนคนที่ให้ความสำคัญกับผลประโยชน์มาเป็นอันดับแรก
โดยเฉพาะพวกเกียจคร้านตัวเป็นขน ไม่ทำงานทำการ สมองไม่ชาญฉลาด…
เมื่อพวกเขาไม่มีอะไร ผู้ใดยินดีมอบทุกสิ่งให้ นั่นก็ถือเป็นความจริงในสายตาพวกเขาแล้ว ถึงแม้ว่าคนจำนวนมากจะไม่อาจทนรับความจริงนั้นก็ตาม
ยามนี้มีคลื่นใต้น้ำ พรรคเทพจันทราไม่เพียงไม่ถูกปราบปรามเท่านั้น แต่ยังอาละวาดยิ่งกว่าเดิม
สมาชิกของพวกเขานับวันยิ่งมากขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
มู่ซืออวี่ตามเบาะแสที่ได้จากหน่วยข่าวกรองจึงพบสถานที่ที่ลู่จื่ออวิ๋นหายตัวไป
ตามหลักการ นางควรมาสอบถามข้อมูลกับทางการก่อน
“เกิดอะไรขึ้น? ไยเมืองหนึ่งถึงได้ถูกทิ้งร้างเพียงนี้?”
ลู่เยี่ยไปสอบถามครู่หนึ่ง ไม่ช้าก็กลับมารายงานสถานการณ์
“สามวันก่อน ประตูห้องขังของศาลาว่าการแห่งนี้ถูกเปิดทิ้งไว้ นักโทษทั้งหมดที่อยู่ข้างในจึงหลบหนีออกไป เพื่อจับกุมคนแล้ว ทางการจึงออกไล่ล่านักโทษไปทุกหนทุกแห่ง ขอเพียงมีความสัมพันธ์กับนักโทษ แทบไม่มีผู้ใดรอดพ้นการหาตัวไปได้เลย บัดนี้ราษฎรล้วนไม่พอใจเป็นอย่างมาก เช่นนั้นจึงยอมปิดประตูเสียดีกว่าถูกจวนว่าการตามรังควาน”
“เกี่ยวข้องกับพรรคเทพจันทราอีกแล้วหรือ?” มู่ซืออวี่เดา
ระหว่างทางเจอเหตุการณ์ ‘พรรคเทพจันทรา’ มากเกินไปแล้ว
“ราษฎรไม่กล่าวอะไร เพียงแค่บอกว่าเจ้าหน้าที่ทางการไม่ได้ดูแลอย่างเข้มงวด อย่างไรก็ตาม ห้องขังก็เป็นสถานที่ที่สำคัญ โดยปกติมีหลายประตู จะผ่อนปรนเฉพาะเพียงตอนส่งอาหาร นอกจากนี้ ถึงแม้จะมีประตูหนึ่งบานหรือสองบานไม่ได้ปิดเอาไว้ คงไม่ใช่นักโทษทุกคนจะสามารถหลบหนีไปได้ บางครั้งอาจมีคนจงใจทำเช่นนี้”
“พวกเราไปศาลาว่าการกันเถอะ”
เจ้าหน้าที่ทางการกำลังปวดหัว เมื่อไม่นานมานี้ มีคนสูงศักดิ์ผู้หนึ่งหายตัวไปใกล้ ๆ จึงมีคนหลายกลุ่มมาตรวจสอบ บัดนี้ดีนัก ผู้ที่มาตรวจสอบยังไม่ไป นักโทษประหารก็หลบหนีไปแล้ว
เกรงว่าหมวกขุนนางบนหัวเขาคงรักษาเอาไว้ไม่ได้อีก
“ใต้เท้า ข้างนอกมีคนแอบอ้างว่าเป็นพระชายาลู่ขอรับ”
นายอำเภอขยับหมวกขุนนางบนหัวให้เข้าที่เข้าทาง ถอนหายใจออกมาเบา ๆ แล้วก้าวออกไปข้างนอก
มู่ซืออวี่กำลังคุยกับใครบางคนอยู่ในขณะนี้ และคนผู้นั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคนของสกุลลู่
นางจึงได้รู้ว่าเซี่ยเฉิงจิ่นพาคนกลุ่มหนึ่งมาที่นี่เพื่อตามหาลู่จื่ออวิ๋น
“ท่านเขยของพวกเจ้าตอนนี้อยู่ที่ใด?”
“ท่านเขยออกไปสืบหาเบาะแสข้างนอกทุกวันตั้งแต่เช้า กว่าจะกลับมาก็เย็นย่ำ ด้วยหวังว่าจะพบคุณหนูใหญ่โดยเร็วที่สุดขอรับ”
“เช่นนั้นพวกเจ้ารั้งอยู่ทำอะไรที่นี่?”
“ไม่ใช่ว่านักโทษชั่วร้ายจำนวนมากหลบหนีออกจากศาลาว่าการแห่งนี้หรือขอรับ นักโทษเหล่านั้นหลบหนีออกมาแล้วก็ทำความชั่ว หมู่นี้จึงเกิดคดีขึ้นไม่น้อย ท่านเขยบอกว่านายอำเภอมีคนไม่เพียงพอจับนักโทษเหล่านั้นจึงให้พวกเรารั้งอยู่ช่วยเหลือ ทางท่านเขยนั้นไม่ขาดคน พระชายาวางใจได้ขอรับ”
“พระชายา มีคนส่งจดหมายฉบับนี้มาให้เจ้าค่ะ” เจ๋อหลานเดินเข้ามาพร้อมจดหมายฉบับหนึ่ง “เมื่อครู่มีขอทานน้อยเดินเข้ามา เขาบอกว่ามีคนบอกให้นำมามอบให้ท่าน”