สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1068 ในที่สุดก็ได้ข่าว
“ไม่ผิด ถึงแม้เมืองลี่ซานจะเป็นเขตแดนของอาณาจักรเหลียงแต่กลับอยู่ใกล้เรามาก อย่างไรก็ตาม ที่นั่นมีภัยพิบัติหนักจึงมีผู้อยู่อาศัยไม่มากนัก แม้กระทั่งคนในพื้นที่ก็เริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ นับตั้งแต่อาณาเขตของอาณาจักรเหลียงถูกพวกเราอาณาจักรฮุ่ยยึดครอง ราษฎรกว่าครึ่งของอาณาจักรเหลียงก็ย้ายออกไป ผู้ที่ไม่เต็มใจย้ายส่วนใหญ่เป็นคนหัวโบราณที่ยังคงคิดถึงผู้ครองเดิมของตน”
“เวลาเหมาะสม สถานที่เหมาะสม ผู้คนเหมาะสม ต่อคนของพรรคเทพจันทราแล้วนับว่าเป็นสถานที่ที่ดีต่อการวางแผนจริง ๆ ข้าคิดแล้วคิดอีก คนของพรรคเทพจันทราวางแผนมาเนิ่นนานเพียงนี้ เป็นไปไม่ได้ที่จะต้องการเพียงสร้างลัทธิ ส่วนการวิเคราะห์ของข้าจะถูกต้องหรือไม่นั้น ขอเพียงลู่เยี่ยไปดูก็รู้แล้ว”
“พระชายา ถึงแม้การวิเคราะห์ของท่านจะถูก แต่องค์หญิงก็ไม่แน่ว่าจะอยู่ที่นั่นนะเจ้าคะ” ชิงไต้กล่าว “องค์หญิงหายตัวไป ท่านเขยก็หายตัวไปเช่นกัน จะทำอย่างไรดีเจ้าคะ?”
มู่ซืออวี่มองดูแผนที่ตรงหน้า
ลูกสาวนางฉลาดเพียงนั้น จะต้องทิ้งร่องรอยไว้อย่างแน่นอน
คืนนั้น เกิดเสียงฆ่าฟันกันขึ้นบนหลังคา
มู่ซืออวี่ลุกขึ้นนั่ง ฟังทิศทางของเสียงแล้วหยิบหน้าไม้ที่อยู่ข้างตัวขึ้นมา
“พระชายา จับมือสังหารได้ผู้หนึ่งขอรับ”
“ไต่สวนเถอะ!”
มือสังหารคิดจะกัดลิ้นฆ่าตัวตาย ทว่าผู้คุ้มกันลับกลับหักกรามของเขาก่อน
ไม่รู้ว่าผู้คุ้มกันลับป้อนอะไรให้มือสังหาร จู่ ๆ เขาก็ปวดท้อง ตา และรูจมูกเริ่มมีเลือดไหลออกมา จากนั้นปากก็เริ่มกระอักเลือด หูก็มีเลือดไหลออกมาเช่นกัน มือสังหารส่งเสียงร้องลั่นด้วยความเจ็บปวด
“ข้าสารภาพ…”
มู่ซืออวี่นั่งอยู่บนขอบเตียง ฟังเสียงอึกทึกจากภายนอก
จากคำสารภาพของมือสังหาร ผู้คุ้มกันลับจึงได้ทำลายล้างพรรคเทพจันทราที่หลงเหลืออยู่ ทว่าผู้นำทั้งสองของฝ่ายนั้นพบว่ามีบางอย่างผิดปกติจึงหลบหนีไปนานแล้ว
ประตูเมืองยังอยู่ภายใต้กฎอัยการศึก ตอนนี้เป็นเวลากลางดึก ประตูเมืองปิดแล้ว ดังนั้นจะต้องอยู่ภายในเมืองอย่างแน่นอน
วันรุ่งขึ้น ประตูเมืองยังคงถูกปิดไว้อย่างแน่นหนา ทุกคนจึงได้เพียงเข้าทว่าออกไม่ได้
“พระชายา มีข่าวมาแล้วเจ้าค่ะ” ชิงไต้นำจดหมายฉบับหนึ่งเข้ามา “มีคนพบสร้อยข้อมือของคุณหนูใหญ่”
มู่ซืออวี่อ่านจดหมายจึงรู้เรื่องราวทั้งหมด
ที่แท้ลู่จื่ออวิ๋นถูกจับไปไว้ที่เมืองลี่ซานจริง ๆ และยังถูกขังด้วย
นางถูกขังอยู่ในถ้ำแห่งหนึ่ง ทุกวันมีเพียงทาสใบ้หนึ่งคนคอยส่งอาหารและคอยเฝ้านางทุกวัน
ลู่จื่ออวิ๋นพบว่าทาสใบ้ผู้นั้นถูกคนชั่วจับตัวไป พวกอันธพาลเหล่านั้นทุบตีและดุด่าทาสใบ้ ปฏิบัติต่อทาสใบ้ราวกับไม่ใช่มนุษย์ ดังนั้นจึงใช้เขาเป็นคนส่งข่าวออกมา โดยให้สร้อยข้อมือแลกกับการใช้เขาไปส่งข่าว
“ตอนนี้เป็นอย่างไร?”
“ได้ยินคนของเรารายงานว่า ผู้บัญชาการลู่เยี่ยพาคนของเขาไปยังหุบเขาที่พระชายาชี้จุด พวกเขาพบร่องรอยคนจำนวนมากอาศัยอยู่ที่นั่นจึงปิดประตูตีสุนัข กวาดล้างคนเลวไปเจ้าค่ะ”
“เสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เล่า?”
“ผู้บังคับบัญชาลู่เยี่ยไปหาทาสใบ้ผู้นั้นก่อน แล้วจึงปลอมตัวเป็นทาสใบ้ไปส่งอาหารให้องค์หญิง จากนั้นก็ช่วยคนออกมา เมื่อเขาแน่ใจแล้วว่าองค์หญิงปลอดภัยถึงกล้านำทัพไปกำจัดเศษเดนที่เหลืออยู่เจ้าค่ะ”
“ดียิ่งนัก”
ในที่สุดก็มีข่าวดีแล้ว
มีเพียงทางเซี่ยเฉิงจิ่นเท่านั้นที่จนถึงตอนนี้มู่ซืออวี่ก็ยังหาเขาไม่พบ
“พระชายา…” เจ๋อหลานวิ่งเข้ามาจากข้างนอก “มีข่าวแล้วเจ้าค่ะ”
“ข่าวอะไร?” มู่ซืออวี่ถาม
“ใต้หน้าผานั้นมีแม่น้ำ ริมแม่น้ำมีหมู่บ้านแห่งหนึ่ง คนของเราจึงไปตรวจสอบที่หมู่บ้านนั้น ชาวบ้านบอกว่าพวกเขาได้ช่วยเหลือคนผู้หนึ่งเอาไว้จริง ๆ ทว่าคนผู้นั้นได้รับบาดเจ็บสาหัสและกำลังจะตายจึงถูกท่านหมอที่ผ่านมาพาตัวไปแล้ว จากคำอธิบายของชาวบ้าน คนผู้นั้นน่าจะเป็นท่านเขยเจ้าค่ะ”
สิ่งที่เจ๋อหลานไม่ได้เอ่ยคือ ชาวบ้านบอกว่าใบหน้าของคนผู้นั้นเสียโฉม ดูอัปลักษณ์เป็นอย่างมาก
เกรงว่าแม้จะเป็นท่านเขยจริง ๆ ความเจ็บปวดและความทุกข์ทรมานที่เขาต้องทนคงอยู่นอกเหนือจินตนาการของคนทั่วไป
เรื่องที่เจ๋อหลานไม่เข้าใจคือผู้ใดเป็นท่านหมอผู้นั้น อีกฝ่ายพาท่านเขยไปที่ใด ยามที่ท่านหมอพาตัวท่านเขยไปเขายังหมดสติอยู่ ด้วยอาการบาดเจ็บของเขาในตอนนั้น เขาจะมีชีวิตรอดหรือ?
อย่างไรก็ตาม เจ๋อหลานล้วนไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องเหล่านี้
นางรู้ว่ามู่ซืออวี่ไม่ได้นอนมาหลายวัน เริ่มแรกตามหากากเดนของพรรคเทพจันทรา จากนั้นก็ตามหาลูกสาว ต่อจากนั้นยังต้องตามหาลูกเขย คนทั้งคนอยู่ในสภาพอ่อนล้า ไม่อาจทนต่อสิ่งกระตุ้นใด ๆ ได้อีกต่อไป
เจ๋อหลานไม่ได้เอ่ยออกมา ทว่าในใจรู้สึกผิดอย่างถึงที่สุด นางคิดว่าหากพระชายารู้เรื่องนี้จะต้องตำหนิอย่างแน่นอน ถึงเวลานั้น นางจะยอมรับผิดแต่โดยดีและปล่อยให้พระชายาได้ระบายความโมโห
“แน่ใจหรือว่าเป็นท่านเขย”
“จากความสูงและรูปร่างที่ชาวบ้านอธิบาย น่าจะเป็นท่านเขยเจ้าค่ะ เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บจนหมดสติและถูกท่านหมอผู้หนึ่งพาตัวไปแล้ว” เจ๋อหลานกล่าว “พระชายาเจ้าคะ พวกเราจะส่งคนออกไปค้นหาเพิ่ม จะต้องหาพบเป็นแน่”
มู่ซืออวี่ไม่ได้มองโลกในแง่ดีนัก
ตกจากหน้าผาสูงถึงเพียงนั้น หากไม่ถึงตายก็คงอยู่ไม่ไกลจากความตาย เซี่ยเฉิงจิ่นจะรอดได้จริง ๆ หรือ? หากไม่สามารถหนีจากคำว่า ‘ความตาย’ ได้ในท้ายที่สุด เช่นนั้นชีวิตต่อจากนี้ของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์จะทำอย่างไร?
มู่ซืออวี่สูดหายใจเข้าลึก แล้วเอ่ยว่า “ส่งข้อความถึงลู่เยี่ย พวกเราจะไปรวมตัวกับพวกเขาประเดี๋ยวนี้”
นางต้องยืนยันความปลอดภัยของเสี่ยวอวิ๋นเอ๋อร์เสียก่อน
ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังออกจากศาลาว่าการ นายอำเภอก็คุกเข่าลงส่งนาง
เขาแสดงความเคารพนบนอบ เห็นได้ชัดว่ากังวลและคาดหวังมากเพียงใด
มู่ซืออวี่มองนายอำเภอ “พรรคเทพจันทราเป็นลัทธิ หากมีคนเข้าร่วมกับพรรคเทพจันทรามากขึ้น ข้าจะไม่ยอมปล่อยไปเป็นแน่”
“พระชายาโปรดวางใจ ข้าน้อยจะไม่ผิดต่อความไว้วางใจของท่านอย่างแน่นอน”
มู่ซืออวี่เมินเฉยต่อการเลียแข้งเลียขาของนายอำเภอ จากนั้นจึงขึ้นรถม้าไป
หลังจากขึ้นรถม้ามาได้ไม่นาน รถม้าก็ติดอยู่ในแอ่งโคลน
เมื่อได้ยินเสียงข้างนอก มู่ซืออวี่ก็คว้าหน้าไม้ไว้
เจ๋อหลานและชิงไต้เองก็สัมผัสได้ถึงอันตรายจึงลงจากรถม้าเพื่อเข้าร่วมการต่อสู้
มู่ซืออวี่หลับตาลง
ถูกไล่ล่าสังหารตลอดทางเลยหรือ? ช่างน่าประทับใจจริง ๆ!
เหตุใดนางที่เป็นสตรีอ่อนแอผู้หนึ่งถึงตกเป็นเป้าหมายของคนในพรรคเทพจันทราเหล่านั้นเล่า?
“พระชายา ท่านไม่เป็นไรกระมัง?” มีคนเอ่ยถามจากข้างนอก
มู่ซืออวี่เอ่ยอย่างใจเย็น “ไม่เป็นไร”
“พระชายา คนเหล่านั้นถูกจัดการแล้ว”
มู่ซืออวี่เปิดม่านแล้วมองออกไปข้างนอก
แน่นอนว่ามีคนถูกจับกุมเพิ่มขึ้นอีกหลายคน
ดวงตาของนางจับจ้องไปที่หน้าอกของหนึ่งในหลายคนนั้น
“ฉีกเสื้อผ้าของเขาออก” มู่ซืออวี่ชี้ไปที่หนึ่งในพวกเขา
คนของนางฉีกเสื้อบริเวณหน้าอกของคนผู้นั้นออก
เห็นเพียงรอยสักลายเสือดาวลายหนึ่ง
เสือดาว มู่ซืออวี่จำได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของอาณาจักรเหลียง
อาณาจักรเหลียงถูกทำลายแล้วไม่ใช่หรือ? เหตุใดยังมีคนอาณาจักรเหลียงคิดจะก่อกบฏอยู่?
เพียงแต่ก็ไม่แปลก ตอนผ่านราชวงศ์ชิงมาได้หลายปียังมีคนกระทำการโดยแอบอ้างเรื่องโค่นชิงฟื้นหมิง อาณาจักรเหลียงถูกทำลายไปเมื่อไม่กี่ปีก่อน ย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยงที่จะมีขุนนางต้องการกลับคืนสู่ความรุ่งโรจน์
เพียงแต่ไม่ว่าพวกเขาจะมาจากอาณาจักรเหลียงจริง ๆ หรือเพียงแอบอ้างอาณาจักรเหลียง นั่นก็ต้องตรวจสอบให้รอบคอบแล้ว
“พระชายาจะจัดการกับคนเหล่านี้อย่างไรขอรับ?” ลูกน้องเอ่ยถาม
“ฆ่าเสียเถอะ!” ดวงตาของมู่ซืออวี่ฉายแววเยียบเย็น “พวกเราต้องรีบรุดไป ไม่สะดวกที่จะพาคนที่คิดจะฆ่าเราไปด้วย เช่นนั้นก็ปล่อยให้พวกเขาไปพบพญายมก่อนก็แล้วกัน”