สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1089 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ชนรุ่นหลัง
- Home
- สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派]
- บทที่ 1089 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ชนรุ่นหลัง
บทที่ 1089 ปล่อยให้เป็นหน้าที่ชนรุ่นหลัง
ลู่จื่อชิงส่งจี้ซ่งเฉิงไปแล้ว
ถึงแม้จี้ซ่งเฉิงจะร้องโวยวายให้ลู่จื่อชิงกลับไปเป็นฮองเฮา แต่เขาไม่เคยทำร้ายนางหรือทำลายความสัมพันธ์ของนางกับซ่งหานจือ อีกทั้งตลอดช่วงเวลาที่ผ่านมายังช่วยพวกเขาไว้มาก
นี่เป็นสหายที่พึ่งพาได้ผู้หนึ่ง
เมื่อเห็นเขาเดินจากไป ลู่จื่อชิงที่ร่าเริงอยู่เสมอก็รู้สึกเศร้า
“คุณหนู คุณชายจี้ไปไกลแล้วเจ้าค่ะ” สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้นมา
“วันนี้ไปค่ายทหาร”
สาวใช้ทั้งสองมองหน้ากัน
เกรงว่าวันนี้ทหารจะมีช่วงเวลาที่ยากลำบากแล้ว
ลู่จื่อชิงกลายเป็นแม่ทัพหญิงซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่มีผู้ใดในใต้หล้าคาดคิดมาก่อน แม้ว่านางจะเคยยกทัพไปปราบโจร ทว่านั่นก็เป็นเพียงเรื่องชั่วคราว นึกไม่ถึงว่าตอนนี้จะมีตำแหน่งเป็นขุนนางแล้วจริง ๆ
ไม่กี่วันต่อมา ลู่จื่อชิงก็กลับมาจากค่ายทหาร
มู่ซืออวี่เห็นนาง จึงเอ่ยขึ้น “นี่เป็นเพราะเจ้าคำนวณไว้ว่าเจ้าเด็กสกุลซ่งผู้นั้นน่าจะสอบขุนนางเสร็จแล้ว ดังนั้นจึงกลับมาเร็วหน่อยกระมัง?”
ลู่จื่อชิงได้ยินมู่ซืออวี่กล่าวดังนั้นก็พลันรู้สึกผิดขึ้นมา
นางกอดแขนมารดาแล้วเอ่ยอย่างออดอ้อน “ท่านแม่ ท่านกำลังเอ่ยถึงเรื่องใด? แน่นอนว่าลูกต้องคิดถึงท่านอยู่แล้ว”
“ได้ ถือว่าเจ้าคิดถึงข้า” มู่ซืออวี่เอ่ย “ใต้เท้าซ่งกับฮูหยินซ่งกลับมาเมืองหลวงแล้ว ในเมื่อเจ้าคิดถึงข้า เช่นนั้นเจ้าก็ไม่ต้องไปที่นั่นเพื่อรบกวนการกลับมารวมตัวของครอบครัวพวกเขาหรอก”
ลู่จื่อชิงยกมือเท้าคางตน “พวกเขาไม่ได้กลับมาหลายปีแล้ว ข้าควรไปทักทายสักหน่อยดีหรือไม่?”
“ถึงแม้จะกล่าวว่าพ่อเจ้ากับข้าเห็นด้วยเรื่องการหมั้นหมายของพวกเจ้า แต่การแต่งงานนี้ยังไม่ได้หารือกัน เจ้าจะรีบร้อนไปไย? รอพวกเขาคนสกุลซ่งมาทาบทามสู่ขอ เจ้าค่อยเทียวไปเทียวมาก็ไม่สาย ได้ยินจากพ่อเจ้าว่าใต้เท้าซ่งดูแลปกครองท้องที่ได้ไม่เลว ครานี้จะต้องได้เลื่อนขั้นอย่างแน่นอน”
“ข้าขอไปดูหน่อยได้หรือไม่?”
“ไม่ได้” มู่ซืออวี่เอ่ย “กลับไปอยู่ที่ห้องเจ้าเสีย”
“เจ้าค่ะ” ลู่จื่อชิงมองออกไปนอกประตู จากนั้นก็เดินกลับเรือนไปอย่างเหงาหงอย
เจ๋อหลานยืนยิ้มอยู่ข้าง ๆ “พระชายา ใจของคุณหนูรองอยู่ฟากโน้น หากท่านไม่ปล่อยนางไป เกรงว่านางจะเสียใจแล้วนะเจ้าคะ”
“ข้าจงใจ” มู่ซืออวี่เอ่ย “นี่ขนาดยังไม่ได้แต่งเข้าไป วัน ๆ นางวิ่งไปแต่ฝั่งนู้น อย่างไรก็ยังต้องสงวนท่าทีหน่อยไม่ใช่หรือ?”
“พระชายาจงใจทำให้คุณชายสกุลซ่งร้อนใจกระมังเจ้าคะ?” ชิงไต้เข้าใจทันที “ก่อนแต่งปล่อยให้เขากระวนกระวายสักหน่อย มีเพียงเช่นนี้หลังแต่งเข้าไปแล้ว เขาจึงจะทะนุถนอมคุณหนูรองของเรายิ่งขึ้น”
“นั่นน่ะซีเจ้าค่ะ” เจ๋อหลานคล้อยตาม “บุรุษทุกคนก็เป็นเช่นนี้ ยิ่งได้มาง่ายเพียงใดก็จะไม่รู้จักทะนุถนอม มีเพียงผู้ที่ผ่านความยากลำบากมานานัปการกว่าจะได้แต่งงานจึงจะรู้ว่าควรจะทะนุถนอมบุปผาอย่างไร”
“ทฤษฎีนี้ต้องตั้งอยู่บนสมมติฐานที่ว่า บุรุษผู้นี้เป็นคนดีเป็นคนปกติ หากเขามีสภาพจิตใจผิดปกติ ทฤษฎีนี้ก็ไร้ประโยชน์แล้ว” มู่ซืออวี่กล่าว
หลังจากซือหม่าจี้อิงกลายเป็นมหาราชครูขององค์รัชทายาทก็มีจวนของตนเอง
จวนหลังนั้นอยู่ไม่ไกลจากที่นี่นัก ห่างไปเพียงไม่กี่ถนนเท่านั้น
ซือหม่าจี้อิงมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับลู่ฉาวอวี่ ว่ากันว่าเขาเป็นหนึ่งในหมู่ผู้โดดเด่นที่มีจุดเริ่มต้นสูงส่ง อีกทั้งยังเป็นหนึ่งในผู้ที่ได้รับความสำคัญอย่างยิ่ง
ซือหม่าจี้อิง เจียงหว่านเฉินและคนอื่น ๆ เข้าไปในจวนอ๋องลู่ พบมู่ซืออวี่และสาวใช้สองคนกำลังพูดคุยกันอยู่ในสวน ทุกคนจึงค้อมคำนับอย่างรวดเร็ว
“ใต้เท้าซือหม่า” มู่ซืออวี่รั้งเขาเอาไว้ “ในจวนมีจดหมายถึงท่าน”
ซือหม่าจี้อิงกล่าว “ขอบคุณพระชายา ไม่ทราบว่าจดหมายอยู่ที่ใด?”
“อยู่กับพ่อบ้าน ประเดี๋ยวจะให้เขานำไปส่งให้ท่าน พวกท่านยังมีเรื่องกระมัง ไปจัดการก่อนเถิด”
“ขอรับ”
หลังจากผู้โดดเด่นทั้งหลายออกไปแล้ว พ่อบ้านก็พาสตรีผู้หนึ่งเดินเข้าจวนมา
“แม่นางท่านนั้น… คุ้น ๆ หน้านะเจ้าคะ!” ชิงไต้มองแม่นางเยาว์วัยที่อยู่ด้านหลังพ่อบ้านแล้วเอ่ยขึ้น
“ข้าจำได้แล้ว” เจ๋อหลานเอ่ย “นางคือแม่นางจื่ออิง ผู้ที่รักษาใบหน้าคุณหนูฉี หลังจากหยางเซียงจวินได้รับบาดเจ็บ ศีรษะส่วนนั้นของนางก็มีบาดแผล แม้กระทั่งเส้นผมก็ไม่งอก ได้ยินว่าหลังได้รับการรักษา ผมของนางตอนนี้ยาวขึ้นแล้ว สกุลหยางรู้สึกซาบซึ้งใจต่อแม่นางจื่ออิงเป็นอย่างยิ่งจึงปฏิบัติต่อนางในฐานะแขก นางเปิดร้านยาอยู่ในเมืองหลวง กิจการค่อนข้างดีทีเดียว”
“ในจวนมีผู้ใดป่วยหรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
ในจวนมีหมอประจำจวน บ่าวรับใช้ทั่วไปจะได้รับการรักษาจากหมอประจำจวนยามเจ็บป่วย หากเป็นเจ้านายสักคนป่วยสามารถเชิญหมอหลวงมาได้
แม่นางจื่ออิงเป็นเพียงหมอธรรมดา ๆ ตามหลักแล้วไม่ควรถึงคราวนางมารักษาคนป่วย
“พวกเจ้าไปสืบมาสักหน่อย”
เจ๋อหลานรับหน้าที่ไปสอบถาม ไม่นานนักก็กลับมารายงานสถานการณ์
“พระชายา เป็นฮูหยินน้อยเจ้าค่ะ”
“นางเป็นอะไร?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม “ไม่ได้การ พวกเราไปดูเถิด”
สิงเจียซือนอนอยู่ที่นั่น ให้จื่ออิงจับชีพจรและทำการรักษา
“เป็นอย่างไร?”
จื่ออิงเอ่ยด้วยสีหน้าเย็นชา “ไม่ตาย นับว่าเจ้าโชคดี”
“จื่ออิง เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้สิ!” สิงเจียซือเอ่ย “ข้าเข้าใจนิสัยของเจ้า แต่ผู้อื่นเขาไม่เข้าใจ เจ้าดูสาวใช้ข้างกายข้าสิ นางคิดว่าเจ้ากับข้ามีความแค้นกันแล้ว!”
“ข้ากลับหวังว่าเราจะมีความแค้นต่อกัน” จื่ออิงเอ่ยนิ่ง ๆ “จะได้ไม่โมโหเจ้าจนตาย”
จื่ออิงและสิงเจียซือรู้จักกัน ไม่ใช่เพียงรู้จัก แต่ยังเป็นสหายที่ไม่เลว
อย่างไรก็ตาม จื่ออิงมาที่เมืองหลวงโดยไม่แจ้งให้สิงเจียซือทราบล่วงหน้า กลับกันนางเข้าหาฉีซืออี้ แอบแฝงเข้าไปในจวนฉี ด้วยมีจุดประสงค์เพื่อลอบเข้าไปในห้องฉีเจินและหาหลักฐานกระทำความผิดของเขา
ไม่ผิด!
จื่ออิงจงใจไปที่จวนฉี
ฉีเจินเคยนำทัพไปสังหารคนในเผ่าของนาง นางมาพร้อมกับหนี้เลือด
เพียงแต่ไม่คิดว่า เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องรวบรวมหลักฐานเหล่านั้น ฉีเจินผู้นั้นช่างทะเยอทะยาน เขารนหาที่ตายเอง
จื่ออิงจึงออกจากสกุลฉีไปเปิดร้านในเมืองหลวง
“อาการของข้าแย่มากเลยหรือ?” สิงเจียซือถาม
“อยากกินอะไรหรือมีอะไรให้นึกเสียใจก็ทำตามความต้องการของตนเถอะ!” จื่ออิงเอ่ยเรียบ ๆ “หากเป็นเมื่อครึ่งปีก่อน ข้าคงลองดูสักตั้งได้”
“เจ้ากำลังเอ่ยถึงเรื่องใด?” มู่ซืออวี่ยืนอยู่ที่ประตู นางเอ่ยถามเสียงเข้ม “เกิดอะไรขึ้นกับเจียซือ?”
สิงเจียซือรีบลุกขึ้นนั่ง “ท่านแม่”
จื่ออิงยกมือขึ้นประกบ “พระชายาได้ยินชัดเจนแล้ว จื่ออิงไม่จำเป็นต้องกล่าวซ้ำอีกรอบ”
“เจ้ากล่าวมาให้ชัดเจน”
“ในร่างกายนางมีเศษชิ้นส่วนของอาวุธลับ ของสิ่งนั้นเติบโตไปพร้อมกับเลือดเนื้อของนาง” จื่ออิงกล่าว
“เอาออกมาได้หรือไม่”
“ตำแหน่งนั้นพิเศษมาก หากเอาออกมา อาจส่งผลต่อการให้กำเนิดบุตร”
“ชีวิตสำคัญที่สุด อย่างอื่นล้วนไม่สำคัญเท่าชีวิต” มู่ซืออวี่กล่าว “ข้าไม่ใช่คนอวดรู้ ลูกเป็นโชคชะตา หากไม่มีลูกนั่นคือไม่มีโชคชะตา ไม่จำเป็นต้องบังคับฝืนใจ”
“ก็ใช่ ใต้เท้าลู่คือซื่อจื่อจวนอ๋องลู่ เขาสามารถมีสามภรรยาสี่อนุได้” แววตาจื่ออิงแฝงความดูถูก
“พูดจาเหลวไหลอะไร” เจ๋อหลานกล่าวตำหนิ “พระชายาของเราไม่ได้หมายความเช่นนั้น พระชายาเคยกล่าวไว้ก่อนหน้านี้ว่าบุรุษสกุลลู่จะไม่รับอนุ สตรีสกุลลู่จะไม่แบ่งปันบุรุษกับสตรีอื่น ดังนั้น หากต้องการแต่งภรรยาเข้าสกุลจะต้องคิดให้ถี่ถ้วนรอบคอบ เพราะสกุลลู่มีเพียงตายจากคนรักเท่านั้น ไม่มีการหย่าร้าง ไม่มีการทอดทิ้ง”
จื่ออิงพลันตกตะลึง
“ไม่ว่าจะมีลูกได้หรือไม่ เจ้าคงช่วยเอาของในตัวนางออกมาได้กระมัง?” มู่ซืออวี่ถามยืนยันอีกครั้ง
จื่ออิงพยักหน้า “ได้”
ขอเพียงไม่สนใจเรื่องมีบุตร อยากจะเอาสิ่งนั้นออกมาจะยังไม่ง่ายอีกหรือ?
นึกไม่ถึงว่า คนสกุลลู่จะมีคุณธรรมเพียงนี้