สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1092 ตอนจบ
บทที่ 1092 ตอนจบ
ฮ่องเต้เขียนราชโองการสละราชบัลลังก์ มอบอำนาจให้องค์รัชทายาทอย่างเป็นทางการ ก่อนจะถอยออกไปขึ้นเป็นไท่ซ่างหวง*[1]
ไม่นานหลังจากนั้น ท่านอ๋องลู่และฉีเซียวก็เกษียณจากราชการเช่นกัน ซื่อจื่อลู่อ๋อง ลู่ฉาวอวี่สืบทอดบรรดาศักดิ์ลู่อ๋องกลายเป็นผู้นำขุนนางนับร้อย
แผ่นดินอาณาจักรฮุ่ยต้องการกษัตริย์หนุ่ม ต่อแต่นี้ไปเป็นยุคสมัยที่คนหนุ่มสาวจะได้แสดงความสามารถของพวกเขาแล้ว
การแต่งงานของซ่งหานจือกับลู่จื่อชิงเป็นราชโองการสุดท้ายที่ออกโดยไท่ซ่างหวงก่อนที่เขาจะสละราชบัลลังก์ ทั้งสองหมั้นหมายกันก่อน แล้วค่อยเลือกวันแต่งทีหลัง กำหนดการแต่งงานขึ้นอยู่กับว่าลู่จืออวิ๋นจะกลับเมืองหลวงเมื่อใด
ลู่จื่อชิงหวังว่าเมื่อนางแต่งงาน ทุกคนในสกุลลู่รวมทั้งลู่จื่ออวิ๋นและสามีจะอยู่แสดงความยินดีเพื่อที่นางจะได้ไม่ต้องเสียใจภายหลัง ดังนั้นการแต่งงานจึงไม่เร่งร้อน รอพี่สาวนางกลับมาค่อยกำหนดอีกที
ด้านมู่ซืออวี่ส่งต่อกิจการในมือให้กับสิงเจียซือลูกสะใภ้รับผิดชอบดูแล
สิงเจียซือกังวลเรื่องสภาพร่างกายของตนมาโดยตลอด ทว่าท่าทีของลู่ฉาวอวี่และความไว้วางใจที่มู่ซืออวี่มีต่อนางทำให้ความลังเลครั้งสุดท้ายจางหายไป
นางชอบพอลู่ฉาวอวี่ ลู่ฉาวอวี่ก็ชอบพอนางเช่นนั้น เช่นนั้นไยนางต้องผลักไสความสุขที่ได้มาอย่างยากลำบากออกไปด้วยเล่า?
หลังจากลังเล ในที่สุดสิงเจียซือก็ตัดสินใจได้ สิ่งที่เหลือล้วนเป็นเรื่องง่ายแล้ว
มู่ซืออวี่ทิ้งคนสนิทไว้ให้สิงเจียซือ โดยเฉพาะหลี่กู่หยวนศิษย์รักคนสุดท้ายที่นางรับมา ยามนี้เขาได้กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญของสิงเจียซือในการปรับตัวเข้ากับกิจการเหล่านั้น
รถม้ามุ่งหน้าออกจากเมืองหลวง
หลังจากพ้นประตูเมืองมาแล้ว รถม้าก็หยุดลง
มู่ซืออวี่เปิดม่านออก มองไปทางประตูเมือง
“สามี จากไปครั้งนี้ ท่านจะไร้ตำแหน่งขุนนางจริง ๆ แล้ว พร้อมหรือไม่?”
ลู่อี้โอบแขนรอบบ่านางแล้วกล่าว “ขอเพียงมีเจ้าไปตลอดชีวิตก็พอ”
ใต้หล้านี้ทิ้งไว้ให้คนหนุ่มสาวรังสรรค์ต่อไป
ฉีเซียวควบอยู่บนหลังม้า
ขณะที่ฟ่านหยวนซีและซ่างกวนจิ่นซิ่วอยู่ในรถม้าอีกคัน
“ใต้เท้าฉี คิดดีหรือยังว่าจะไปที่ใด?” มู่ซืออวี่เอ่ยถาม
ฉีเซียวกล่าวยิ้ม ๆ “ข้าอย่างไรก็ได้ พวกท่านไปที่ใดข้าก็ไปที่นั่น”
“พวกเราสามารถไปชมทิวทัศน์ที่งดงามของเจียงหนาน ไปชมทิวทัศน์ในทะเลทราย จากใต้ไปเหนือ จากตะวันตกไปตะวันออก ชีวิตที่เหลือของเรายาวนานถึงเพียงนั้น พวกเราท่องเที่ยวไปด้วยกันเถอะ” มู่ซืออวี่ยิ้มน้อย ๆ
“ดียิ่ง”
ลู่ฉาวอวี่ สิงเจียซือ ลู่จื่อชิง ซ่งหานจือ และพวกหลี่กู่หยวนเฝ้ามองเงาของรถม้าหายไป
ยามนั้นเอง ทุกคนพลันรู้สึกวูบโหวงภายในใจ
นั่นเป็นต้นไม้ใหญ่ที่คอยเป็นร่มเงาบดบังลมฝนมาหลายปี ตอนนี้กลับจากไปแล้ว ภายหน้าพวกเขาต้องเผชิญความผกผันแปรเปลี่ยนขึ้นลงตามลำพัง
“ท่านพี่ ข้าเริ่มคิดถึงท่านพ่อท่านแม่แล้ว” ลู่จื่อชิงเอ่ยด้วยความเศร้าใจ
“พวกเราเติบใหญ่ ไม่อาจพึ่งพาพวกเขาไปตลอด” ลู่ฉาวอวี่กล่าว “ภายหน้าพวกเราต้องก้าวต่อไปเพียงลำพัง”
“ผู้ใดบอกว่าก้าวต่อไปเพียงลำพัง” ซ่งหานจือกล่าว “ข้าจะไปกับชิงเอ๋อร์ ไม่ว่านางอยู่ที่ใด ข้าก็จะอยู่ที่นั่น ข้าจะไม่ทิ้งนางไว้เพียงผู้เดียว”
ลู่ฉาวอวี่เอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “เจ้าทำอย่างนี้กำลังหลอกล่อนางให้อยู่ในกำมือเจ้าหรือ?”
ลู่จื่อชิงและซ่งหานจือจับมือประสานนิ้ว ส่งยิ้มให้กันอย่างหวานชื่น
ลู่ฉาวอวี่กระแอมเบา ๆ “เพียงแค่หมั้นหมาย ยังไม่ได้แต่งงาน พวกเจ้าไม่สนใจผลกระทบเลยหรือไร?”
“ท่านพี่ ที่นี่ลมแรง พวกเรากลับกันเถอะ” สิงเจียซือเอ่ยขึ้นมา
“ได้” ลู่ฉาวอวี่ถอดเสื้อคลุมออกแล้วสวมลงบนตัวนาง “พวกเราไปกันเถอะ”
หลี่กู่หยวนส่ายหน้าน้อย ๆ
คนแซ่ลู่กลุ่มนี้ แต่ละคนยิ่งดูไม่ได้จริง ๆ
ลมพัดหวีดหวิว ใบไม้ปลิดปลิวร่วงหล่นจากยอด ราวกับเป็นม่านประกาศการสิ้นสุดยุคสมัยของคนรุ่นก่อน อย่างไรก็ตาม ดอกไม้ที่ผลิบานใหม่บนต้นกลับส่งกลิ่นหอมสดชื่นออกมา ประกาศว่ายุคสมัยของคนรุ่นใหม่เพิ่งเปิดฉากขึ้น
เมืองแห่งนี้ได้ทิ้งตำนานของคนรุ่นก่อนเอาไว้เบื้องหลัง ภายหน้าก็จะถ่ายทอดเรื่องราวอันงดงามของคนรุ่นใหม่สืบต่อไปเช่นกัน…
[1] ไท่ซ่างหวง เป็นพระราชอิสริยยศของจักรพรรดิจีนที่สละราชสมบัติ