สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1102 ตอนพิเศษ (7/2)
บทที่ 1102 ตอนพิเศษ (7/2)
ชาวบ้านต้องการฆ่าเจ้าแดง แต่เจ้าแดงราวกับรู้ว่าตนกำลังสร้างปัญหาให้กับเจ้านายจึงหนีขึ้นไปบนภูเขาต่อหน้าพวกเขา นึกไม่ถึงว่าวันที่ท่านย่าของหลิวจิ่วจู๋จากไป เมื่อหลิวจิ่วจู๋จัดการงานศพเรียบร้อยแล้ว เจ้าแดงจะกลับมาอยู่ข้างกายหลิวจิ่วจู๋ที่ร้องไห้จนหมดสติไป ทั้งยังช่วยขู่คนในหมู่บ้านที่คิดจะฉวยโอกาสนี้รังแกนางให้กลัวจนหนีเตลิดเปิดเปิงด้วย
ฝางซิ่วหลานถอยหลังไปสองสามก้าว ก่อนจะเอ่ยด้วยใบหน้าขาวซีด “เจ้ารอข้าก่อนเถอะ”
นางไม่อยากสัมผัสความรู้สึกที่ถูกงูพิษกัดอีกครั้ง
หลิวจิ่วจู๋ลูบหัวเจ้าแดง หันไปมองฝางซิ่วหลานแล้วเอ่ยพึมพำ “เจ้าแดง นางมาทำอะไรกันแน่?”
อีกฝ่ายเอ่ยถ้อยคำที่ไม่ทำให้เจ็บปวดสองสามคำ ข่มขู่ให้หวาดกลัว ราวกับว่าทำเช่นนี้แล้วเรื่องที่นางพบเจอมาจะหายไป
นอกจากนี้ เรื่องเกิดขึ้นแล้ว นางควรคิดหาหนทางแก้ไขไม่ใช่หรือ? กล่าวโทษผู้อื่นอย่างสุ่มสี่สุ่มห้า รังแต่จะทำให้กลายเป็นเรื่องตลกขบขันเท่านั้น
ลู่ฉาวจิ่งเดินไปรอบ ๆ ลานบ้าน
เขาเห็นเล้าไก่พังตรงมุมหนึ่ง เมื่อเหลียวมองดูรอบ ๆ ก็พบกล่องเครื่องมือที่ใช้ในบ้าน จึงเริ่มซ่อมแซมเล้าไก่
กล่าวไปแล้วลู่ฉาวจิ่งก็ถูกเลี้ยงมาแบบได้รับการเอาอกเอาใจ ไม่เคยสัมผัสด้านนี้มาก่อน ทว่าบางสิ่งกลับเป็นความสามารถที่ติดตัวมาแต่กำเนิด
“ดูเหมือนข้ายังได้ท่านแม่มาบ้าง” ลู่ฉาวจิ่งมองเล้าไก่ที่ซ่อมแซมแล้ว แม้จะเบี้ยวไปบ้าง แต่สำหรับเขามันกลับเป็นงานศิลปะที่สมบูรณ์แบบ
“พี่ใหญ่ลู่ พี่ใหญ่ลู่…” หยางชิงซือวิ่งเข้ามา “จู๋จือตกหน้าผาแล้ว”
ลู่ฉาวจิ่งขมวดคิ้ว “หน้าผาอยู่ที่ใด?”
“บนเขา!”
“พาข้าไปดู”
“รีบหน่อย” หยางชิงซือเร่งเขา “ไม่ถูก เท้าของท่านยังไม่หายดี โถ่เอ๊ย ลำบากจริง ๆ เลย”
ผ่านไปครู่หนึ่ง ลู่ฉาวจิ่งก็ตามหยางชิงซือไปถึงบนเขาอย่างทุลักทุเล
เวลานี้จงซู่เกินกำลังพาบุรุษในหมู่บ้านหลายคนออกค้นหาอยู่ที่นั่น
“สหายลู่ เมื่อครู่ข้ากำลังตัดไม้ไปทำฟืน ได้ยินเสียงคนกรีดร้องจึงมาดู จากนั้นก็เห็นตะกร้าของจู๋จือ นี่คือรองเท้าของจู๋จือกระมัง?”
ลู่ฉาวจิ่งหยิบไข่มุกขึ้นมาจากพื้น ดูเหมือนไข่มุกเม็ดนั้นจะหลุดออกจากต่างหู นี่ไม่ใช่ของของหลิวจิ่วจู๋ เพียงแต่เหตุใดมีไข่มุกเล็ก ๆ อยู่ที่นี่ได้เล่า?
เขาเก็บไข่มุกไป
“ข้าจะไปดู” ลู่ฉาวจิ่งพูดแล้วกระโดดลงไป
“สหายลู่ ที่นี่สูงมาก…” จงซู่เกินตกใจ คิดจะห้ามลู่ฉาวจิ่งไว้ เพียงแต่เขากระโดดลงไปแล้ว “สหายลู่ดีกับจู๋จือจริง ๆ”
เพื่อหลิวจิ่วจู๋แล้ว แม้กระทั่งชีวิตตนเองก็ทิ้งขว้างได้
จงซู่เกินมองด้วยความชื่นชม
เขารู้สึกละอายใจยิ่งนักที่วันนี้ตอนอยู่ที่อำเภอเกิดความสงสัยในตัวบุรุษผู้นี้
ชาวบ้านต่างตกใจ ทอดถอนใจว่าสมกับเป็นบุรุษจริง ๆ
“นังหนูจิ่วจู๋ช่างมีวาสนาจริง ๆ เจ้าเด็กคนนี้หน้าตาไม่นับว่าดีอะไร แต่ฝีมือดี ทั้งยังจริงใจต่อนาง ไม่น่าเล่าคหบดีจางถึงได้เสียเปรียบพวกเขา”
“เพียงแต่…”
ทุกคนมองหน้าผาที่สูงชันเพียงนั้น สีหน้าพลันเคร่งเครียดขึ้นมา
หากกระโดดลงไปจากที่นี่ ไม่ตายก็ต้องพิการ
“เป็นเช่นนี้ต่อไปไม่ได้การ ท่านปู่สาม ท่านปู่เจ็ด พวกเราต้องลงไปดูนะขอรับ!” จงซู่เกินเอ่ย
“เจ้าซู่เกิน เจ้าเป็นคนที่นี่ รู้ดีว่าหน้าผานี้สูงเพียงใด ตกลงไปเช่นนี้ยังจะรอดหรือ? เจ้าเด็กคนนั้นยิ่งไม่กลัวตาย นึกไม่ถึงว่าจะกระโดดลงไปตรง ๆ เช่นนั้น”
“แต่ว่า…”
หยางชิงซือเขย่าแขนจงซู่เกิน “จะทำอย่างไรดี?”
ถึงแม้ยามปกตินางจะมีความคิดที่ชาญฉลาดมากมาย ทว่าในยามนี้นางกลับทำสิ่งใดไม่ถูก ต้องการคนสักคนมาช่วยตัดสินใจแทน
“พวกเราลงไปดูกันเถอะ…” จงซู่เกินพูดยังไม่ทันขาดคำก็มองไปทางฝั่งตรงข้ามด้วยสีหน้าตกตะลึงพรึงเพริด
ทุกคนมองตามสายตาเขาไป
เห็นเพียงลู่ฉาวจิ่งอุ้มหลิวจิ่วจู๋ปีนขึ้นมาจากหน้าผา
“รีบเข้าไปช่วยสิ!” หยางชิงซือผลักจงซู่เกินออกไป
เท่านั้นเองจงซู่เกินจึงก้าวออกไปรับหลิวจิ่วจู๋จากมือของลู่ฉาวจิ่ง
“นี่เกิดอะไรขึ้น? เจ้าไปพานางขึ้นมาจากข้างล่างหรือ?” ท่านปู่สามมองลู่ฉาวจิ่งด้วยสายตาเหลือเชื่อ
“บนหน้าผามีต้นไม้ต้นหนึ่ง นางห้อยอยู่บนต้นไม้ต้นนั้น ไม่ได้ตกลงไป หากตกลงไปจริง ๆ ข้าจะขึ้นมาเร็วเพียงนี้ได้อย่างไร? อีกอย่าง หน้าผาสูงเพียงนี้หากตกลงไป ตอนนี้เกรงว่านางคงจะหยุดหายใจไปแล้ว”
“นังหนูน้อยคนนี้โชคดีจริง ๆ” ท่านปู่สามกล่าว
“เจ้าจะทำอะไร?” ลู่ฉาวจิ่งคว้าข้อมือของหยางชิงซือไว้
หยางชิงซือพลันเจ็บแปลบ “ปล่อย! ข้าจะดูว่านางเป็นอะไรหรือไม่”
ลู่ฉาวจิ่งถึงได้ปล่อยนาง
หยางชิงซือกดที่จุดเหรินจง*[1] ของหลิวจิ่วจู๋
ลู่ฉาวจิ่งขมวดคิ้ว
หลิวจิ่วจู๋ค่อย ๆ ฟื้นขึ้นมา นางมองทุกคนตรงหน้า “พวกท่านกำลังทำอะไร? ข้าเป็นอะไรไปหรือ?”
“น้องสาวของข้า เจ้ารู้หรือไม่ว่าเมื่อครู่เจ้าเกือบตายแล้ว?” หยางชิงซือจับแขนนางเขย่า “โชคดีที่เจ้าหาสามีได้ดี ครั้งนี้เจ้าจึงรอดตายกลับมาได้อีกครั้ง! หากไม่ใช่เพราะทักษะของเขา คนอย่างพวกเราจะช่วยเจ้าขึ้นมาได้อย่างไร? เจ้าตกหน้าผาแล้วรู้หรือไม่?”
“ข้า…” หลิวจิ่วจู๋หันกลับไปมองลู่ฉาวจิ่ง ใบหน้าเต็มไปด้วยความคับข้องใจ “ข้ากำลังเก็บสมุนไพรอยู่ที่นี่ ไม่รู้ว่าผู้ใดผลักข้า”
“เมื่อครู่ข้าพึ่งเจอไข่มุกเม็ดนี้อยู่ที่นี่” ลู่ฉาวจิ่งหยิบมันออกมา “เจ้าคุ้นตาหรือไม่?”
“นี่คืออะไร?” ท่านปู่สามเอ่ยถาม “ข้าไม่เคยเห็น”
“นี่เป็นจี้ต่างหูของฝางซิ่วหลาน” หยางชิงซือจำได้ทันที “นางซื้อมาเมื่อสองวันก่อน นางใส่มันไปทุกหนทุกแห่งในหมู่บ้าน คนที่เคยเห็นมันก็มีไม่น้อย”
“ไม่ใช่กระมัง? สะใภ้จินเปยจะทำเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร?” ท่านปู่เจ็ดเอ่ย “จักต้องเป็นการเข้าใจผิดเป็นแน่ เอาละ คนไม่เป็นไรก็ดีแล้ว ไป ๆ ลงเขากันเถอะ”
เห็นได้ชัดว่าคนเหล่านี้ไม่ต้องการลุยน้ำโคลน
พวกเขายินดีช่วยเหลือก็เพราะเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน คนในหมู่บ้านเกิดเรื่อง พวกเขาได้ยินจึงยื่นมือมาช่วย นี่เป็นวิถีทางที่หมู่บ้านสกุลหลิ่วปฏิบัติมาช้านาน
“จู๋จือ เมื่อครู่เจ้าเจอฝางซิ่วหลานใช่หรือไม่?” หยางชิงซือเอ่ยถาม
หลิวจิ่วจู๋พยักหน้า “ใช่ ข้าเจอนาง ทั้งยังพูดคุยกันอยู่ครู่หนึ่ง”
“เกรงว่าจะไม่มีคำพูดดี ๆ อะไรกระมัง!”
“นางบอกว่าตอนนี้นางเสื่อมเสียชื่อเสียงเพราะข้า แน่นอนว่าข้าย่อมไม่พอใจจึงกล่าวคำพูดที่ทำให้นางโกรธไปหลายประโยค ไข่มุกเม็ดนี้เป็นของนาง เช่นนั้นนางก็ต้องตามหลังข้ามาตลอด ข้ายุ่งอยู่กับการเก็บสมุนไพร ไม่ได้สนใจจึงเกือบจะถูกนางฆ่าตายแล้ว” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ฝางซิ่วหลานไม่มีทางยอมรับ นางอาจกล่าวว่าเป็นนางที่ไม่ระวังทำของหล่นหายไป ส่วนทำหล่นไปเมื่อใด นางก็จำไม่ได้ ขอเพียงจับจุดอ่อนนางไม่ได้ นางไม่มีทางยอมรับ”
“ซู่เกิน ผู้อาวุโสหลายคนที่ช่วยตามหาคนเมื่อครู่นี้คงไปได้ไม่ไกล” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ท่านตามไปขอความช่วยเหลือจากพวกเขาเถอะ”
“ท่านมีวิธีแล้วใช่หรือไม่?” ตอนนี้หยางชิงซือชื่นชมลู่ฉาวจิ่งขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
“นางเกือบจะฆ่าคน คนเช่นนี้ไม่อาจปล่อยไปง่าย ๆ ตามกฎสกุลของพวกเจ้า จงใจลอบฆ่าคนในสกุลของตนจะได้รับผลอย่างไร?”
“ลบชื่อออกจากลำดับวงศ์สกุล จากนั้นส่งตัวให้ทางการ” หยางชิงซือกล่าว “ท้ายที่สุดแล้วก็เป็นฆาตกร คนในหมู่บ้านผู้ใดจะอยากอยู่ร่วมกับฆาตกรเล่า”
[1] จุดเหรินจง (人中 ) : เป็นช่องที่อยู่บริเวณร่องใต้จมูก ห่างลงมาจากจมูก 1/3 อยู่เหนือริมฝีปาก 2/3 ใช้ในการช่วยชีวิตเร่งด่วน เช่น เวลาหน้ามืด เป็นลม