สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1104 ตอนพิเศษ (8/2)
บทที่ 1104 ตอนพิเศษ (8/2)
“ข้าจะชดใช้เงินให้เจ้า เจ้าต้องการเงินมากน้อยเพียงใด?” ฝางซิ่วหลานร้องห่มร้องไห้อ้อนวอน “ภายหน้าข้าไม่กล้าอีกแล้ว คราวนี้ข้าหน้ามืดตามัวจึงได้ทำเรื่องผิดพลาดใหญ่หลวง”
“ข้าไม่ยกโทษให้” หลิวจิ่วจู๋กล่าวแล้วก็ไปหลบอยู่ข้างหลังลู่ฉาวจิ่ง
“เจ้าต้องการอะไรกันแน่?” ฝางซิ่วหลานทรุดตัวลง เอื้อมมือไปหมายจะคว้าหลิวจิ่วจู๋
ลู่ฉาวจิ่งยกเท้าขึ้น
พลั่ก! ฝางซิ่วหลานกระเด็นออกไป
“หัวหน้าหมู่บ้าน ไม่จำเป็นต้องกล่าวอะไรอีกแล้วกระมัง?” ลู่ฉาวจิ่งมองหัวหน้าหมู่บ้าน “หรือว่าท่านอยากปกป้องนาง?”
หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “แน่นอนว่าไม่ใช่ สะใภ้จินเปย เจ้าทำความผิดเช่นนี้ ข้าไม่อาจพูดคำพูดดี ๆ แทนเจ้าได้แล้ว รอฟ้าสาง ข้าจะส่งคนไปรายงานเรื่องนี้ต่อทางการ นอกจากนี้ ต่อไปเจ้าไม่เกี่ยวข้องอะไรกับหมู่บ้านสกุลหลิ่วอีก หากหลิ่วจินเปยไม่ยินดีทอดทิ้งเจ้า เช่นนั้นครอบครัวเขาก็ต้องออกจากหมู่บ้านสกุลหลิ่วเช่นกัน”
“เลิกรา จะต้องเลิกราแน่นอน” สิ้นคำ อวี๋ซื่อก็เริ่มกังวลขึ้นมา
ลูกชายของนางราวกับถูกวิญญาณชั่วร้ายครอบงำ เขาอุทิศตนให้กับฝางซิ่วหลานผู้นี้หมดทั้งหัวใจ หากฝางซิ่วหลานถูกจับ ลูกชายนางคงไม่ทำอะไรโง่ ๆ กระมัง?
สวรรค์หนอสวรรค์ ฝางซิ่วหลานผู้นี้ถึงขั้นกล้าฆ่าคน นางไม่อาจปล่อยให้ลูกชายของนางเลอะเลือนเช่นนี้อีกต่อไปแล้ว
“พวกเราเชื่อในความยุติธรรมของหัวหน้าหมู่บ้าน” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “หากชาวบ้านคนอื่น ๆ รู้เรื่องนี้ จักต้องชื่นชมในความยุติธรรมและความเข้มงวดของหัวหน้าหมู่บ้านเป็นแน่ หากผู้ร้ายฆ่าคนหลุดรอดไป ย่อมเลี่ยงที่จะถูกคนสงสัยว่าท่านให้ที่พักพิงผู้ร้าย ตามกฎหมายแล้ว การให้ที่พักพิงผู้ร้ายเป็นการกระทำผิดร้ายแรง ท่านจะมีความผิดเช่นเดียวกับผู้ที่กระทำผิด”
“วางใจเถอะ ข้าจะส่งคนมาจับตาดูนาง รุ่งสางพรุ่งนี้จะไปรายงานทางการ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวด้วยท่าทีเคร่งขรึม “อย่างไรก็ตาม ขณะอยู่ต่อหน้าทุกคน วันนี้ได้พบกันที่นี่ เช่นนั้นข้าก็มีบางคำพูดจะถามเจ้า”
“หัวหน้าหมู่บ้านเชิญกล่าว”
“เจ้าเป็นผู้ใดกันแน่?” หัวหน้าหมู่บ้านมองเขาด้วยสีหน้าเคร่งขรึม “เจ้าฝีมือไม่แย่ ดูจากคำพูดและการกระทำของเจ้าแล้ว คงเป็นผู้รู้หนังสือ ถึงแม้ข้าจะเป็นตาเฒ่าอยู่ที่ที่บ้านนอกบ้านนาเช่นนี้ อย่างน้อยก็ยังมีสติปัญญาอยู่บ้าง เจ้าจักต้องไม่ใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน คนที่มีสถานะอย่างคุณชาย เหตุใดจึงมาอยู่ในที่เล็ก ๆ เช่นนี้ของพวกเราเล่า?”
“ข้าถูกศัตรูทำร้าย มาอยู่ที่นี่โดยบังเอิญ กลายเป็นสามีแต่งเข้าของหลิวจิ่วจู๋ การที่ข้ามายังหมู่บ้านสกุลหลิ่วแห่งนี้เป็นเพียงเหตุบังเอิญ ทว่าในเมื่อข้ามาแล้ว เช่นนั้นเรื่องที่ข้าควรเข้ามาเกี่ยวย่อมอยู่ในความรับผิดชอบข้า” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “หัวหน้าหมู่บ้านอย่าได้กังวล นิสัยของผู้แซ่ลู่คือผู้อื่นไม่ล่วงเกินข้า ข้าก็ไม่ล่วงเกินผู้อื่น ขอเพียงชาวบ้านไม่มาหาเรื่อง ข้ากับฮูหยินก็จะสุภาพด้วยเป็นอย่างยิ่ง”
“ดี ในเมื่อเป็นเช่นนี้ พวกเราก็มาเพิ่มตัวตนของเจ้าลงในลำดับวงศ์สกุล” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าว “ที่มา ตัวตน และสถานการณ์ทางบ้านของเจ้า…”
ลู่ฉาวจิ่งเหลือบมองหลิวจิ่วจู๋แวบหนึ่ง
หากเขาปฏิเสธยามนี้ หลิวจิ่วจู๋จะต้องกลายเป็นที่ขบขันของหมู่บ้านอย่างแน่นอน
เขาไม่อาจทดแทนบุญคุณด้วยการเนรคุณได้
ตัวตนและที่มาล้วนปรุงแต่งเล็กน้อยได้ ปลอมแปลงบ้าง จริงบ้างเท็จบ้างย่อมเหมาะสมที่สุด อย่างเช่นว่าเขาสามารถเขียนตัวอักษรได้และมารดาของเขาเป็นผู้ทำการค้าผู้หนึ่ง
ส่วนความจริงที่ว่าบิดาของเขาคืออ๋องลู่ พี่ใหญ่เป็นซื่อจื่ออ๋องลู่ พี่หญิงใหญ่เป็นฮองเฮาอาณาจักรเฟิ่งหลินนั้น ถึงแม้เขาจะกล้าพูด คนในหมู่บ้านก็ไม่กล้าเชื่อ! อย่างไรเสียหน้ากากหนังมนุษย์ก็จะหายไปในครึ่งเดือน ถึงแม้จะหายไป แต่ก็ไม่ได้หายไปทั้งหมดในคราวเดียว เป็นการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลง อย่างน้อยยังต้องใช้เวลาอีกสามถึงสี่เดือนจึงจะกลับคืนสู่รูปโฉมที่แท้จริงของเขาโดยสมบูรณ์
“นี่ก็ดึกแล้ว ทุกคนกลับไปพักผ่อนเถอะ” สิ้นคำ ลู่ฉาวจิ่งก็เอ่ยกับหลิวจิ่วจู๋ “พวกเราก็กลับกันเถอะ!”
“เอาสิ” หลิวจิ่วจู๋คว้ามือของลู่ฉาวจิ่งมาจูง
จู่ ๆ ลู่ฉาวจิ่งพลันสัมผัสได้ถึงฝ่ามือเล็กนุ่ม ๆ ข้างหนึ่งในมือ เขาชะงักไปครู่หนึ่ง
“มีอะไรหรือ?” หลิวจิ่วจู๋มองเขาตาแป๋ว ราวกับว่าการกระทำระหว่างทั้งสองไม่ได้มีอะไรผิดแปลก
อย่างไรเสียตั้งแต่ต้นจนจบหลิวจิ่วจู๋ก็มั่นใจว่าพวกเขาเป็นสามีภรรยากัน ความสัมพันธ์ในฐานะสามีภรรยาของพวกเขาก่อร่างขึ้นแล้ว มีเพียงลู่ฉาวจิ่งเท่านั้นที่คิดว่าหลังจากเขาจากไปแล้วจะหาหลักแหล่งให้หลิวจิ่วจู๋อย่างไร หลิวจิ่วจู๋แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยคิดจะจากเขาไปแม้แต่น้อย
ระหว่างทางกลับ แสงจันทร์สาดส่องลงมา
หลิวจิ่วจู๋ร่างกายโอนเอียง ก่อนจะพิงลงไปบนตัวลู่ฉาวจิ่ง
“ซี้ด….” นางสูดหายใจเบา ๆ
“เป็นอะไรไป?”
“เท้าข้าแพลงแล้ว”
ลู่ฉาวจิ่งนั่งยอง ๆ แล้วเอ่ย “ขึ้นมาสิ ข้าจะแบกเจ้า”
หลิวจิ่วจู๋ดูลังเล “แต่เท้าของเจ้ายังไม่หายดี”
“แรงแบกเจ้ายังพอมี” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เจ้าเบาเพียงนี้ เดิมทีก็ไม่หนักแม้แต่น้อย”
“ก็ได้!” หลิวจิ่วจู๋ขึ้นไปบนตัวเขาแล้วกล่าวข้างหู “หากข้าหนักเกินไป จำไว้ว่าต้องบอกข้า วางลงข้าลงก็พอแล้ว เท้าของเจ้ายังไม่หายดี จะบาดเจ็บอีกไม่ได้”
ลู่ฉาวจิ่งสัมผัสได้เพียงหูของตนคันยุบยิบ ชาหนึบ ทั้งยังรู้สึกเห่อร้อนขึ้นมา
เดิมทีนางไม่ได้หนัก เพียงแต่เมื่อครู่เขากลับรู้สึกไร้เรี่ยวแรง ตอนที่แบกนางขึ้นหลังจึงต้องระมัดระวังอยู่บ้าง
“วันนี้ขอบคุณเจ้าแล้ว” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เจ้าเป็นดาวนำโชคของข้าจริง ๆ นับตั้งแต่ข้าพบเจ้า ทุกปัญหาล้วนไม่เป็นปัญหาอีกต่อไป หากไม่มีเจ้า ข้าคงใช้ชีวิตอยู่ในหมู่บ้านนี้ไม่รอดแล้ว”
“นับแต่โบราณมาโชคชะตาได้ถูกกำหนดไว้แล้ว” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เจ้าช่วยข้าไว้ นับเป็นวาสนา ดังนั้นข้าจึงช่วยเจ้า”
“เจ้าดูไปแล้วอายุไม่มาก เหตุใดพูดจาราวกับเป็นผู้อาวุโสเล่า? คำพูดคำจาเจ้าเหมือนท่านย่าข้าเลย!” หลิวจิ่วจู๋ถูกเขาทำให้ขบขันแล้ว
ในหมู่บ้านเงียบสงบแห่งนี้ เดิมทีมีเพียงเสียงคนสองคนคุยกันกับเสียงฝีเท้า บัดนี้กลับกลายเป็นเสียงหัวเราะดังฟังชัดของหลิวจิ่วจู๋
“วันนี้เจ้าตกลงไป ไม่ได้รับบาดเจ็บจริง ๆ หรือ?”
“ไม่จริง ๆ” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “หากได้รับบาดเจ็บ คงไม่อาจแสดงละครฉากนี้ได้แล้ว เพียงแต่ เจ้าว่าฝางซิ่วหลานจะถูกลงโทษจริง ๆ หรือ?”
“สิ่งที่พวกเราทำได้ตอนนี้มีเพียงรายงานทางการ” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าวถึง คนในหมู่บ้านสกุลหลิ่วจะไม่ทนนางอย่างแน่นอน อย่างน้อยนางคงไม่มาหาเรื่องเจ้าอีก”
“นั่นก็จริง ขอเพียงไม่ต้องเจอนางก็เป็นวาสนาของหูตาข้าแล้ว”
เมื่อกลับบ้าน ลู่ฉาวจิ่งหายาที่นางเคยให้เขาก่อนหน้านี้มาทาขาที่แพลงให้หลิวจิ่วจู๋
หลิวจิ่วจู๋มองดูลู่ฉาวจิ่งแล้วกล่าว “ไม่รู้ด้วยเหตุใด ข้ามักจะคิดว่าเจ้าน่ามองมาก”
รอยยิ้มวูบไหวขึ้นมาในแววตาลู่ฉาวจิ่ง
สาวน้อยโง่งมผู้นี้…
ในสายตานาง ใต้หล้านี้นอกจากคนเลว คงไม่มีผู้ใดหน้าตาอัปลักษณ์แล้วกระมัง
อย่างไรก็ตาม ถึงแม้นางจะจิตใจดี แต่นางก็เป็นคนมีอารมณ์โกรธเช่นกัน ต่อฝางซิ่วหลานแล้ว นางก็ไม่ได้มีใจเมตตาปรานี เห็นได้ว่าแม้นางจะใจดี ทว่าภายในใจก็รู้จักแยกแยะผิดถูก
“วันนี้รีบเข้าพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ข้าจะดูอาการบาดเจ็บที่ขาให้เจ้า หากยังไม่หายบวมก็ต้องเข้าเมืองไปที่ร้านยา” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “แน่นอนว่า พรุ่งนี้ยังมีเรื่องให้ต้องจัดการอีกมาก เรื่องอื่นไม่ต้องกล่าว อย่างน้อยก็ต้องเห็นคนของทางการมานำตัวฝางซิ่วหลานไป”
“ได้ เจ้าก็พักผ่อนเร็วหน่อยเถอะ” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย