สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1113 ตอนพิเศษ (16)
บทที่ 1113 ตอนพิเศษ (16)
พวกเขาไปตามสถานที่ที่ท่านผู้เฒ่าบอกก็เจอกองคาราวาน
“พวกท่านมาช้าไป คนของเราออกเดินทางเมื่อวานนี้ เพียงแต่เดือนหน้าพวกเรามีกองคาราวานอีกขบวนที่จะเดินทางไปยังเมืองซานหลิน เมืองซานหลินอยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวง หากท่านยินดีจ่ายเพิ่ม พวกเราสามารถให้คนไปส่งที่เมืองหลวงได้”
“ขอบคุณ” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “เช่นนั้นรบกวนพวกท่านช่วยส่งจดหมายให้ข้าสักเที่ยวเถิด! นี่เป็นจดหมายถึงทางบ้าน ครอบครัวข้าอยู่เมืองหลวง ข้าเพียงแค่อยากบอกพวกเขาว่าข้าปลอดภัยดี”
“ไม่มีปัญหา” ผู้จัดการกองคาราวานรับไป “ข้ารับรองว่าจะส่งให้ท่าน”
หลังออกมาจากกองคาราวาน จงซู่เกินก็เอ่ยถาม “สหายลู่ ครอบครัวเจ้าอยู่เมืองหลวงจะต้องรวยมากเป็นแน่ เจ้าไม่คิดจะกลับไปหรือ?”
หยางชิงซือจับจ้องจงซู่เกิน
จงซู่เกินพึมพำ “ข้าเพียงแค่สงสัยจึงเอ่ยปากถามไปเรื่อยเท่านั้น”
ไม่ได้มีเจตนาจะไล่เขา
“ข้าย่อมต้องกลับ” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เพียงแต่ไม่รีบร้อน”
จากที่นี่ไปยังเมืองหลวง ค่าใช้จ่ายในการเดินทางจะทำอย่างไร? ตอนนี้เขาไม่มีเงินติดตัว ไม่อาจขอทานเพื่อกลับไปเมืองหลวงได้ ส่วนการไปเบิกเงินที่ร้านสาขาย่อยของมารดานั้น…
นั่นก็ต้องมีป้ายติดตัว!
ในฐานะคุณชายรองสกุลลู่ เขาเป็นผู้ที่ถ่อมตนที่สุดในทั้งสกุล หากมีสิ่งใดที่ยืนยันตัวตนเขาได้โดยไม่ต้องใช้ป้ายก็มีเพียงใบหน้าของเขา
ใบหน้าของเขาคล้ายคลึงกับพี่ใหญ่ถึงห้าส่วน ส่วนความแตกต่างที่เหลือนั้นขึ้นอยู่กับดวงแล้ว อย่างไรก็ตาม เขากำลังสวมหน้ากากหนังมนุษย์จึงต้องใช้เวลาอีกระยะหนึ่งหน้ากากหนังมนุษย์จึงจะหลุดออกหมด
กล่าวคือ ตอนนี้เขาต้องการเงิน ต้องการค่าเดินทางจึงยังไม่มีความสามารถที่จะกลับเมืองหลวง
ขณะเดินผ่านกระดานข่าวสารของศาลาว่าการ ผู้คนมากมายกำลังล้อมรอบอยู่ที่นั่น ผู้ที่รู้หนังสืออ่านเนื้อหาของประกาศจากทางการให้ทุกคนฟัง ชาวบ้านได้ยินแล้วก็สนทนากัน
หยางชิงซือกระโดดขึ้น พยายามแทรกตัวเข้าไปทางนั้น “พวกเขากำลังมุงอะไรอยู่น่ะ?”
จงซู่เกินตัวสูงจึงพอเห็นตัวหนังสือบนนั้น แต่ปัญหาคือเขาไม่รู้หนังสือน่ะซี!
เขาหันไปมองลู่ฉาวจิ่ง “สหายลู่ บนนั้นเขียนไว้ว่าอย่างไรหรือ?”
ก่อนที่ลู่ฉาวจิ่งจะได้เอ่ยปาก บัณฑิตตรงหน้าเขาก็เอ่ยขึ้นคลายข้อสงสัย “ราชสำนักติดประกาศทางการ ว่าต้องการรับสมัครทหาร เบี้ยเลี้ยงเดือนละสามตำลึงเงินแหน่ะ!”
“สามตำลึงเงินหรือ?” หยางชิงซือแปลกใจ “สูงเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ลู่ฉาวจิ่งเอ่ยถาม “ยามนี้ไม่มีสงคราม ราชสำนักไม่จำเป็นต้องใช้กำลังทหารมากเกินไป เหตุใดจู่ ๆ จึงต้องรับสมัครทหาร?”
“สงครามน่ะไม่มี พวกเรากับเพื่อนบ้านอย่างอาณาจักรเฟิ่งหลินแต่งงานเชื่อมสัมพันธ์กันย่อมไม่สู้รบ เพียงแต่ ท่านเป็นคนต่างถิ่นกระมัง?” คนผู้นั้นเอ่ย “หากท่านเป็นคนท้องถิ่นจะรู้ว่าพรมแดนระหว่างสองอาณาจักรมักจะมีโจรขี่ม้าออกมา พวกมันปลอมตัวเก่ง ยามออกปล้นก็แปลงโฉม ฉกชิงทุกสิ่งทุกอย่าง จากนั้นค่อยหาที่ถอดหนังหน้าปลอมออก กลมกลืนไปกับทั้งสองอาณาจักร ไม่มีผู้ใดรู้ตัวตนที่แท้จริงของพวกมัน ราชสำนักรับสมัครทหารคงเพื่อจัดการกับโจรพวกนั้น อย่างไรเสียช่วงเก็บภาษี โจรก็มักจะออกอาละวาด สร้างความสูญเสียอย่างหนักทุกปี”
“คงเป็นเช่นนั้น”
“สามตำลึงเงินเชียวนะ!” หยางชิงซือนับนิ้ว “หนึ่งเดือนได้สามตำลึง สองเดือนได้สิบตำลึง สามเดือน… หนึ่งปีได้สามสิบหกตำลึง!”
“แม่นางน้อย เจ้าอยากไปหรือ? น่าเสียดายที่เจ้าไม่ใช่บุรุษ” คนข้าง ๆ เอ่ยล้อเลียนนาง
หยางชิงซือทำหน้ามุ่ย “ข้าเป็นสตรีแล้วอย่างไร? คุณหนูรองสกุลลู่ยังเป็นแม่ทัพหญิงเลย! หากนางอยู่ที่นี่ แล้วข้าไปสมัคร นางจะต้องรับอย่างแน่นอน”
คนที่อยู่ข้าง ๆ ระเบิดหัวเราะออกมา
“หัวเราะอะไร?” หยางชิงซือพาลโกรธ
หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “พวกเราไปกันเถอะ! อีกประเดี๋ยวต้องกลับบ้านแล้ว”
“ซื้อของกินระหว่างทางก่อน” หยางชิงซือดึงหลิวจิ่วจู๋ออกไปจากฝูงชน
ทั้งสองทิ้งเหตุการณ์นั้นไว้เบื้องหลังอย่างรวดเร็ว
จงซู่เกินหันกลับไปมองทางนั้น
ลู่ฉาวจิ่งสังเกตเห็นท่าทีของเขาจึงเอ่ยถาม “เจ้ามีความคิดอะไร?”
จงซู่เกินยกมือลูบหัวพลางเอ่ยอย่างเขินอาย “เดือนหนึ่งได้เงินสามตำลึง ครอบครัวข้าทั้งครอบครัวทำงานหนักในไร่ในสวนมาทั้งปี หนึ่งปียังเก็บเงินได้ไม่ถึงสองตำลึงเลยด้วยซ้ำ”
“เป็นทหารลำบากมาก”
“ข้าไม่กลัวงานหนัก การทำไร่ทำนาก็เป็นงานหนักเช่นกัน ข้ามักจะเป็นคนแรกในหมู่บ้านที่ออกไปข้างนอกและเป็นคนสุดท้ายที่กลับเข้าบ้าน”
“หากเป็นทหารแล้ว ต้องรอราชสำนักให้วันหยุดเจ้า เจ้าถึงจะได้กลับมา หากราชสำนักไม่อนุญาต เจ้าต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบ ไม่เช่นนั้นหากเจ้าฝ่าฝืนคำสั่งทหาร ครอบครัวของเจ้าจะพลอยลำบากไปด้วย”
จงซู่เกินเริ่มลังเลแล้ว
เขาไม่กลัวงานหนัก แต่หากไม่ได้กลับบ้าน เช่นนั้นก็จะไม่ได้พบชิงซือ
ด้วยนิสัยของชิงซือ หากนางไม่เห็นเขาเป็นเวลานาน ไม่ช้านางก็จะตกหลุมรักผู้อื่น
หลิวจิ่วจู๋ซื้อซาลาเปาหกลูกกับหมั่นโถวสองลูกกลับมา นางแจกซาลาเปาทั้งหกลูกให้กับอีกสามคน ส่วนตนเองเก็บหมั่นโถวสองลูกเอาไว้
ลู่ฉาวจิ่งยัดซาลาเปาใส่มือนางแลกกับหมั่นโถวสองลูกนั้น
“ไปเถอะ” เขาขึ้นไปบนเกวียน “พี่ใหญ่จง ท่านขับไปก่อน อีกประเดี๋ยวข้าจะเปลี่ยนกับท่าน”
“ไม่ต้อง ไม่ต้อง ข้าขับคนเดียวก็พอแล้ว” จงซู่เกินเอ่ยอย่างไม่สบายใจ “เมื่อคืนเจ้าเป็นคนเฝ้ายาม แต่ข้ากลับหลับ เจ้าไม่ได้นอนทั้งคืน ดังนั้นเจ้าพักผ่อนให้สบายเถอะ”
“เหตุใดจึงไม่ได้นอนทั้งคืน?” หยางชิงซือถาม “พวกเจ้าทำอะไรกัน?”
“ไม่… ไม่มี” จงซู่เกินรู้สึกผิดขึ้นมา “สหายลู่บอกว่าออกมาข้างนอกไม่ปลอดภัย ยังคงเฝ้าระวังเผื่อไว้จะดีกว่า เมื่อคืนจึงเฝ้าห้องพวกเจ้าทั้งคืน”
ทั้งหลิวจิ่วจู๋และหยางชิงซือไม่ทราบเรื่องนี้ หากจงซู่เกินไม่เอ่ย พวกนางคงไม่รู้ว่าลู่ฉาวจิ่งจะเอาใจใส่เพียงนี้
หลิวจิ่วจู๋มองลู่ฉาวจิ่งด้วยสายตาแวววาว “ขอบคุณสามี”
“ข้าผูกเชือกไว้นอกประตู ทันทีที่มีการเคลื่อนไหว กระดิ่งที่อยู่ข้างข้าก็จะดังขึ้น เช่นนั้นจะได้รู้ว่าทางเจ้าเกิดเรื่องอะไร พี่จงเข้าใจผิดแล้ว ไม่ใช่ว่าข้าไม่ได้พักผ่อนเสียหน่อย”
“อย่างไรก็ตาม เรื่องที่ท่านเฝ้าดูแลพวกเราก็เป็นเรื่องจริง” หยางชิงซือเหลือบมองจงซู่เกิน “เจ้าก็แสดงออกได้ไม่เลว อย่างน้อยก็รู้ว่าเป็นห่วงพวกเรา ต้องรักษานิสัยนี้ไว้เล่า!”
จงซู่เกินคิดว่าหยางชิงซือจะโกรธ นึกไม่ถึงว่านางไม่เพียงแต่ไม่โกรธเท่านั้น ทว่ายังกล่าวชมเชยตน จู่ ๆ เขาก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าอยากที่จะขับเกวียนมากขึ้น
หยางชิงซือมองดูท่าทางภาคภูมิใจของเขาแล้วหัวเราะออกมา “ไม่ก้าวหน้าเสียเลย”
ไม่กี่ชั่วยาม พวกเขาก็กลับมาถึงหมู่บ้านสกุลหลิ่ว
“ชิงซือเอ๊ย ชิงซือ ในที่สุดเจ้าก็กลับมาแล้ว” ท่านย่าสามเห็นหยางชิงซือก็รีบกวักมืออย่างร้อนใจ “เร็วเข้า พี่ชายเจ้าไม่อยู่ แม่กับพ่อเจ้าจะขายอิงฮวาแล้ว!”
อิงฮวา หลานสาวที่เพิ่งเกิดของหยางชิงซือหรือก็คือลูกที่พี่สะใภ้หยางเพิ่งคลอด
“พวกเขาเป็นบ้าอะไร?!” หยางชิงซือรีบวิ่งกลับไปที่บ้าน
หลิวจิ่วจู๋เอ่ยกับลู่ฉาวจิ่ง “เจ้าขนของเข้าไปเก็บเถอะ ข้าก็จะไปดูหน่อย”
จงซู่เกินก็อยากไปดูเช่นกัน เพียงแต่เกวียนอยู่ที่นี่ ยังไม่มีผู้ใดจัดการ
“เจ้าไปเถอะ ข้าจะผูกไว้ให้” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ข้าฝีเท้าว่องไว ไม่นานก็ตามพวกเจ้าทัน”
“เช่นนั้นก็ได้ ขอบคุณ” จงซู่เกินวิ่งตามไปแล้ว
ลู่ฉาวจิ่งผูกเกวียนไว้ก่อน จากนั้นก็ย้ายของที่พวกเขาซื้อมาเข้าไปเก็บไว้ในบ้าน
หยางชิงซือซื้อพุทราจีน น้ำตาลทรายขาว และแป้งหมี่ขาวมาไม่น้อย นางคิดว่าไข่กับไก่สามารถซื้อหาได้ในหมู่บ้าน เพียงแค่ต้องการซื้อในราคาที่สมเหตุสมผลกว่าในอำเภอ
ทั้งสามทยอยคนรุดไปที่บ้านของหยางชิงซือ
ยามนี้มีชาวบ้านหลายคนเข้ามารุมล้อม
พี่สะใภ้หยางอุ้มลูกน้ำตานองหน้า อ้อนวอนให้ซ่งซื่อกับพ่อสามีอย่าได้ขายลูกตน
“ท่านพ่อ ท่านแม่ หลานสาวก็เป็นลูกหลานสกุลหยางของพวกท่านเช่นกัน เหตุใดต้องขายนางด้วยเล่าเจ้าคะ?” พี่สะใภ้หยางกล่าว
“ครอบครัวพวกเรายากจน เลี้ยงเด็กหลายคนเพียงนั้นไม่ได้” ซ่งซื่อกล่าว “พอดีหลี่หยาผอ*[1] บอกว่ามีครอบครัวหนึ่งต้องการซื้อลูกสาว ครอบครัวนั้นร่ำรวย ขายนางให้ครอบครัวพวกเขา นางจะต้องมีความสุขเป็นแน่”
“เด็กหลายคน? เด็กหลายคนมาจากที่ใด?” หยางชิงซือเบียดฝูงชนเข้าไป “พวกท่านมาทำอะไรที่นี่? ละครบ้านข้าน่าชมมากหรือ? เช่นนั้นพวกท่านก็ควรจ่ายเงินกระมัง? นักเล่าเรื่องในเมืองล้วนต้องจ่ายเงิน ละครบ้านข้าคงไม่ย่ำแย่ไปกว่านักเล่าเรื่อง หากพวกท่านต้องการดูต่อ เช่นนั้นก็เอาเงินมาให้ข้าคนละห้าอีแปะ”
“นังหนูสกุลหยางผู้นี้ดุเสียจริง ไม่รู้ว่าผู้ใดจะทนนางได้!”
“นั่นปะไร เจ้าเด็กสกุลจงผู้นั้นเทียวไปเทียวมาอยู่ทุกวันไม่ใช่หรือ! พี่สะใภ้สกุลจงโกรธจนแทบคลั่งแล้ว ปากบอกว่าลูกชายไร้อนาคตจึงถูกแม่นางผู้หนึ่งล่อลวงจนหน้ามืดตามัว”
“พวกท่านยังอยากมีปากไว้พูดอยู่ใช่หรือไม่?”
หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “พี่ป้าน้าอาทั้งหลาย ข้าแนะนำให้ทุกท่านกลับบ้านก่อนเถิด ไม่เช่นนั้นอีกประเดี๋ยวหากพลั้งมือทำร้ายพวกท่านเข้าคงไม่ค่อยเหมาะสมนัก”
“พอได้แล้ว พวกเราไปเถอะ!”
เมื่อหยางชิงซือกลับมา พี่สะใภ้หยางก็มีที่ให้พึ่งพิงแล้ว
นางเพิ่งคลอดบุตร ร่างกายอ่อนแอ เมื่อครู่เพิ่งแย่งลูกมาจากแม่สามี ตอนนี้ยังน้ำหูน้ำตาไหลไม่หยุด หากสถานการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป วันนี้เกรงว่านางจะตายอยู่ที่นี่แล้ว
“ชิงซือ เรื่องในบ้านยังไม่ถึงคราวเจ้าต้องตัดสินใจ พ่อกับแม่ทำเรื่องเช่นนี้ล้วนทำไปเพื่อครอบครัว เจ้าไม่ต้องสร้างปัญหาแล้ว”
“ท่านคิดจะขายอิงฮวา เหตุใดจึงบอกว่าทำเพื่อครอบครัวเล่า?”
“ตอนนี้บ้านเรามีเพียงเด็กคนนี้ แต่ต่อไปพี่ชายเจ้ากับพี่สะใภ้เจ้าจะต้องมีลูกอีกคนแน่นอน เด็กหญิงผู้หนึ่งเก็บไว้ข้างกายก็ไม่มีประโยชน์อะไร หลี่หยาผอมีทางออกที่ดีให้ เช่นนั้นเพื่อตัวเด็กแล้ว ส่งนางไปเสวยสุขจะดีกว่า รอพี่สะใภ้เจ้าออกเดือน นางก็มีลูกกับพี่ชายเจ้าอีกคนได้ เช่นนี้พวกเราทั้งครอบครัวจะได้มีความสุขกันถ้วนหน้า นั่นไม่ดียิ่งกว่าสิ่งอื่นใดหรือ?”
“ข้าจะไม่มีลูกอีกแล้ว” พี่สะใภ้หยางพลันเปิดปากขึ้น “พวกท่านอยากได้หลานชาย เช่นนั้นก็ให้ลูกชายท่านไปหาผู้อื่นคลอดให้เถอะ ข้าจะพาอิงฮวาออกไปจากที่นี่ ชิงซือ ให้พี่ชายเจ้ากลับมาเขียนหนังสือหย่าให้ข้า เสีย”
“พี่สะใภ้!” หยางชิงซือเข้าไปพยุงพี่สะใภ้หยาง “ท่านไม่ผิด เหตุใดต้องให้พี่ชายข้าหย่าท่านด้วยเล่า ถึงแม้พี่ชายข้าจะโง่แต่ก็ไม่ได้ใจร้ายทิ้งลูกลง จงซู่เกิน เจ้ารีบไปตามพี่ชายข้ากลับมาเถอะ!”
พี่ชายของหยางชิงซือเข้าไปหางานทำในเมืองตั้งแต่เช้า ตอนนี้ยังไม่กลับมา
กล่าวถึงเรื่องนี้แล้ว เมื่อที่บ้านมีปากท้องเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งปากท้อง พี่ใหญ่หยางก็รู้สึกกดดัน เขาอยากจะหาเงินเพิ่ม เพียงแต่นึกไม่ถึงว่าลูกที่เพิ่งคลอดออกมา บิดามารดาเขาจักเต็มใจขายได้ลงคอ
แม้แต่พยัคฆ์ยังไม่กินลูกตน!
จงซู่เกินเอ่ย “ได้ ข้าจะไปตามคนประเดี๋ยวนี้”
“อุแว้…” เด็กน้อยแผดเสียงร้องไห้จ้า
อันที่จริง เมื่อครู่มีคนพยายามชิงตัวนางไปหลายคน นางจึงร้องไห้อย่างหนัก หลังจากร้องไห้อย่างหนักหน่วงก็หลับไป บัดนี้ทารกน้อยเพิ่งตื่นขึ้นมา
[1] หยาผอ (牙婆) : หญิงที่มีอาชีพค้ามนุษย์