สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1114 ตอนพิเศษ (17-1)
บทที่ 1114 ตอนพิเศษ (17/1)
พี่สะใภ้หยางได้ยินเสียงร้องไห้ของลูกก็ยิ่งเจ็บปวดใจ
นางอุ้มลูกไว้ในอ้อมแขนแล้วกล่อมเบา ๆ
หยางชิงซือกลับมาแล้ว ชาวบ้านล้วนอยู่ที่นี่ ซ่งซื่อและหยางฟู่ยังต้องการรักษาหน้าไว้ ทั้งคู่ย่อมไม่บังคับขายหลานสาวที่เพิ่งเกิดของตน
“เอาละ” หยางฟู่เอ่ยกับซ่งซื่อ “หยุดวุ่นวายได้แล้ว ยังขายหน้าคนไม่พอหรือไร?”
“แต่สกุลนั้นร่ำรวย มอบเด็กให้สกุลนั้นเลี้ยงดู ชีวิตย่อมดีกว่าอยู่กับเรามากนัก” ซ่งซื่อยังไม่ยินยอม “ข้าทำเช่นนี้ก็เพราะนึกถึงนางเช่นกัน! เด็กผู้หญิงผู้หนึ่งติดตามเรา นางจะเจริญรุ่งเรืองได้หรือ?”
“พวกท่านไม่ชอบหลานสาว เช่นนั้นข้าก็จะพาลูกจากไป” พี่สะใภ้หยางเอ่ย “ภายหน้าไม่ต้องให้พวกท่านเลี้ยงดูลูกแล้ว เพียงแต่ หลังจากเราจากไปแล้ว เด็กคนนี้จะไม่เกี่ยวข้องกับพวกท่านอีก”
หยางชิงซือไม่ได้กล่าวอะไร
พี่สะใภ้หยางถูกทำร้ายจิตใจ แม้พี่ชายนางจะกลับมาก็คงเกลี้ยกล่อมนางไม่ได้ง่ายดาย
หลังจากที่หยางชิงซือเกิดได้ไม่นาน ท่านย่าของนางก็ไม่ชอบนางเช่นกัน อีกฝ่ายบอกว่านางเป็นของเสียเงิน เลี้ยงไว้ก็ไร้ประโยชน์ คิดจะยกให้ผู้อื่นเลี้ยงดู ยามนั้นมารดาของนางยังรู้จักซ่อนนางไว้ที่บ้านท่านยาย จนกระทั่งนางอายุได้เจ็ดขวบสามารถช่วยทำงานให้ที่บ้านได้ถึงถูกพากลับมา
ตั้งแต่เล็กหยางชิงซือเป็นคนขยัน เพราะนางรู้ว่าหากไม่ขยันท่านย่าก็จะไม่ชอบ จากนั้นก็อาจจะถูกขายไปได้ นางที่เป็นเด็กผู้หญิงทำงานมากกว่าเด็กผู้ชายเสียอีก นี่ไม่ใช่เพื่อประจบพวกเขาหรอกหรือ?
“ท่านแม่ ตอนนั้นท่านย่าคิดจะขายข้า ท่านร้องห่มร้องไห้เพราะเรื่องนี้กี่ครั้งกี่ครา ตอนนี้ท่านกลับคิดจะขายหลานสาวตนเองแล้วหรือ?”
ซ่งซื่อขมวดคิ้ว
หยางฟู่ถอนหายใจเบา ๆ “เอาละ หยุดวุ่นวายได้แล้ว ทุกคนกลับไปเถอะ!”
จงซู่เกินไปตามหาพี่ใหญ่หยางแล้ว
หยางชิงซือเอ่ยกับหลิวจิ่วจู๋ “จู๋จือ เจ้ากลับไปเถอะ เรื่องที่บ้านพวกเรา พวกเราจะจัดการเอง”
“เจ้าอย่าได้โกรธไปเลย มีเรื่องอะไรค่อย ๆ คุยกันเถอะ” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย
ลู่ฉาวจิ่งพาหลิวจิ่วจู๋เดินกลับบ้าน
หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถามเขาขึ้นมา “เจ้าคิดว่าพี่สะใภ้หยางกับพี่ใหญ่หยางจะแยกทางกันหรือไม่? หรือว่าพี่ใหญ่หยางจะหย่ากับพี่สะใภ้หยางจริง ๆ?”
“ไม่” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “ในเมื่อครอบครัวพวกเขาแม้กระทั่งหลานสาวยังไม่ต้องการเลี้ยง เช่นนั้นพวกเขายิ่งไม่มีเงินแต่งภรรยาอีกคนให้กับพี่ใหญ่หยาง อย่างเลวร้ายที่สุดคือใช้ชีวิตเช่นนี้ต่อไป อย่างดีที่สุดคือการแยกบ้าน เพียงแต่ตามขนบธรรมเนียมท้องถิ่นของพวกเจ้า สกุลหยางมีพี่ใหญ่หยางเป็นลูกหลานชายสืบสกุลเพียงคนเดียว คิดจะแยกบ้านย่อมไม่ง่ายดาย ข้าว่าหลายวันต่อจากนี้หมู่บ้านคงไม่สงบสุขเท่าใดนัก”
“จู๋จือ จู๋จือ…” หญิงวัยเดียวกับหลิวจิ่วจู๋สะพายตะกร้าบนหลังเดินผ่านมาแล้วเอ่ย “เจ้าได้ยินเรื่องฝางซิ่วหลานแล้วหรือยัง?”
“มีอะไรหรือ?”
“ฝางซิ่วหลานออกจากคุกแล้ว”
“เพราะเหตุใด?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถาม
“คหบดีจางไถ่ตัวนางออกมา” หญิงผู้นั้นเอ่ยอย่างมีลับลมคมใน “ได้ยินว่า ฝางซิ่วหลานท้องได้หนึ่งเดือนแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋ตกตะลึง “คหบดีจางไถ่นางออกมาเพราะตั้งครรภ์ได้หนึ่งเดือนหรือ?”
“เจ้าลองคำนวณเวลาดูซี” หญิงผู้นั้นขยิบตาให้นาง
เมื่อหันไปเห็นลู่ฉาวจิ่ง แก้มนางก็แดงปลั่ง สะพายตะกร้าเดินจากไป
หลิวจิ่วจู๋เอ่ยขึ้น “ขอเพียงนางไม่มายุ่งกับข้าอีก ข้าก็จะไม่สนใจนาง”
ขุนนางท้องที่เป็นท่านลุงของคหบดีจาง ขอเพียงคหบดีจางกล่าวคำหนึ่ง การจะปล่อยสตรีผู้หนึ่งออกมายังไม่ง่ายดายอีกหรือ?
แน่นอนว่าหลิวจิ่วจู๋ย่อมไม่ยินยอม ทว่าเมื่อมีคำว่า ‘ขุนนาง’ สองพยางค์นี้ นางเองก็ไม่กล้าต่อต้านทางการ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ลู่ฉาวจิ่งกับหลิวจิ่วจู๋ก็จัดเก็บข้าวของที่ซื้อมา
“ขาของเจ้าหายดีแล้ว” หลิวจิ่วจู๋มองการเคลื่อนไหวของลู่ฉาวจิ่ง “ดียิ่งนัก ข้ายังกังวลว่าจะขาดตกบกพร่องอะไรไป บัดนี้ดูเหมือนจะไม่ต้องหนักใจแม้แต่น้อย”
“เจ้ามีตำรับยาดี ๆ เช่นนี้ เหตุใดไม่คิดจะทำขายออกไปเล่า นั่นยังจะหาเงินได้เร็วกว่าการขายตัวยาเสียอีก” ลู่ฉาวจิ่งถาม
“วัตถุดิบทำยาหาได้ยากเกินไป ยาที่ผสมให้เจ้า เป็นวัตถุดิบที่ท่านย่าข้าเตรียมไว้หลายปีแล้ว ตอนนี้หากคิดจะผสมยาแบบเดียวกันออกมา เกรงว่าจะไม่ง่ายดายเพียงนั้น”
ลู่ฉาวจิ่งเพียงแค่เอ่ยปากออกไปเฉย ๆ เท่านั้น นึกไม่ถึงว่าหลิวจิ่วจู๋จะใส่ใจให้เหตุผลและเก็บไปคิด
พอลู่ฉาวจิ่งออกมาหลังจากอาบน้ำก็เห็นหลิวจิ่วจู๋กำลังต้มบางอย่างในหม้อ กลิ่นหอมอ่อน ๆ ฟุ้งอยู่ในอากาศ
“เจ้ากำลังทำอะไร?”
“ข้ากำลังทำยาอม”
“ยาอม?” ลู่ฉาวจิ่งเหลือบมองของเหนียวหนืดที่อยู่ในหม้อ
“ข้าคิดจะต้มสมุนไพรสองสามอย่างเป็นยาอม ช่วยทำให้ปอดโล่ง บรรเทาอาการไอ เช่นนี้การกินยาก็ไม่ยุ่งยากแล้ว เมื่อครู่ท่านทำให้ข้านึกได้ ปรุงยาขายก็เทียบกับขายยาสมุนไพร อีกทั้งยังได้เงินมากกว่า จู่ ๆ ข้าก็นึกถึงตอนที่เข้าเมืองไปเห็นแม่ผู้หนึ่งวิ่งไล่จับลูกให้กินยา เด็กคนนั้นไอจนมีเลือดออกจากคอ ทว่าก็ยังคงไม่ยินดีดื่มยารสขม ข้าเห็นแม่เขาแทบจะร้องไห้อยู่รอมร่อ หากทำยาอมได้สำเร็จ ไม่รู้ว่าจะช่วยขจัดฝันร้ายจากการกินยาของเด็กได้กี่มากน้อย”
“ความคิดไม่เลว”
หลิวจิ่วจู๋เงยหน้าขึ้นส่งยิ้มหวานให้
ขณะที่นางยิ้มลักยิ้มของนางบุ๋มลงไป ดวงตาของแม่นางน้อยเปล่งประกายระยิบระยับ
หยางชิงซือเดินเข้ามาจากด้านนอก “เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ? เหตุใดห้องจึงอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมเช่นนี้?”
“ข้ากำลังทำยาอม”
“คือสิ่งใดหรือ?”
“ไม่สำคัญอะไร” หลิวจิ่วจู๋กำลังศึกษา ด้วยไม่ต้องการให้หยางชิงซือต้องเป็นห่วง นางจึงหลบเลี่ยงเรื่องหนัก ๆ ไปเป็นเรื่องที่เบากว่า ไม่เอ่ยถึงหัวข้อนั้นอีก “พี่สะใภ้เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
“คราวนี้พี่สะใภ้ใจสลายแล้ว” หยางชิงซือเอ่ย “พี่ชายข้ากลับมา เขากำลังเกลี้ยกล่อมนาง เพียงแต่ข้าคิดว่าพี่สะใภ้ต้องการแยกบ้าน ไม่เช่นนั้นก็ต้องหย่าร้าง”
นับตั้งแต่พระชายาลู่ปรากฏตัวขึ้น สถานะของสตรีทั่วหล้าก็ดีกว่าเดิมไม่น้อย ก่อนหน้านี้มีเพียงบุรุษเท่านั้นที่หย่าภรรยา ในระยะเวลาไม่กี่ปีที่ผ่านมาเกิดเหตุการณ์สตรีหย่าสามีขึ้นหลายครั้ง
พี่สะใภ้หยางเป็นสตรีซื่อตรง กับพี่ใหญ่หยางนางพอมีความรู้สึกดี ๆ ต่อกันอยู่บ้าง ยังไม่ถึงขั้นอยากจะตัดขาดหย่าร้างสามีทีเดียว อย่างไรก็ตาม หากยังคงเป็นเช่นนี้ต่อไป การเด็ดบัวไม่ไว้ใยย่อมไม่อาจหลีกเลี่ยง