สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1115 ตอนพิเศษ (17-2)
บทที่ 1115 ตอนพิเศษ (17/2)
“เจ้าคิดอย่างไร?”
“นี่ไม่ใช่ชีวิตของข้า ข้าคิดอย่างไรจึงไม่สำคัญ” หยางชิงซือเอ่ย “คราวนี้ท่านพ่อท่านแม่ทำเกินไป ถึงแม้ข้าจะเป็นลูกสาวแท้ ๆ ก็ไม่อาจเอ่ยอะไรดี ๆ แทนพวกเขาได้ ตามใจพี่สะใภ้ของข้าเถิด! นางคิดจะทำอย่างไรก็ทำอย่างนั้น”
“ของเหล่านั้นที่เจ้าซื้อมา…” หลิวจิ่วจู๋ชี้ไปทางห้องข้าง ๆ “ข้าวางไว้บนโต๊ะ เจ้าจะเอากลับไปตอนนี้หรือว่ายังคงฝากไว้ที่นี่ก่อน?”
“ภายหน้าค่อยว่ากัน ข้าฝากไว้ที่เจ้าก่อน” หยางชิงซือกล่าว “วันนี้เพียงแค่อยากมากินข้าวกับเจ้า ข้าไม่อยากกลับไป บรรยากาศที่บ้านน่ากระอักกระอ่วนเกิน ย่ำแย่จนข้าเจียนจะหายใจไม่ออกแล้ว”
“เด็กเล่า?”
“ตอนที่ข้าออกมาก็หลับไปแล้ว คงไม่มีเรื่องอะไร” หยางชิงซือกล่าว “เจ้าว่าหากข้าแต่งให้จงซู่เกิน ภายหน้าจะน่าสงสารเหมือนพี่สะใภ้หรือไม่? ท่านป้าสกุลจงขัดหูขัดตาข้ามาตลอด หากข้าแต่งไปจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไรกัน?”
หลิวจิ่วจู๋เติบโตมาพร้อมกับหยางชิงซือ จงซู่เกินติดสอยห้อยตามหยางชิงซือมาโดยตลอด เขาเผยความต้องการที่จะแต่งงานกับนางนับตั้งแต่สามปีที่แล้ว
หยางชิงซือบอกว่านางไม่สนใจ ทว่าอันที่จริงนางได้ยอมรับแล้ว ไม่เช่นนั้นยามเกิดเรื่องอะไรคงไม่นึกถึงจงซู่เกินเป็นคนแรก นั่นเพราะนางไม่เห็นเขาเป็นคนนอก แต่นี่เป็นครั้งแรกที่นางเริ่มถอดใจกลางคัน
“เจ้าไม่ใช่พี่สะใภ้” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เพียงแต่ บ้านพี่ซู่เกินมีพี่ใหญ่ผู้หนึ่ง พี่ใหญ่เขากับพี่สะใภ้แต่งงานกันมาหลายปีแล้ว ทั้งยังมีลูกชายด้วยกันถึงสองคน หากเจ้าแต่งไปอยู่ร่วมกับพวกเขาคงไม่ได้สะดวกถึงเพียงนั้น นิสัยของเจ้าพวกเราล้วนรู้ดี แม้เพียงความกล้ำกลืนเล็กน้อยเจ้าก็ไม่มีทางยอมฝืนทน”
หยางชิงซือนั่งอยู่หน้าเตากำลังก่อไฟ
“ไฟแรงเกินไปแล้ว” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยเตือน “ไฟจะต้องเบา ไม่เช่นนั้นมันจะไหม้ได้ง่าย ๆ”
หลิวจิ่วจู๋ทำยาอมแล้วให้หยางชิงซือลองชิมดู
หยางชิงซือรับมาเม็ดหนึ่ง นางขมวดคิ้วพลางกล่าว “รสชาติแปลก ๆ”
“ถึงแม้มันจะหวาน ทว่าส่วนใหญ่ล้วนทำมาจากยาสมุนไพร แน่นอนว่าย่อมไม่อร่อยเท่าลูกอมของจริง อย่างไรก็คงสะดวกกว่าดื่มยาต้มกระมัง?” หลิวจิ่วจู๋มองนางด้วยสีหน้าคาดหวัง “เจ้าเห็นว่าอย่างไร?”
หยางชิงซือพยักหน้าอย่างฝืนใจ “พอใช้ได้”
ลู่ฉาวจิ่งกำลังให้อาหารไก่อยู่ที่ลานบ้านจึงมีเสียงกุ๊ก ๆ ดังมาจากข้างนอก
หลิวจิ่วจู๋เดินถือยาอมจ่อไปที่ปากของลู่ฉาวจิ่ง “เจ้าลองชิมดูสิ ชิงซือมีเรื่องให้กังวล นางตัดสินได้ไม่ดี ข้าจะฟังเจ้า”
ในมือของลู่ฉาวจิ่งมีอาหารไก่ ไม่สะอาดนัก เขาจึงก้มศีรษะลงกินยาอมที่หลิวจิ่วจู๋ป้อนให้
ริมฝีปากของเขาสัมผัสนิ้วของนางขณะก้มไปชิมยาอม
หลิวจิ่วจู๋สัมผัสได้ถึงริมฝีปากอ่อนนุ่มของเขาที่ดูดนิ้วเรียว มันทั้งอุ่นร้อนและชื้นแฉะ ความร้อนพลันพลุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างนาง
นางหน้าแดงเรื่อขึ้นมา ลอบมองเขาแวบหนึ่ง พลางข่มหัวใจที่เต้นระรัวอย่างไม่อาจควบคุมของตนแล้วเอ่ยถาม “เป็นอย่างไร?”
เสียงนั้นทั้งนุ่มนวล อ่อนโยน ผะแผ่วราวกับเสียงร้องของลูกแมว
“กลิ่นยาแรงเกินไป” ลู่ฉาวจิ่งว่า “สำหรับผู้ใหญ่ไม่มีปัญหา แต่หากให้เด็กกินอาจต้องปรับสักหน่อย”
“ตำรับยากำหนดไว้แล้ว ไม่อาจเปลี่ยนส่วนผสมได้ ข้าทำได้เพียงหาทางอื่น” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เพียงแต่ครั้งแรกทำไม่ผิดก็ถือว่าไม่เลวแล้ว เดิมทีก็เป็นเพียงความคิดเล็ก ๆ น้อย ๆ ตอนนี้พอเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง เห็นได้ว่ายังต้องคิดให้มากทำให้มากจึงจะรู้ว่าตนเองทำสำเร็จหรือไม่”
“เจ้าปลอบใจตนเองได้ดีทีเดียว”
เมื่อเห็นท่าทางมองโลกในแง่ดีของนาง ลู่ฉาวจิ่งก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้
เขายังนึกกังวลว่าการพูดตรง ๆ ของตนจะทำให้ความกระตือรือร้นของแม่นางน้อยลดลง บัดนี้ดูท่าคงจะไม่เป็นเช่นนั้นเสมอไป นางเก่งในการปรับอารมณ์ยิ่ง เห็นได้ชัดว่าเรื่องทุกอย่างนางล้วนตั้งรับได้
“เจ้าว่าข้าทำยาสองเม็ด เม็ดหนึ่งเป็นสีเทาเช่นนี้ อีกเม็ดทำเป็นสีต่าง ๆ อย่างสีแดง สีเขียว สีม่วง และสีอื่น ๆ ขอเพียงกินยาเม็ดสีเทาก็จะได้ยาสีอื่นเป็นรางวัลหนึ่งเม็ด เช่นนี้จะทำให้เด็กยอมกินง่ายกว่าเดิมหรือไม่?”
“แน่นอน” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “พวกเขาจะตั้งตารอ ครั้งนี้จะเป็นสีอะไร เป็นรสอะไร พวกเขาจะเริ่มอยากรู้อยากเห็น ยาที่ขมเล็กน้อยก็จะขมน้อยลง”
“เช่นนั้นก็ทำตามนี้” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ข้าจะลองดูอีกครั้ง”
“ช้าก่อน…” ลู่ฉาวจิ่งรั้งนางไว้ “นี่ก็มืดแล้ว เจ้าดูท้องฟ้าสิ…”
หลิวจิ่วจู๋เงยหน้าขึ้นมองฟ้าแล้วกล่าวอย่างขัดเขิน “หิวแล้วใช่หรือไม่?”
“ข้ายังไม่หิว เพียงแต่…” ลู่ฉาวจิ่งมองไปทางประตูห้องครัว “แม่นางหยางตอนนี้คงต้องการเจ้าอยู่เป็นเพื่อน เจ้าไปพูดคุยกับนางเถอะ อย่าได้ให้นางเบื่อ”
หยางชิงซือยืนที่ประตู แววตาน้อยอกน้อยใจยิ่ง “นับตั้งแต่เจ้ามีสามีผู้นี้ สายตาเจ้าก็มีแต่เขา ยังจำได้ว่ามีพี่น้องผู้นี้ที่ใดกัน? ข้ากำลังเศร้าใจ เจ้ากลับไม่คิดจะปลอบใจข้า แต่ก่อนเจ้าไม่เป็นเช่นนี้ จู๋จือ เจ้าเปลี่ยนไปแล้ว ใจเจ้าเปลี่ยนแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋รีบวิ่งเหยาะ ๆ กลับไป มือกอดแขนของหยางชิงซือพาเดินเข้าไปข้างใน “ข้าจะทำซี่โครงหมูเปรี้ยวหวานที่เจ้าชอบให้กิน”
ลู่ฉาวจิ่งจึงให้อาหารไก่ต่อ
ไก่น้อยกระโดดไปมาอยู่ตรงหน้าเขา
ลู่ฉาวจิ่งพลันนึกถึงลู่จื่อชิงขึ้นมา
“พี่หญิงรองกับบุรุษสกุลซ่งผู้นั้นคงยังไม่แต่งงานกระมัง?”