สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1116 ตอนพิเศษ (18)
บทที่ 1116 ตอนพิเศษ (18)
สกุลหยางยื้อยุดกันไปมาอยู่เจ็ดแปดวัน ในที่สุดพวกเขาก็ตัดสินใจแยกบ้านกันโดยมีหัวหน้าหมู่บ้านเป็นพยาน
ซ่งซื่อร้องห่มร้องไห้อยู่นานเพราะไม่ยินดีให้แยกบ้าน ทว่าคราวนี้พี่สะใภ้สกุลหยางตัดสินใจแน่วแน่ หากไม่แยกบ้านก็ต้องหย่าร้าง กล่าวโดยสรุปคือนางจะไม่ยอมให้ซ่งซื่อเข้ามายุ่งเรื่องของลูกสาวนางอีก
พี่ใหญ่หยางแต่ไรมาไม่เคยมีความคิดของตนเอง ก่อนหน้านี้ทุกอย่างล้วนเป็นบิดามารดาของเขาตัดสินใจ คราวนี้ภรรยาของเขาตัดสินใจแน่วแน่แล้ว เขาจึงตกอยู่ในภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก สุดท้าย เมื่อพิจารณาอย่างถี่ถ้วน เขาก็ยังคงตัดสินใจอยู่เคียงข้างภรรยา
“ทุกเดือนต้องให้เงินห้าสิบอีแปะหรือแป้งข้าวโพดยี่สิบจินกับพ่อแม่เจ้า มีปัญหาหรือไม่?” หัวหน้าหมู่บ้านเอ่ยถามพี่ใหญ่สกุลหยาง
“ไม่มีปัญหา”
“สะใภ้หยาง คราวนี้เจ้าได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจแล้ว แม่สามีเจ้าทำไม่ถูกต้องจริง ๆ เจ้าจะตำหนินางก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่พวกเขามีลูกชายเพียงคนเดียว ภายหน้าแก่เฒ่าแล้วยังต้องให้ดูแลบิดามารดา เจ้าในฐานะลูกสะใภ้จักต้องเคารพผู้เฒ่า เข้าใจหรือไม่?”
พี่สะใภ้หยางกล่าว “หัวหน้าหมู่บ้านวางใจ ขอเพียงพวกเขาไม่สร้างปัญหาให้ลูกสาวข้าอีก สิ่งที่ควรกตัญญูย่อมต้องกตัญญู”
“เอาละ เช่นนั้นพวกเรามาแบ่งที่กันเถอะ” หัวหน้าหมู่บ้านกล่าวอีกครั้ง “บ้านพวกเจ้ามีที่ดินทั้งหมดหกหมู่ เจ้าใหญ่หนึ่งครอบครัวมีสามคน พวกเจ้าสามีภรรยาเฒ่าก็มีนังหนูชิงซือ นับว่าสามคนเท่ากัน เช่นนั้นบ้านละสามหมู่ แปลงผักมีเพียงหนึ่งแปลง เช่นนั้นก็แบ่งเป็นสองส่วนคนละครึ่ง ของทุกอย่างที่บ้านแบ่งให้เท่าเทียม ล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน ไม่จำเป็นต้องแบ่งแยกชัดเจนเพียงนั้น มากไปหนึ่งชิ้นน้อยไปหนึ่งชิ้นก็ไม่ต้องคิดเล็กคิดน้อย…”
ผู้คนในหมู่บ้านรวมตัวกันอยู่ข้างนอก ฟังเสียงจากข้างใน
“สะใภ้หยางสร้างความยุ่งยากเกินไปแล้ว นางไม่ไว้หน้าแม่สามีแม้แต่น้อย ในหมู่บ้านเรามีครอบครัวใดแยกบ้านอย่างพวกเขากัน เจ้าดูสกุลจงซี ผู้เฒ่าจงมีลูกชายสองคน ลูกชายคนโตแต่งงานแล้ว หลานชายทั้งสองก็โตปานนั้นยังไม่มีความคิดจะแยกบ้าน เงินที่เจ้ารองสกุลจงได้มา จนถึงตอนนี้ยังมอบให้แม่เขาอยู่เลย!”
“เจ้ารองสกุลจงไม่ได้ชอบพออยู่กับนังหนูชิงซือหรือ? สกุลจงคอยดูแลเงินเจ้ารองอย่างใกล้ชิดเพียงนี้ แต่งสะใภ้ไปแล้วจะเป็นอย่างไร? ชิงซือ นังหนูนั่นแข็งกร้าวยิ่งกว่าแม่นางเสียอีก แม่เฒ่าสกุลจงจะรับมือลูกสะใภ้ที่ร้ายกาจเช่นนี้ไหวหรือ?”
“ข้าได้ยินว่า…” สตรีหลายคนรวมตัวกันกระซิบกระซาบ “อาสะใภ้สกุลจงกำลังมองหาผู้อื่นให้ซู่เกิน!”
“แล้วนังหนูชิงซือจะทำอย่างไร?”
“หนุ่มสาวเล่นกันมานานแล้ว มีเพียงมิตรภาพ ไม่ได้หมั้นหมาย เจ้ารองสกุลจงกำลังจะหารือเรื่องแต่งงาน เกี่ยวอะไรกับหยางชิงซือ? ถึงตอนนั้นหากต้องหาคนแต่งงาน หยางชิงซือก็ต้องมองหาผู้อื่นแล้ว!”
“อ้อ พูดถึงหยางชิงซือแล้วก็ต้องพูดถึงหลิวจิ่วจู๋ หลิวจิ่วจู๋ซื้อสามีผู้หนึ่งกลับมา เมื่อวานยังมองไม่ชัด คิดว่าดูผิดคน พวกเจ้าเห็นหรือไม่? สามีของหลิวจิ่วจู๋ผู้นั้นยิ่งนานวันยิ่งหล่อเหลาขึ้น!”
“เมื่อวานข้าถามจู๋จือแล้ว นางบอกว่าสามีถูกศัตรูทำร้าย ถูกพิษมา หมู่นี้ขับพิษออกแล้ว เขาจึงค่อย ๆ ฟื้นตัว”
“เขายังมีศัตรูด้วยหรือ? ที่แท้เขาเป็นผู้ใดกันแน่? หากเป็นฆาตกร วัน ๆ อยู่แต่ที่นี่ เกรงว่าวันใดวันหนึ่งเขาจะ…”
“เขาดูไม่เหมือนคนไม่ดีเสียหน่อย”
การแบ่งที่ดินของสกุลหยางเสร็จสิ้นแล้ว ชาวบ้านไม่เห็นความครึกครื้นจึงแยกย้ายกลับไปคนแล้วคนเล่า
พี่สะใภ้หยางยังไม่ออกเดือน กล่าวกันตามเหตุผลแล้วนางควรพักผ่อนให้เต็มที่ อย่างไรก็ตาม เพื่อที่จะย้ายออกจากบ้านที่ชวนหายใจไม่ออกแห่งนี้ให้เร็วที่สุด นางจึงฝากลูกไว้กับหยางชิงซือ แล้วสั่งให้หยางชวนเก็บข้าวของย้ายไปยังบ้านว่างในหมู่บ้านด้วยตนเอง
บ้านว่างหลังนั้นแต่เดิมเป็นของชาวบ้านอีกคนหนึ่ง ทว่าชาวบ้านคนนั้นออกจากหมู่บ้านไปนานแล้ว ตามกฎของหมู่บ้าน หากจากไปเป็นเวลายี่สิบปีและไม่มีความตั้งใจที่จะกลับมา บ้านก็จะตกเป็นของหมู่บ้าน
แน่นอนว่า เงื่อนไขที่ว่านี้ใช้ได้กับบ้านธรรมดา ๆ เท่านั้น หากเป็นเรือนหลังใหญ่ที่ผู้อื่นสร้าง ย่อมไม่รวมอยู่ในกฎข้อนี้อย่างแน่นอน
หยางชิงซือมองเด็กน้อยในอ้อมแขน
เด็กน้อยตื่นแล้ว เจ้าตัวเล็กกำลังมองมาที่นางด้วยแววตาบริสุทธิ์ไร้เดียงสา
หยางชิงซือชอบหลานสาวคนนี้เป็นอย่างมาก
“ชอบหรือ?” พี่สะใภ้หยางเอ่ยถาม
หยางชิงซือพยักหน้า “พี่สะใภ้ ท่านอย่าโมโหไปเลย”
“หลังจากย้ายออกไปจากที่นี่แล้ว พวกเราจะมีชีวิตที่ดี หากเจ้าอยากมาหาอิงฮวา พี่สะใภ้ย่อมต้อนรับเจ้าเป็นร้อยเป็นพันครั้ง หลายปีมานี้หากไม่ใช่เจ้า ไม่รู้ว่าข้าจะต้องทนทุกข์มากเพียงใด ชิงซือ ในสายตาข้า เจ้าเป็นน้องสาวแท้ ๆ ไม่ใช่น้องสามี”
“เช่นนั้นข้าจะไปกินข้าวกับท่านยามใดก็ได้หรือ?”
“พูดอะไรกัน? ขอแค่พี่สะใภ้มีกินหนึ่งมื้อก็จะไม่ปล่อยให้เจ้าต้องอดตาย” พี่สะใภ้หยางกล่าว “คำบางคำไม่เหมาะที่จะกล่าว เพราะอาจไม่เป็นมงคล เพียงแต่เจ้าจักต้องเข้าใจเรื่องหนึ่ง คือหากมีเรื่องอะไรให้มาหาพี่สะใภ้”
“เจ้าค่ะ”
หยางชวนกับภรรยาย้ายออกจากบ้าน
ซ่งซื่อมองดูเงาพวกเขาเดินจากไปแล้วบ่นตามหลัง “ข้าจะดูซิว่า พวกเขาไปจากเราแล้วจะมีชีวิตที่ดีได้อย่างไร”
หยางฟู่เอ่ย “ไม่ต้องพูดแล้ว ลูกถูกเจ้าบีบบังคับออกไป คนทั้งหมู่บ้านล้วนเห็นเราเป็นตัวตลก เจ้ายังสร้างปัญหาไม่พอหรือไร?”
“แม้ลูกชายพึ่งไม่ได้ แต่พวกเรายังมีลูกสาวอยู่นะ” ซ่งซื่อเอ่ย “เจ้าเด็กสกุลจงผู้นั้นชอบพอลูกสาวเราไม่ใช่หรือ? อีกประเดี๋ยวข้าจะไปพูดคุยกับสกุลจง ชิงซือของเรารับเพียงเขยแต่งเข้า หากพวกเขายินดีก็ให้ลูกชายแต่งเข้าบ้านเรา การแต่งงานนี้ก็นับเป็นอันตกลงแล้ว”
“พวกเรามีลูกชาย หาเขยแต่งเข้าอะไร?” หยางฟู่ประหลาดใจ “เจ้าสร้างความวุ่นวายให้ลูกชายจนจากไปแล้ว ยังจะสร้างความวุ่นวายให้ลูกสาวหนีไปด้วยหรือ! ยายเฒ่าสกุลจงผู้นั้นพูดด้วยง่ายหรือไร?”
“พวกเขาพูดคุยไม่ง่าย แล้วพวกเราพูดคุยง่ายหรือ? พวกเรามีลูกสาวเพียงคนเดียวนะ”
“พอแล้ว ยายเฒ่า เจ้ายิ่งแก่ยิ่งเลอะเลือนขึ้นเรื่อย ๆ ข้าจะบอกเจ้า สกุลจงยินดีแต่งลูกสาวเราหรือไม่ยังไม่แน่นอน! เจ้าอย่าได้วุ่นวายอีก” หยางฟู่เหนื่อยแล้ว “หากยังวุ่นวายเช่นนี้ต่อไป ลูกสาวก็จะไม่ต้องการเราเช่นกัน จากนั้นพวกเราคงกลายเป็นตัวตลกของคนทั้งหมู่บ้าน”
ซ่งซื่อไม่ยินยอม
บ้านที่เดิมทีมีชีวิตชีวาเหลือเพียงคนแก่สองคนกับลูกสาวอีกหนึ่งคนที่กำลังจะแต่งงาน ช่างเหน็บหนาวเกินไปแล้ว
นางไม่รู้สึกว่าตนเองทำอะไรผิด ตอนนั้นแม่สามีของนางเอาแต่กล่าวอยู่ทุกวันว่าลูกสาวไม่มีประโยชน์ ตอนอายุยังน้อยควรมีลูกชายเพิ่มขึ้นอีกหลาย ๆ คน น่าเสียดายที่ร่างกายของนางไม่ดี หลังจากคลอดหยางชิงซือแล้ว นางตั้งท้องอีกสองสามครั้งแต่ก็แท้ง ท้ายที่สุดเมื่อชิงซืออายุเกือบเจ็ดขวบ ซ่งซื่อถึงได้ยอมแพ้ อีกทั้งยังไม่อยากลำบากอีกต่อไปจึงพาลูกสาวกลับบ้านมาใช้ชีวิตดี ๆ
นับวันซ่งซื่อยิ่งรู้สึกว่าควรหารือกับสกุลจงให้ชัดเจน สกุลจงมีลูกชายสองคน มอบเจ้ารองให้เป็นเขยแต่งเข้าบ้าน ทุกคนล้วนเป็นคนหมู่บ้านเดียวกัน รู้ไส้รู้พุงกันหมด เช่นนี้มีอะไรไม่เหมาะสมกัน?
“เจ้าคนไม่รู้จักอายผู้นี้ทำให้ลูกชายกับลูกสะใภ้โมโหจนหนีไป นี่ยังคิดจะแย่งลูกชายข้าไปอีก หยางชิงซือบ้านเจ้าเป็นเทพธิดาหรือถึงคิดจะให้เจ้ารองบ้านข้าเป็นเขยแต่งเข้า มารดาจะบอกเจ้าให้ว่าไม่แต่ง! เจ้ารองบ้านข้าจะไม่แต่งกับหยางชิงซือ ข้าได้หมั้นหมายให้เขาแล้ว เดือนหน้าเขาก็จะแต่งงาน”
ซ่งซื่อโมโหหัวฟัดหัวเหวี่ยง ตะโกนด่าป้าจง “เจ้าคิดว่าข้าชอบเจ้าเด็กทึ่มบ้านเจ้าหรือไร? หากข้าไม่เห็นเขาตามชิงซือบ้านข้าต้อย ๆ ทั้งวัน ข้าจะให้โอกาสนี้กับเขาหรือ? จะแต่งงานใช่หรือไม่ มีเพียงบ้านเจ้าที่แต่งได้ บ้านข้าแต่ไม่ได้หรือ? มารดาก็จะหาคู่ครองดี ๆ ให้ลูกสาว หาลูกเขยที่ดีและเก่งกว่าจงซู่เกินเป็นสิบ ๆ เท่า!”