สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1132 ตอนพิเศษ (34/1)
บทที่ 1132 ตอนพิเศษ (34/1)
“ลู่เจ๋อ นายกองเซี่ยวตามหาเจ้า”
ลู่ฉาวจิ่งได้ยินเสียงเรียกจากข้างนอกก็วางถ้วยกับตะเกียบในมือลงแล้วเดินออกไป
เมื่อเห็นผู้ที่กำลังร้องเรียก เขาก็ยัดเงินก้อนหนึ่งใส่มืออีกฝ่ายแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่หลี่ หมู่นี้ข้าไม่ได้ทำอะไรผิด ไม่ได้ขี้เกียจ นายกองเรียกหาข้า มีเรื่องอะไรหรือไม่?”
‘พี่หลี่’ มองเขาด้วยรอยยิ้ม แววตาสื่อนัยว่า ‘นับว่าเจ้ารู้ความอยู่บ้าง’
ในฐานะคนสนิทที่ได้รับความไว้วางใจข้างกายนายกองเซี่ยว ผู้ใดไม่ประจบเขาบ้างเล่า?
จู่ ๆ ลู่เจ๋อผู้นี้ก็โผล่มา แถมหมู่นี้ยังได้รับคำชื่นชมจากนายกองเซี่ยวอยู่ตลอด อีกฝ่ายกำลังจะเข้ามาแทนที่ พี่หลี่จึงมักจะยุยงให้ผู้อื่นสร้างความลำบากให้ลู่เจ๋อเสมอ แต่ตอนนี้ลู่เจ๋อรู้ความแล้ว หากเขายังหูตาดีเช่นนี้ต่อไป ภายหน้าตนก็จะไม่ทำให้เขาต้องอับอาย อย่างไรเสียนายกองเซี่ยวยังขาดแคลนคนข้างกาย สิ่งที่ต้องการก็คือคนอย่างลู่เจ๋อ อีกทั้งการปรากฏตัวของคนแซ่ลู่ผู้นี้ยังออมแรงเขาไปได้ไม่น้อย
“เจ้ามีความสามารถเพียงนี้ ไยต้องกังวลว่านายกองเซี่ยวจะสร้างความยุ่งยากให้อีกเล่า ไม่ต้องกังวล ขอเพียงเจ้าแบ่งเบาความกังวลให้นายกองเซี่ยว เขาย่อมไม่ปฏิบัติต่อเจ้าย่ำแย่ ไม่แน่ว่าภายหน้า ข้ายังต้องพึ่งพานายร้อยลู่เพื่อเลื่อนตำแหน่งกระมัง!”
“พี่หลี่ชอบล้อเล่นเสียจริง ผู้ใดไม่รู้บ้างว่าท่านเป็นคนที่นายกองพึ่งพาได้มากที่สุด สนิทสนมดั่งพี่น้อง แตกต่างจากพวกเราที่เป็นผู้ใต้บังคับบัญชา ภายหน้ายังต้องรบกวนพี่หลี่คอยดูแลและช่วยพูดเรื่องดี ๆ แทนข้ามากกว่า”
‘พี่หลี่’ พึงพอใจยิ่ง เขามองลู่ฉาวจิ่งด้วยสายตาอบอุ่นยิ่งกว่าเดิม
ลู่ฉาวจิ่งเดินตามเขาไปพบนายกองเซี่ยว
นายกองเซี่ยวมองมาแล้วเอ่ย “ได้ยินมาว่าเจ้ามีภรรยาแสนสวยที่บ้านผู้หนึ่ง คิดถึงนางหรือไม่?”
แววตาลู่ฉาวจิ่งฉายความโหดร้ายขึ้นมาแวบหนึ่ง
จิ้งจอกเฒ่าผู้นี้กำลังบอกว่าทุกอย่างของเจ้าอยู่ภายใต้การจับตามองของข้า อย่าเล่นตุกติก มิเช่นนั้นครอบครัวของเจ้าจะต้องรับผลที่ตามมา
“อย่าได้กล่าวเช่นนั้น พวกเราเป็นคู่รักข้าวใหม่ปลามัน เดิมทีก็แทบตัดใจแยกจากกันไม่ได้” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “หากไม่ใช่เพราะครอบครัวยากจนแทบจะไม่มีข้าวสารกรอกหม้อ ข้าในฐานะบุรุษที่อยากจะหาเงินเลี้ยงนางก็คงไม่ออกมาหางานทำ”
“ตอนนี้มีโอกาสให้เจ้าสร้างผลงานแล้ว เพียงแต่เป็นงานหนัก อีกทั้งยังเสี่ยงเล็กน้อย เจ้าเต็มใจหรือไม่?”
“นายกอง ในเมื่อท่านให้ความสำคัญกับข้า ยินดีส่งเสริมข้า ข้าย่อมฟังความท่านทุกเรื่อง” ลู่ฉาวจิ่งมองเขา “ท่านให้ข้าไปทิศตะวันออก ข้าก็จะไม่ไปทางทิศตะวันตกอย่างแน่นอน”
“ดี ข้าจะมอบโอกาสนี้ให้เจ้า ดูสิว่าเจ้าจะคว้ามันไว้ได้หรือไม่” นายกองเซี่ยวกล่าว “ที่นี่มีของหลายอย่าง เจ้าต้องพาคนไปส่งยังที่แห่งหนึ่ง…”
นายกองเซี่ยวชี้ไปยังแผนที่บนผนัง มีสถานที่แห่งหนึ่งในแผนที่ที่ถูกวงกลมสีแดงเอาไว้
ลู่ฉาวจิ่งดูแผนที่แล้วก็จำสถานที่นั้นได้ทันที
หากจำไม่ผิด ที่นั่นเป็นพื้นที่แถบทะเล
ปัจจุบันน่านน้ำอาณาจักรฮุ่ยพัฒนาไปได้ด้วยดี มีเรือสินค้าของต่างอาณาจักรจำนวนมากมาที่นี่เพื่อทำการค้า ทั้งกับราชสำนักและราษฎรทั่วไป
ไม่ต้องเอ่ยถึงสิ่งที่กำลังจะส่งมอบ เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ เขาคงต้องส่งของบางอย่างขึ้นเรือสินค้า
“เจ้ารู้หรือไม่ว่าที่นี่คือที่ใด?” นายกองเซี่ยวเอ่ยถาม
ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “ดูจากเครื่องหมายในแผนที่ ควรเป็นบริเวณทะเลขอรับ”
“ไม่ผิด” นายกองเซี่ยวกล่าว “เจ้าเพียงแค่ส่งของไปที่นั่น จากนั้นจะมีคนดูแลเอง เรื่องอื่นไม่ต้องให้เจ้ากังวล”
“ทราบแล้วขอรับ” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เดินทางไปกลับเที่ยวนี้ เกรงว่าจะไม่ได้กลับมาภายในเดือนครึ่ง ข้ากลับบ้านไปดูเมียได้หรือไม่? ”
“แน่นอนว่าได้” นายกองเซี่ยวกล่าวยิ้ม ๆ “เจ้ามาที่นี่เพื่อทำงานให้ข้า ไม่ได้มาเพื่อติดคุก ข้าจะไม่ให้เจ้ากลับไปหาภรรยาได้อย่างไร? เจ้ากลับไปได้ เพียงแต่มีวันหยุดแค่สามวัน สามวันให้หลังเจ้าจะต้องกลับมาจัดการธุระ”
“ขอบคุณนายกอง!”
“ในเมื่อเจ้าจะกลับไปก็นำเบี้ยเลี้ยงกลับไปด้วย ข้าแจ้งหลี่หลินซงแล้ว เจ้าเพียงแค่ไปหาเขาแล้วถอนมันออกไปก็พอ”
หลังจากออกมาจากกระโจมนายกองเซี่ยว ลู่ฉาวจิ่งก็ไปหาหลี่หลินซงหรือก็คือ ‘พี่หลี่’ มือขวาของนายกองเซี่ยว ตามคำสั่ง
หลี่หลินซงหยิบหนังสือบัญชีออกมา คำนวนเบี้ยเลี้ยงให้ตามวันที่บันทึกไว้ในหนังสือ
“พี่หลี่ รบกวนแล้ว” ลู่ฉาวจิ่งยัดก้อนเงินอีกสองก้อนใส่มือหลี่หลินซง
หลี่หลินซ่งผลักมันออกแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เจ้ากับภรรยาเจ้าลำบาก ข้าจะเอาเปรียบได้อย่างไร? เก็บไว้ให้ดีเถิด นำมันกลับไปให้ภรรยาของเจ้า ถึงตอนนั้นนางจะได้ยินยอมให้เจ้าเดินทางไกล”
ลู่ฉาวจิ่งเดินผละออกมาจากหลี่หลินซ่ง
คนที่รักการเอารัดเอาเปรียบอยู่เสมอกลับไม่ยอมเอาเปรียบ ไม่ยอมรับผลประโยชน์ที่มาถึงหน้าประตู แปลว่าเขามีแผนการที่ใหญ่กว่านั้น
ครั้งนี้ลู่ฉาวจิ่งต้องเดินทางไกล ภารกิจที่ต้องทำในครั้งนี้นับว่าเป็น ‘ภารกิจ’ แรกที่นายกองเซี่ยวมอบให้ ดังนั้น การทำผลงานครั้งนี้จึงสำคัญสำหรับเขามาก
นี่คือการทดสอบ…
เกรงว่าสิ่งล่อใจนี้จะเริ่มขึ้นเมื่อเขาถูกปล่อยกลับชนบท
เดิมทีเขาคิดจะใช้โอกาสนี้ค้นหาว่าอีกฝ่ายติดต่อกับผู้ใดบ้าง ทว่าท้ายที่สุดลู่ฉาวจิ่งก็ล้มเลิกความคิดไป
ระหว่างการเดินทางครั้งนี้ เขาไม่อาจทำอะไรที่ไม่จำเป็นได้ นายกองเซี่ยวเพียงแค่ขอให้เขาส่งของไปที่นัน เขาก็จะไปส่ง อย่าได้ดึงดูดความสนใจของพวกเขาจะดีกว่าจะได้ไม่แหวกหญ้าให้งูตื่น
หมู่บ้านสกุลหลิ่ว
คนในหมู่บ้านรีบวิ่งไปที่บ้านหลิ่วจิ่วจู๋
“สามีจู๋จือกลับมาแล้ว”
“ได้ยินมาว่าตอนนี้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว อีกทั้งยังมีตำแหน่งใหญ่โต เสื้อผ้าที่เขาสวมใส่แตกต่างจากเมื่อก่อน ทั้งยังดูหล่อเหลาขึ้นด้วย”
คนในหมู่บ้านรีบรุดไปที่ประตูลานบ้าน ขณะกำลังจะเบียดตัวเข้าไปในลานบ้าน หยางชิงซือที่ยืนอยู่ที่นั่นก็เอ่ยขึ้นก่อน “พวกท่านทำอะไร? ผู้อื่นเขาเพิ่งกลับมา สามีภรรยาหนุ่มสาวทั้งสองยังไม่ได้ทักทายกันด้วยซ้ำ แต่พวกท่านก็จะเข้าไปข้างในแล้ว พวกท่านมีเหตุจำเป็นอะไรหรือ?”
“ชิงซือ เจ้าเคยถามสามีจู๋จือเรื่องกองทัพแล้วหรือยัง? เจ้าไม่เป็นห่วงจงซู่เกินหรือ? เจ้ากับจู๋จือสนิทกันเหมือนพี่น้อง ตอนนี้สามีนางกลับมาแล้ว เจ้าจะได้เข้าไปสอบถามดู”
“ข้าถามแล้ว” หยางชิงซือกล่าว “เขาบอกว่าไม่ได้อยู่พื้นที่เดียวกัน เขาก็ไม่เคยพบเห็นชาวบ้านคนอื่น”
“เขาไม่ได้เป็นเจ้าหน้าที่ทางการหรือ? ขอเพียงเขายินดีที่จะสอบถาม ย่อมต้องรู้อย่างแน่นอน!”
“ตอนนี้เขาเป็นเจ้าหน้าที่ทางการแล้ว เพียงแต่เขาเป็นเพียงเจ้าหน้าที่ทางการตัวเล็ก ๆ จัดการดูแลทหารเพียงไม่กี่คน ไม่อาจควบคุมเขตอื่นได้” หยางชิงซือกล่าว “ข้าเดาว่าสามีจู๋จือกลับมาคราวนี้ พวกท่านคงจะไม่ปล่อยให้เขาอยู่ลำพัง ตอนนี้ข้าถามคำถามที่พวกท่านอยากถามและบอกพวกท่านไปหมดแล้ว พวกท่านรีบกลับไปเถอะ อย่าได้รบกวนสามีภรรยาเขาเลย”
“นังหนูคนนี้นี่ เจ้าไม่ใช่สุนัขเฝ้าบ้านเขา ไยต้องขวางทางเราด้วยเล่า?”
“นั่นสิ เจ้าทำงานเฝ้าบ้านได้ดีทีเดียวเชียว!”
ลู่ฉาวจิ่งเดินออกมาเอ่ยกับชาวบ้าน “พวกท่านอย่าได้ทำให้แม่นางหยางลำบากใจ สิ่งที่นางพูดคือสิ่งที่ข้าจะพูด ข้าไม่ได้พบผู้อื่นจึงช่วยพวกท่านสอบถามข่าวคราวไม่ได้”
“เช่นนั้นข้าถามเจ้า เจ้าไปเป็นทหารจริง ๆ หรือ?”
“ใช่”
“พวกเจ้าฝึกทหารจริงหรือ?”
“ใช่”
“คนอื่น ๆ ก็ฝึกทหารเช่นกันหรือ?”
“หากพวกเขาไปเป็นทหารก็หมายความว่ากำลังฝึกทหาร”
…น่าเสียดายที่พวกเขาไม่ใช่ทหาร ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องหลอกลวงจึงไม่ได้มีการฝึกอะไร
ลู่ฉาวจิ่งเหลือบมองเงาร่างหนึ่งที่อยู่บริเวณหัวมุม
เขารู้ว่ามีคนติดตามเขากลับมา ทั้งยังรู้ว่ามีคนคอยจับตาดูทุกความเคลื่อนไหวของเขา หากยามนี้เขาพูดอะไรผิดไปเพียงนิด เกรงว่าไม่นานก็จะมีคนมาเก็บกวาดร่องรอยและปิดปากเขาโดยสมบูรณ์
ชายหนุ่มทำได้เพียงขออภัยชาวบ้านเหล่านี้ในใจเท่านั้น