สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1144 ตอนพิเศษ (43-1)
บทที่ 1144 ตอนพิเศษ (43/1)
หลิวจิ่วจู๋กำลังแบกตะกร้ากลับบ้าน ขณะที่เปิดประตู จู่ ๆ ตะกร้าก็ลื่นไถล ผักในนั้นจึงหล่นกระจัดกระจายเต็มพื้น
นางคุกเข่าลงไปเก็บของ
ทันใดนั้นก็มีมือหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างช่วยนางเก็บของขึ้นมา
เมื่อเงยหน้าขึ้นก็เห็นชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาผู้หนึ่ง หลิวจิ่วจู๋รีบกล่าว “ขอบคุณ!”
ชายหนุ่มผู้นั้นกล่าวอย่างเขินอาย “ไม่เป็นไร เจ้ามาใหม่กระมัง?”
“จริงสิ” ชายหนุ่มช่วยนางหยิบของแล้วยกตะกร้าขึ้น “ภายหน้าระวังดี ๆ”
“ขอบคุณ ท่านคือ….”
“บ้านข้าอยู่ข้าง ๆ” เขาชี้ไปทางบ้านข้าง ๆ
หลิวจิ่วจู๋มองไปยังทางที่อีกฝ่ายชี้ รอยยิ้มบนใบหน้าจางลงเล็กน้อย
“สือจู้ สือจู้…” จางซื่อเปิดประตูแล้วตะโกน “ข้าทอดแป้งทอดให้เจ้า ยังไม่ได้เอา… เหตุใดเป็นเจ้า? สือจู้ เจ้าทำอะไรน่ะ?”
หวังสือจู้รีบเดินไป “แม่นางท่านนี้ทำของหล่น ข้าจึงช่วยเก็บให้นาง”
“ช่วยเก็บอะไร? นางจิ้งจอก วัน ๆ คิดแต่จะยั่วยวนบุรุษ” จางซื่อด่าทออย่างรุนแรง
หลิวจิ่วจู๋เริ่มโมโห “ท่านป้าผู้นี้ ท่านอย่าได้พูดจาเหลวไหล ข้าไม่ได้ขอให้ลูกชายท่านช่วย เขาบังเอิญเห็นจึงมีน้ำใจช่วยข้า แน่นอนว่าข้ารู้สึกขอบคุณเขายิ่ง แต่หากเขาช่วยข้าแล้วผลที่ได้คือให้ท่านสาดน้ำโคลนใส่ข้าเช่นนี้ ภายหน้าก็อย่าได้ช่วยข้าอีก อีกอย่าง ข้ามีสามีแล้ว สามีข้าทำงานให้ทางการ ตอนนี้เขาไม่อยู่บ้านเพราะออกไปทำธุระ หากเขากลับมาแล้วรู้ว่าท่านใส่ความข้าเช่นนี้ จักต้องไม่เกรงใจท่านอย่างแน่นอน”
“สามีรับราชการหรือ…” เสียงของจางซื่ออ่อนลงเล็กน้อย “ผู้ใดจะรู้ว่าจริงหรือไม่? เจ้าคิดจะหลอกผู้ใดกัน?”
หวังสือจู้เห็นว่าสถานการณ์ไม่สู้ดีจึงดึงตัวจางซื่อเข้าไปข้างใน
จางซื่อเอ่ยกับบุตรชาย “ต่อไปไม่อนุญาตให้เจ้าช่วยนางอีก นังเด็กนั่นร้ายนัก นางยังบอกว่าจะดึงเถาบวบของข้าไปด้วย”
“ท่านแม่ ท่านอย่าได้ทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองใจอีกเลย” หวังสือจู้กล่าว “เดิมทีเพื่อนบ้านก็ควรจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน ตอนนี้ท่านกลับทำให้ผู้อื่นขุ่นเคืองไปทั่ว หากภายหน้าเกิดเรื่องอะไรกับครอบครัวเรา ผู้ใดจะยินดีช่วยเราเล่า?”
“ไม่อยากช่วยก็ไม่ต้องช่วย ผู้ใดสนใจพวกเขากัน? ข้าอาศัยอยู่ที่ถนนเส้นนี้มานานกว่าสิบปี ไม่เคยเห็นพวกเขาช่วยอะไรข้า” จางซื่อดูแคลน “พอได้แล้ว เจ้าไม่ได้จะไปทำงานหรือ? รีบไปเถอะ!”
ทันทีที่หลิวจิ่วจู๋เดินเข้าประตูบ้าน ตัวเป่าก็กระดิกหางวิ่งมาหา
“เอาละ ข้าซื้อกระดูกมาให้เจ้าแล้ว อีกประเดี๋ยวจะให้เจ้ากิน”
ตึง! ตึง! มีเสียงเคาะประตูดังมาจากด้านนอก
หลิวจิ่วจู๋เปิดประตูแล้วเอ่ยถาม “ผู้ใด?”
“ฮูหยินลู่ ได้ยินว่าท่านทำคลอดได้หรือ?” ชายผู้หนึ่งมองนางอย่างกระวนกระวายใจ “เมียข้าจะคลอดลูกแล้ว หมอตำแยคนเดิมไปทำคลอดบุตรให้ฮูหยินอีกคนสักพักแล้ว ตอนนี้ข้าหาผู้อื่นไม่พบ ท่านช่วยได้หรือไม่? ข้าขอร้องละ”
หลิวจิ่วจู๋รู้จักคนผู้นี้ ชายร่างใหญ่ผู้นี้เป็นเพื่อนบ้าน เพียงแต่บ้านเขาอยู่ห่างจากบ้านนางเล็กน้อย นับว่าเป็นบ้านที่อยู่ใกล้ปากซอยมากที่สุด
“ให้ท่านหมอตรวจดูหรือยัง?”
“ท่านหมอก็เชิญมาไม่ได้ ครอบครัวยากจนอย่างเราจะกล้าจ้างท่านหมอได้อย่างไร?”
“เอาเถอะ ไปดูก่อนค่อยว่ากัน”
“ใช่ รีบเข้าเถิด”
หลิวจิ่วจู๋ปิดประตูแล้วเดินตามชายร่างใหญ่ไปที่บ้าน
ยามนี้ บิดามารดาของชายผู้นั้นกำลังเดินวนไปวนมาอยู่ในลานบ้าน ดูจากสีหน้าของพวกเขาแล้ว เห็นได้ชัดว่ากังวลเรื่องสถานการณ์ภายในเพียงใด
“เหตุใดเจ้าจึงเชิญนางมา” ท่านป้าเอ่ยถามอย่างกังวล “ข้าไม่ได้ให้เจ้าไปเชิญหมอตำแยหรือ?”
“หมอตำแยตามผู้อื่นไปแล้ว ข้าบอกว่าจะเพิ่มเงินให้ก็ไม่ยอม บ้านนั้นให้เงินนางมากกว่า นางจึงไม่สนใจความเป็นความตายของเรา ก่อนหน้านี้ฮูหยินลู่มาทักทายเรา ข้าได้ยินนางเอ่ยกับซิ่วเหนียงว่าเคยช่วยทำคลอดให้คนจึงคิดจะเชิญนางมาช่วย”
“ฮูหยินลู่ ท่านทำคลอดเป็นจริง ๆ หรือ? นี่เป็นความเป็นความตายของคน ไม่อาจพูดไปเรื่อยได้”
หลิวจิ่วจู๋ฟังเสียงข้างในแล้วปลอบใจท่านป้าผู้นั้น “ท่านป้า ท่านวางใจได้ ข้าทำคลอดเด็กเองกับมือหลายสิบคนแล้ว ท่านรีบไปเตรียมน้ำร้อนกับผ้าสะอาดไว้ อีกประเดี๋ยวข้าต้องใช้ นอกจากนี้ พี่ใหญ่ ท่านเตรียมพร้อมหน่อย…”
หลิวจิ่วจู๋ยังอายุน้อย ไม่เหมือนคนที่เคยผ่านการทำคลอด ทว่าเมื่อเห็นนางเต็มไปด้วยความมั่นใจ ทั้งยังจัดแจงเรื่องต่าง ๆ เป็นขั้นเป็นตอน อย่างน้อยก็ดีกว่าพวกเขาที่วุ่นวายสับสน ทุกคนจึงทำตามคำสั่งนาง
บุรุษเข้าห้องคลอดไม่ได้ ท่านป้าจึงมาเป็นผู้ช่วยของหลิวจิ่วจู๋
ท่านป้าเห็นการเคลื่อนไหวที่ว่องไวของนางก็รู้สึกราวกับได้รับความมั่นใจ ในที่สุดก็ไม่กังวลมากเท่าไหร่แล้ว
“พี่สะใภ้สุขภาพแข็งแรงดี ไม่ต้องกังวล ตำแหน่งของทารกก็เข้าที่แล้วเช่นกัน เพียงแต่เนื่องจากนี่เป็นท้องแรก เด็กจะดิ้นเล็กน้อย เป็นเรื่องปกติ ผ่อนคลายเข้าไว้ อย่าได้กังวล รออีกประเดี๋ยวเด็กก็จะคลอดแล้ว”
“ข้าเคยคลอดลูกเพียงคนเดียว” ท่านป้าที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “ตอนที่ข้าคลอดลูก คลอดยากเป็นอย่างยิ่ง ชีวิตน้อย ๆ ของข้าเกือบไม่เหลือ มายามนี้เห็นลูกสะใภ้จะคลอดลูกจึงอดวิตกกังวลไม่ได้ เจ้าอายุยังน้อยกลับใจเย็นเพียงนี้เชียวหรือ? ก่อนหน้านี้เจ้าเคยทำคลอดมาแล้วจริง ๆ หรือ?”
“ท่านป้า ถึงตอนนี้ท่านยังไม่เชื่ออีกหรือ? ย่าข้าเคยเป็นหมอตำแย ไม่เพียงแต่ช่วยทำคลอดเท่านั้น แต่ยังรักษาโรคสตรีบางโรคอีกด้วย ข้าเป็นเพียงน้ำครึ่งถัง อย่างอื่นไม่ได้เรียนรู้มามากนัก แต่ข้าเชี่ยวชาญเรื่องการทำคลอดบุตรและดูแลเด็กทีเดียว ท่านย่าบอกว่าหากทักษะการแพทย์สามารถจำแนกได้ ข้าคงจะเก่งเรื่องโรคสตรีและเด็ก”
“ดี อย่างนี้ก็ดียิ่ง”
“โอ๊ยยยยยย….” เฝิงซิ่วเหนียงกรีดร้อง “เจ็บเหลือเกิน…”
“เห็นหัวแล้ว” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “พี่สะใภ้ ออกแรงเบ่งอีกหน่อย…”
เฝิงซิ่วเหนียงออกแรงเบ่ง…
หลิวจิ่วจู๋จับหัวเด็กไว้และใช้ทักษะดึงเด็กออกมาจากร่างของแม่
ผลุบ!
เด็กน้อยเนื้อตัวเปียกแฉะผู้หนึ่งได้ลืมตาดูโลก
“ดียิ่งนัก ดียิ่งนัก” ท่านป้าที่อยู่ข้าง ๆ ประนมมือขึ้น “ขอบคุณพระโพธิสัตว์ ขอบคุณพระโพธิสัตว์”
หลิวจิ่วจู๋ตัดสายสะดือ วางเด็กไว้แล้วจัดการกับความเลอะเทอะรอบ ๆ
“ลูกเป็นอย่างไรบ้าง? เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิง?” เฝิงซิ่วเหนียงเอ่ยถาม
“เป็นเด็กผู้ชาย” ท่านป้ากล่าวด้วยรอยยิ้ม “เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงไม่สำคัญ ขอเพียงแม่และเด็กปลอดภัย พระคุ้มครอง ฮูหยินลู่ อีกประเดี๋ยวรั้งอยู่ทานอาหารเย็นด้วยกันเถอะ อย่าได้เกรงใจพวกเราเป็นอันขาด”
“ไม่เป็นไร” หลิวจิ่วจู๋รู้ว่าครอบครัวพวกเขาพึ่งมีลูกย่อมมีหลายสิ่งให้ต้องจัดการ เรื่องอื่นไม่เอ่ยถึง อย่างน้อยก็ต้องดูแลแม่กับทารกให้ดี
“ไม่ได้ ๆ ท่านต้องรั้งอยู่กินอาหารง่าย ๆ มื้อนี้ เรื่องนี้ล้วนต้องขอบคุณท่าน ไม่เช่นนั้นพวกเราทั้งครอบครัวจะทำอย่างไร แถวนี้คนท้องมีไม่น้อยแต่ไม่มีผู้ใดทำคลอดเป็นเลย!”
หลิวจิ่วจู๋ทนความกระตือรือร้นของพวกเขาไม่ไหว นางจำต้องรั้งอยู่ทานอาหารด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้
เมื่อนางเห็นไข่ดาวในถ้วยก็ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจ วันนี้นางเพิ่งซื้อซี่โครงมาพอดี อีกประเดี๋ยวส่งกระดูกมาให้พวกเขาสักหน่อยก็นับว่าเป็นของขวัญแล้ว
“ดึกมากแล้ว ข้ากลับก่อนละ” หลิวจิ่วจู๋กล่าวขอบคุณอีกครั้ง “พรุ่งนี้ข้าจะกลับมาดูเด็กอีกครั้ง”