สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1150 ตอนพิเศษ (47/1)
บทที่ 1150 ตอนพิเศษ (47/1)
ณ สกุลถัง ถังลี่เฉิงหยิบปิ่นปักผมขึ้นมาดู อักษร ‘ถัง’ สลักอยู่บนส่วนสีเข้มของปิ่นปักผม ถึงแม้มันจะเล็กมาก อีกทั้งสัญลักษณ์นั้นก็จางลงเนื่องด้วยกาลเวลา ทว่าหลังจากพินิจดูอย่างถี่ถ้วนก็ยังพอมองเห็น
เขาตรวจดูเครื่องประดับชิ้นอื่น ตรวจสอบให้แน่ใจว่าบนเครื่องประดับชิ้นอื่น ๆ ก็มีคำเดียวกัน มิหนำซ้ำแบบอักษรยังเหมือนกันทุกประการ
“หมัวโม่ ข้าอยากเขียนจดหมายถึงท่านอา” ถังลี่เฉิงกล่าว “ท่านอาของข้าตามหาคนมานานกว่าสิบปีแล้ว บางทีอาจหาพบในไม่ช้า”
“ไม่เช่นนั้น สืบหาก่อนว่าผู้ใดเป็นคนขายเครื่องประดับ หากหาสตรีท่านนั้นพบ นายท่านผู้เฒ่าอาจยิ่งมีความสุขนะขอรับ”
“นั่นใช้เวลานานเกินไป ข้าจะต้องแน่ใจเสียก่อน” ถังลี่เฉิงกล่าว “ก่อนอื่นวาดลวดลายเครื่องประดับเหล่านี้ออกมาให้ท่านอายืนยัน ทางนี้ข้าจะสืบต่อไป หากหาคนพบก่อนที่ท่านอาจะมาถึงยิ่งดี หากหาไม่พบ ไม่แน่ว่าท่านอาอาจส่งคนมาช่วย อย่างนี้พวกเราจะได้ตรวจสอบได้ง่ายขึ้น”
“ขอรับ”
ถังลี่เฉิงวาดลวดลายแล้วจึงเขียนจดหมายไปพร้อมกัน ก่อนจะส่งให้ลูกน้อง
ถังจื่อหลิงเดินเข้ามาดึงชายเสื้อถังลี่เฉิง
“มีอะไรหรือ?” ถังลี่เฉิงเอ่ยถาม
“ออกไป”
“เจ้าอยากออกไปเที่ยวเล่นหรือ?”
“อื้อ”
ถังลี่เฉิงยกมือขึ้นลูบศีรษะถังจื่อหลิง “ได้ พวกเราจะไปประเดี๋ยวนี้”
“นายท่าน เรื่องที่ท่านให้พวกเราสืบหาคราวก่อนมีเบาะแสแล้วขอรับ” ลูกน้องของเขาเข้ามารายงาน “กรมกลาโหมที่นี่มีปัญหาจริง ๆ”
หลังจากได้ยินสิ่งที่ลูกน้องเอ่ย ถังลี่เฉิงก็ขมวดคิ้วแล้วกล่าว “ดังนั้น ผู้ที่พวกแม่นางหลิวต้องการสืบหาก็ถูกกรมกลาโหมควบคุมตัวไว้อย่างนั้นหรือ?”
“นายท่าน เรื่องนี้ไม่อาจเข้าไปเกี่ยวข้องได้นะขอรับ มังกรแข็งแกร่งเพียงใดก็ไม่อาจข่มงูเจ้าถิ่นได้ นับประสาอะไรกับเราที่ไม่ได้เป็นมังกรแข็งแกร่ง”
“ผู้ตรวจการหลินโจวเป็นคนมั่นคง ซื่อตรง ไม่ประจบสอพลอผู้ใดใช่หรือไม่?”
“ใต้เท้าท่านนั้นเป็นคนของท่านอ๋องลู่ เป็นขุนนางซื่อตรงเที่ยงธรรม ไม่ประจบสอพลอผู้ใด แต่ไม่ใช่ว่าเขาจะควบคุมได้นะขอรับ!”
“ไม่ว่าจะควบคุมได้หรือไม่ อย่างน้อยก็ต้องส่งข่าวที่นี่ออกไป” ถังลี่เฉิงกล่าว “ก่อนอื่นเจ้าส่งคนไปหาผู้ตรวจการหลินโจว เล่าสถานการณ์ทางนี้ให้เขาฟัง”
ถังลี่เฉิงพาถังจื่อหลิงออกไปเที่ยวเล่น เมื่อนึกถึงเรื่องที่หลิวจิ่วจู๋ฝากฝังไว้จึงไปที่ร้านยาเพื่อถามถึงที่อยู่ของนาง หลังจากได้รู้ที่อยู่ของหลิวจิ่วจู๋จากร้านยาจึงไปเยี่ยมอีกครั้ง ทว่าประตูถูกลงกลอนจากด้านนอก เห็นได้ชัดว่าไม่มีผู้ใดอยู่บ้าน
“ท่านเป็นอะไรกับคนบ้านนี้?” จางซื่อบังเอิญเดินกลับบ้านพอดี เมื่อเห็นนายท่านผู้มั่งคั่งยืนอยู่หน้าประตูจึงเอ่ยปากถาม
ถังลี่เฉิงเอ่ยอย่างสุภาพ “ท่านป้า ไม่ทราบว่าคนบ้านนี้ไปที่ใดแล้ว? ข้าน้อยมีการค้ากับฮูหยินท่านนั้น อยากจะหารือเรื่องการค้ากับนางต่อ”
แววตาของจางซื่อเต็มไปด้วยความอิจฉา “ข้าไม่เห็นนาง นางทำการค้าอะไร ลูกค้าจะมาจากที่ใดกัน?”
เมื่อเห็นว่าสตรีนางนั้นไม่ตอบ ถังลี่เฉิงจึงไม่ต่อความยาวสาวความยืด ยกมือขึ้นประกบแล้วกล่าว “เช่นนั้นรบกวนแล้ว”
จางซื่อมองดูเงาร่างของถังลี่เฉิงแล้วถอนหายใจออกมา “หน้าตาราวกับจิ้งจอก ดังคาด ยั่วยวนบุรุษไปทุกหนทุกแห่งจริง ๆ ทำการค้าอะไร๊ ข้าว่าเป็นการค้าเนื้อหนังกระมัง! แถมยังบอกอีกว่าสามีเป็นเจ้าหน้าที่ทางการ เรื่องเหลวไหลทั้งเพ!”
สตรีไม่รู้จักพอพรรค์นั้น ไม่รู้ว่าข้างนอกมีผู้ชายกี่มากน้อย คนอย่างนี้กลับกลายมาเป็นเพื่อนบ้านของข้า เพียงแค่คิดก็รู้สึกหวาดหวั่นใจแล้ว
หวังสือจู้แบกฟืนกลับมา
“เจ้าไปนำฟืนมาจากที่ใด?” จางซื่อเห็นจึงรีบเดินตามไป
“เมื่อครู่เห็นผู้เฒ่าขายฟืนผู้หนึ่ง ข้าจึงซื้อมาจากเขา”
“กี่มากน้อย?”
“สามอีแปะขอรับ”
“ว่ากระไรนะ?!” จางซื่อรับมันไปด้วยความโมโห “ของอย่างนี้มีทุกที่ ขายตั้งสามอีแปะเชียวหรือ? เหตุใดเขาไม่ปล้นกันเลยล่ะ? เจ้าซื้อมาจากที่ใด ข้าจะไปหาเขาประเดี๋ยวนี้ ฟืนไม่มีราคา ขายได้หนึ่งอีแปะก็ไม่เลวแล้ว เจ้าโง่ผู้นี้ ผู้อื่นบอกว่าเท่าใดก็เท่านั้น ผู้ใดล้วนหลอกเจ้าได้ทั้งสิ้น”
“ท่านแม่ ผู้เฒ่าคนนั้นเสียแขนไปข้างหนึ่ง ชีวิตของเขาไม่ง่ายดาย ท่านก็อย่าไปสนใจเงินเพียงสองอีแปะนี้เลย นอกจากนี้ ถึงแม้จะเปลี่ยนเป็นที่อื่น นั่นก็ยังเป็นเงินสามอีแปะ เดิมทีเขาก็ไม่ได้คิดเงินเพิ่ม” หวังสือจู้รั้งจางซื่อเอาไว้
หวังสือจู้รู้ดีว่าเมื่อก่อนจางซื่อมักจะต่อราคาไปทุกหนทุกแห่ง อันที่จริงผู้อื่นถูกนางตามรบเร้าจนทนไม่ไหว ถึงได้ลดราคาลง ตอนนี้ผู้ใดบ้างไม่รู้จักชื่อเสียงของจางซื่อ ผู้ที่เคยถูกนางหลอกก่อนหน้าก็ไม่ยอมขายอะไรให้นางอีก
“เจ้าจะรู้อะไร?” จางซื่อบ่น “เงินบ้านเราลมหอบมาให้หรือไร? เจ้าดูอย่างนังเด็กข้างบ้านผู้นั้นสิ ลูกค้ามาถึงที่บ้านแล้ว…”
“ท่านแม่ ท่านหยุดพูดจาเหลวไหลเสียที” หวังสือจู้มองออกไปข้างนอกแล้วกล่าว “ฮูหยินข้างบ้านผู้นั้นไม่ได้วุ่นวายกับท่าน ท่านรักษาศีลธรรมให้ตนเองบ้างเถิด! หากท่านยังทำเช่นนี้อีก ชั่วชีวิตนี้ของลูกเกรงว่าจะหาภรรยาไม่ได้”
เดิมทีลูกชายของนางตกหลุมรักแม่นางผู้หนึ่ง ทั้งสองสนิทสนมกันอย่างยิ่ง ภายหลังอีกฝ่ายมาทานอาหารที่บ้าน ต่อจากนั้น…
ก็ไม่ได้เจอหน้ากันอีกเลย
นางเพียงแค่กล่าวกับแม่นางผู้นั้นสองสามคำ นึกไม่ถึงว่านังหนูเหม็นโฉ่จะทะเยอทะยาน เพียงหันหลังกลับไปก็เลิกรากับลูกชายของนาง นับตั้งแต่นั้นมา หวังสือจู้ก็ไม่เคยตกหลุมรักแม่นางคนใดอีกเลย อายุเขาก็มากแล้ว หากยังเป็นเช่นนี้ต่อไปคงไม่มีผู้ใดยอมแต่งงานกับลูกชายของนางจริง ๆ
หมู่บ้านสกุลหลิ่ว อิงซื่อพาฮั่วหลางหรือซ่งหลินเป่าลูกชายของนางมาสู่ขอแต่งงานที่สกุลซ่ง
ซ่งหลินเป่าเป็นพ่อค้าหาบเร่ ฝีปากเขาคมคายเพียงใด ขอเพียงเคยพบย่อมรู้ได้
เขาพบผู้ใดล้วนยิ้มแย้ม หน้าตาสุภาพเรียบร้อย ยามมองหยางชิงซือ สีหน้าของซ่งหลินเป่าเปี่ยมไปด้วยความรัก
“ญาติผู้น้อง พวกเราเติบโตมาด้วยกัน เจ้าล้วนรู้ดีว่าข้าปฏิบัติต่อเจ้าอย่างไร หากญาติกันได้แต่งงานกัน ชีวิตนี้ข้าจะต้องปฏิบัติต่อเจ้าอย่างดีแน่นอน ท่านอาก็คือมารดาแท้ ๆ ของข้า ข้าจะดูแลนางเหมือนอย่างแม่ของข้า”
สิ่งที่ซ่งซื่อต้องการก็คือคำพูดนี้
เพื่อภรรยาของเขาแล้ว หยางชวนถึงกับแยกบ้านกับนาง นั่นทำให้นางรู้สึกเหน็บหนาว นางใช้เวลาทั้งวันทั้งคืนคิดว่าลูกชายของนางพึ่งพาไม่ได้ นางกลัวว่าจะไม่มีผู้ใดดูแลตนจนกระทั่งถึงวันตายจึงตั้งความหวังไว้ที่ลูกสาว หวังจะใช้ความสัมพันธ์ของนางหาลูกเขยดี ๆ สักคน
หยางชิงซือกลอกตา “ที่ควรพูดล้วนพูดไปเกือบหมดแล้ว ญาติผู้พี่ ท่านก็รู้นิสัยข้าดี หากท่านต้องการภรรยาที่ซื่อสัตย์และเชื่อฟังก็อย่าได้มายุ่งกับข้า ข้าวุ่นวายเพียงใด พวกท่านคงรู้กระมัง? เรื่องฉาวโฉ่ระหว่างท่านกับแม่หม้ายหยางหมู่บ้านสือโถว ในฐานะญาติผู้น้องของท่านข้าจะปิดหูปิดตา แต่หากท่านแต่งข้าเข้าบ้านจริง ๆ ดูเถอะว่า ข้าจะทำให้พวกท่านวุ่นวายจนไก่หมาไม่สงบหรือไม่”
สีหน้าของซ่งหลินเป่าแปรเปลี่ยนฉับพลัน เขาเหลียวมองไปรอบ ๆ ช้า ๆ แล้วกล่าวด้วยใจไม่เป็นสุข “ญาติผู้น้องเจ้ากำลังเอ่ยอะไร? ข้ามองออกแล้ว หากเจ้าไม่ต้องการแต่งงานกับข้าจริง ๆ เช่นนั้นพวกเรายังคงเป็นพี่น้องที่ดีต่อกันเถอะ เพียงแต่ข้าอายุไม่ใช่น้อย ๆ ถึงวัยที่ต้องแต่งเมียแล้ว หากเจ้าไม่ยินดีแต่งให้ข้า เช่นนั้นเงินก็ต้องคืนให้ อย่างนี้ข้าจึงจะมีเงินไปสู่ขอเจ้าสาว”
“หลินเป่า ก่อนหน้านี้พวกเราไม่ได้กล่าวกันดิบดีแล้วหรือ?” ซ่งซื่อได้ยินดังนี้ก็เริ่มกังวล
“ท่านอา ข้าไม่อยากฝืนใจญาติผู้น้อง”
“ฝืนใจที่ใดกันเล่า? นางแต่งให้เจ้าได้ นั่นก็เป็นโชคดีที่ได้รับไปชั่วชีวิตแล้ว”
หยางชิงซือกล่าวเย้ยหยัน “ท่านแม่ชื่นชมเขาเพียงนี้ เช่นนั้นท่านก็แต่งให้เขาเสียสิ”
ซ่งซื่อได้ยินดังนั้นก็โกรธมาก นางเงื้อมือขึ้นหมายจะฟาดลงบนหน้าหยางชิงซือ