สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1151 ตอนพิเศษ (47/2)
บทที่ 1151 ตอนพิเศษ (47/2)
หยางชิงซือเตรียมจะหลบ ทว่าก่อนที่นางจะได้หลบก็มีคนคว้าแขนของซ่งซื่อไว้ ไม่ยอมให้นางตบลงไป
“ซู่เกินกลับมาแล้ว!”
“ไอหยา นี่ไม่ใช่จงซู่เกินหรือ? เจ้าไม่ได้บอกว่าจะเป็นขุนนางหรือ? ตอนนี้เป็นขุนนางแล้วหรือไม่?”
“ซู่เกิน ก่อนหน้านี้ไม่นานคนโกหกผู้หนึ่งปรากฏตัวออกมา เจ้าไม่ได้พบคนโกหกนั่นกระมัง? เจ้ารีบเล่าให้เราฟังเร็วเข้า เจ้าไปเป็นทหารแล้วจริง ๆ หรือ? ครั้งนี้กลับมาหาคนใช่หรือไม่?”
เมื่อกล่าวถึงเรื่องหาคน สีหน้าของทุกคนพลันเปลี่ยนไป โดยเฉพาะบุรุษในหมู่บ้านที่เกือบจะถูกหลิ่วจินเปยหลอกไป ‘ขาย’ พวกเขาแต่ละคนล้วนมองจงซู่เกินอย่างหวาดระแวง
หยางชิงซือเห็นจงซู่เกิน ดวงตาก็แดงก่ำขึ้นมาทันที
นับแต่จงซู่เกินจากไป หยางชิงซือมักจะสะดุ้งตื่นจากความฝัน บางทีอาจเป็นเพราะนางคิดทั้งวันทั้งคืน นางจึงมักจะฝันว่าจงซู่เกินสภาพไม่ดีนัก ทุกครั้งที่นางมีความฝันเช่นนี้ นางจะหลบอยู่เพียงลำพังเพื่อไม่ให้ผู้อื่นรู้ความคิดของนาง
จงซู่เกินมองซ่งซื่ออย่างเย็นชา “นางเป็นลูกสาวของท่านไม่ผิด แต่ถึงแม้จะเป็นผู้ให้กำเนิดก็ไม่มีเหตุผลให้ทุบตีนางอยู่ร่ำไป”
“เจ้าบอกเองว่านางเป็นลูกสาวของข้า ข้าอยากจะทุบตีลูกสาวตนเองอย่างไรก็จะทุบตีอย่างนั้น เจ้ามาแส่อะไร!” ซ่งซื่อเยาะเย้ย
“ท่านป้า ตอนนี้ข้าแข็งแรงกว่าเมื่อก่อนแล้ว บางทีอาจควบคุมกำลังของตนเองไม่ได้ เผลอไปทำร้ายผู้อื่นเข้าโดยไม่ได้ตั้งใจ ท่านป้าเห็นข้าเติบใหญ่มา คงรู้จักนิสัยของข้า คิดว่าคงเข้าใจกระมัง?”
อิงซื่อเปิดปากขึ้น กล่าวด้วยน้ำเสียงกระแทกแดกดัน
“เอาละ ข้าว่านะน้องสามี เจ้าก็เห็น ลูกสาวของเจ้าน่าทึ่งยิ่งนัก นางมีคนรักผู้หนึ่งแล้ว สตรีเช่นนี้ไม่อาจแต่งเข้าบ้านเราได้ ไม่เช่นนั้น ไม่รู้ว่าลูกชายข้าที่ต้องออกไปทำการค้าบ่อย ๆ จะได้สวมหมวกเขียวเพียงใด”
“ท่านแม่ อย่าได้กล่าวเช่นนั้น ญาติผู้น้องไม่ใช่คนเช่นนั้น ญาติผู้น้องกับพี่ใหญ่จงรักกัน ทุกคนในหมู่บ้านล้วนรู้ดี พวกเราไม่อาจแยกผู้อื่นจากกันได้” ซ่งหลินเป่ากล่าว “เพียงแต่ เงินนั้น…”
กล่าวกันตามตรง สตรีน่ะ ไม่ได้มีเพียงหยางชิงซือผู้เดียว ตอนแรกเขาเห็นว่าหน้าตาหยางชิงซือไม่เลว อีกทั้งซ่งซื่อยังรับมือได้ง่าย หากควบคุมซ่งซื่อได้ นั่นไม่เท่ากับควบคุมหยางชิงซือได้หรือ เขาจึงต้องการให้งานแต่งนี้เกิดขึ้น
ทว่าตอนนี้ไม่จำเป็นแล้ว หยางชิงซือแข็งกร้าวเกินไปจริง ๆ การแต่งงานกับสตรีเช่นนี้รังแต่จะทำให้ครอบครัวระส่ำระสาย
จุดประสงค์ของเขามีเพียงต้องการเงินคืน
ซ่งซื่อเหลือเงินเพียงไม่กี่ตำลึง
ยามนี้หากอยากให้นางคืนเงินกลับไป นั่นเท่ากับต้องการชีวิตนางแล้ว
“ข้าไม่มีเงิน”
“บ้านของเจ้าเล่า…”
ซ่งซื่อมองพวกเขาอย่างหวาดระแวง “หากให้บ้านนี้แก่พวกท่านไป พวกเราจะไปอยู่ที่ใด? ไม่ได้การ ข้าให้ไม่ได้”
หยางชิงซือเอ่ย “นี่ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับข้าแล้ว เช่นนั้น ข้าไปได้แล้วกระมัง?”
“ชิงซือ…” ซ่งซื่อดึงหยางชิงซือไว้ “เจ้าจะไม่สนใจแม่ไม่ได้นะ!”
หยางชิงซือพยายามสะบัดตัวออก “ท่านแม่ เรื่องที่ท่านก่อ ท่านยังคงจัดการเองเถอะ! ครอบครัวอื่นล้วนเป็นพ่อแม่กำบังลูกจากลมฝน ข้ากับท่านพี่ไม่ได้คาดหวังให้พวกท่าน คนแก่สองคนทำอะไร เพียงขอร้องพวกท่านว่า อย่าได้สร้างความเดือดร้อนให้เราอีกเลย”
สิ้นคำ นางก็จูงจงซู่เกินสาวเท้าออกไป
จงซู่เกินกลับมาแล้ว หินก้อนใหญ่ในใจนางถูกยกออกไป ยามนี้นางมีคำถามมากมายที่จะถามเขา ไม่มีความสนใจที่จะอยู่พัวพันกับพวกเขาอีก
เมื่อจงซู่เกินเห็นสีหน้าเยือกเย็นของหยางชิงซือ เขาก็รู้สึกผิด
เขาบอกตนเองว่า ในสถานการณ์นี้เขาไม่ควรมาพบนาง ทางที่ดีที่สุดคืออยู่ให้ห่างจากนาง อย่างไรก็ตามเมื่อได้รับโอกาสพักผ่อนจากลู่ฉาวจิ่ง เขาจึงอยากกลับบ้านมาหาครอบครัว พอกลับมาถึงหมู่บ้านก็ได้ยินข่าวว่าหยางชิงซือถูกบังคับให้แต่งงาน เขาจะทนได้อย่างไร? จึงตามชาวบ้านมาดู แล้วก็เป็นดังคาด…
เมื่อเขาเห็นซ่งซื่อคิดจะลงมือกับหยางชิงซือ เขายิ่งควบคุมตนเองไม่ได้ต้องวิ่งเข้าไปปกป้องนาง
หยางชิงซือพาเขาออกมา นางจะต้องถามคำถามมากมายกับเขาอย่างแน่นอน เขาพอคาดเดาได้ว่าหยางชิงซือต้องการถามอะไร เพียงแต่เขาไม่อาจตอบคำถามเหล่านั้นได้ ฝีเท้าของเขาจึงหนักอึ้ง พอ ๆ กับอารมณ์ ดวงตามองหยางชิงซืออย่างระมัดระวัง
“เจ้ากลับมาตั้งแต่เมื่อใด?”
“ข้าพึ่งกลับมา”
“จะไปเมื่อใด?”
“พรุ่งนี้”
จงซู่เกินได้ยินคำถามของนาง ภายในใจพลันรู้สึกสลับซับซ้อน
นี่คือทั้งหมดที่นางต้องการถามหรือ?
นางไม่สงสัยหรือว่าเหตุใดช่วงที่ผ่านมาเขาถึงได้หายไป?
นางรู้หรือไม่ว่าวันคืนที่ผ่านมาเขาผ่านอะไรมาบ้าง? เรื่องราวในเรื่องเล่า เขาได้ประสบพบเจอมาเกือบทั้งหมดแล้ว หากเขาไม่ได้โชคดีพอจึงได้พบกับลู่ฉาวจิ่ง เขาคงกลายเป็นศพไปนานแล้ว
“เจ้าเป็นขุนนางหรือ?” หยางชิงซือเอ่ยถาม
จงซู่เกินเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่ายหัวเบา ๆ
หยางชิงซือจ้องมองจงซู่เกิน “เป็นทหารลำบากมากกระมัง? เจ้าผ่ายผอมลงไปไม่น้อย”
ดวงตาของจงซู่เกินแดงก่ำ
เขาก้มหน้าลง ไม่กล้าสบตาหยางชิงซือ
“ถึงแม้จะไม่ได้เป็นขุนนาง แต่เมื่อดูจากที่เจ้ายืนหยัดเพื่อข้าเมื่อครู่ หากว่าเจ้าจริงใจอีกสักหน่อยก็ไม่ใช่ว่าไม่อาจไปที่บ้านข้าเพื่อสู่ขอแต่งงาน พ่อแม่ข้าจะสร้างความลำบากให้เจ้าอย่างแน่นอน เมื่อครู่นี้เจ้าก็เห็นแล้ว เพียงแต่ ข้าจะสนับสนุนเจ้า ถึงแม้พวกเขาจะไม่เห็นด้วย การแต่งงานนี้ข้าก็ยินดี อย่างไรเสียข้าก็จะแต่งงานกับผู้ที่ข้าอยากแต่งด้วยเท่านั้น…”
“ชิงซือ ข้า… แต่งกับเจ้าไม่ได้” จงซู่เกินกำฝ่ามือแน่น
ตอนนี้เขาตกอยู่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ ไม่รู้ว่าจะมีชีวิตอยู่ได้กี่วัน! แม้ว่าลู่ฉาวจิ่งจะให้ตนเชื่อเขา ทว่าสิ่งที่พวกเขากำลังทำตอนนี้เป็นเรื่องที่ราชสำนักไม่อาจทนได้ นั่นเป็นเพียงการร่อนเร่บนเส้นทางแห่งความเป็นความตาย เขาไม่กล้ารับปากกับหยางชิงซือ ด้วยกลัวว่าจะนำพาหายนะและความมืดมนมาสู่นาง
“เจ้าว่าอะไรนะ?”
“ข้า… แต่งกับเจ้าไม่ได้”
“เพราะเหตุใด?”
“ตอนนี้ข้ายังไม่ใช่ขุนนาง”
“ข้าไม่รังเกียจ”
“อย่างไรข้าก็ไม่แต่งกับเจ้า” จงซู่เกินเอ่ย “หากเจ้ายินดี รอข้าอีกสักระยะหนึ่งเถอะ”
หยางชิงซือยกมือเท้าสะเอว มองเขาด้วยสายตาเย่อหยิ่ง “เจ้าจะขอแต่งงานตอนนี้ หรือจะไม่ขออีกเลย เจ้าตอนนี้รับราชการเป็นทหารแล้ว หนึ่งปี ครึ่งปีจะได้กลับมาสักกี่ครั้ง? คราวนี้กลับมาแล้ว คราวหน้าไม่รู้ว่าต้องรออีกนานเพียงใด ข้าหยางชิงซือ อายุสิบแปดปีแล้ว หากข้ายังไม่แต่งงาน ผู้อื่นคงหัวเราะเยาะข้าว่าเป็นสาวเทื้อ เจ้ายังจะให้ข้ารออีกสักกี่ปี? จงซู่เกิน ข้าขอถามเจ้าสักคำ เจ้าจะแต่งหรือไม่แต่ง?”
“ชิงซือ เจ้าอย่าบังคับข้าดีหรือไม่? ข้ามีเหตุผลจริง ๆ ว่าเหตุใดจึงแต่งงานไม่ได้”
“เช่นนั้นเจ้าก็บอกเหตุผลมาสิ”
“ข้าต้องการทำบางอย่างให้ลุล่วง จากนั้นถึงจะได้แต่งกับเจ้าอย่างสง่าผ่าเผย”
หลังจากได้ยินเหตุผลนี้ หยางชิงซือก็กลอกตามองเขา
“บัณฑิตอยากสอบขุนนางได้รับลาภยศชื่อเสียง ไม่ผ่านการเล่าเรียนเป็นสิบ ๆ ปีนั้นเป็นไปไม่ได้ ทหารผู้หนึ่งอยากจะสร้างผลงานโดดเด่น หากปราศจากการทำงานหนักหลายปีย่อมเป็นไปไม่ได้ ตอนนี้ไม่มีสงครามยิ่งยากขึ้นไปอีก เจ้าบอกว่าเจ้าจะทำบางอย่างให้สำเร็จ เกรงว่าจะจงใจหาข้ออ้างไม่แต่งกับข้ากระมัง? เรื่องเมื่อครู่เจ้าก็เห็นแล้ว ข้ารับรองได้ว่านี่จะไม่ใช่ครั้งสุดท้าย ภายหน้าข้ายังจะกลายเป็นเงื่อนไขต่อรองให้บิดามารดา จู๋จือหาสามีได้ เหตุใดข้าจะหาไม่ได้? เจ้าจะแต่งหรือไม่แต่ง? พรุ่งนี้เจ้าจะไปแล้วใช่หรือไม่? เช่นนั้นพรุ่งนี้ก็เป็นวันสุดท้าย หากเจ้าไม่แต่งก็ลืมมันเสียเถิด แต่หากจะแต่งก็มาสู่ขอข้า!”
หยางชิงซือหมุนกายเดินจากไปแล้ว