สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1152 ตอนพิเศษ (48/1)
บทที่ 1152 ตอนพิเศษ (48/1)
จงซู่เกินมองเงาร่างหยางชิงซือเดินจากไป
เขาขยุ้มผมอย่างหงุดหงิด
ตอนนี้จะทำอย่างไรดี?
แน่นอนว่าเขาอยากแต่ง!
เพียงแต่ ตอนนี้เขาอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก เดิมทีก็ไม่รู้ว่าอนาคตจะเป็นอย่างไร
ลู่เจ๋อ!
ใช่! ต้องไปถามลู่เจ๋อ
อีกฝ่ายมักจะมีวิธีอยู่เสมอ ในยามนี้มีเพียงเขาที่ช่วยได้แล้ว
จงซู่เกินกลับไปที่บ้านเพื่อใช้เกวียนบึ่งกลับไปที่ ‘ค่ายทหาร’ อย่างใจจดใจจ่อ
“ลู่เจ๋อ… นายร้อยลู่…” จงซู่เกินสอดส่ายสายตามองหาลู่เจ๋อ
ตอนที่เขาพบอีกฝ่าย ลู่เจ๋อกำลังอาบน้ำอยู่ในแม่น้ำ
ที่ค่ายเต็มไปด้วยสิ่งสกปรก ถึงแม้ลู่เจ๋อจะอยาก ‘เข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตาม’ ก็ไม่สามารถปล่อยให้ตนเองหมักหมมเหงื่อไคลต่อไปได้ แน่นอนว่าการดูแลตนเองนี้ย่อมเป็นไปตามความเหมาะสม
“ร้อนรนถึงเพียงนี้ เกิดอะไรขึ้นหรือ?” ชายหนุ่มขึ้นมาจากน้ำ
“เกิดเรื่องแล้ว”
“เจ้าไม่ได้กลับบ้านหรือ? หรือว่าเกิดอะไรขึ้นที่บ้าน? จิ่วเอ๋อร์นาง…”
“ฮูหยินของเจ้าสบายดี เป็นทางข้าที่เกิดเรื่องแล้ว”
จงซู่เกินเล่าเหตุการณ์ให้ฟังคร่าว ๆ
“เจ้าว่าตอนนี้จะทำอย่างไรดี? ข้าจะกล้าแต่งกับชิงซือได้อย่างไร? หากเกิดอะไรผิดพลาด นั่นไม่เท่ากับเป็นการทำร้ายนางหรือ? ตอนนี้ข้าก็เป็นเช่นนี้…”
“แต่งเสียเถอะ!” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เจ้าเพียงแค่แต่งก็สิ้นเรื่องแล้ว ข้าไม่มีทางปล่อยให้เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า”
“พูดเสียน่าฟัง ตอนนี้สถานการณ์ของเราเป็นอย่างไรเจ้าไม่รู้หรือ? ตั้งแต่แรกข้าก็ไม่กล้าเล่าความจริง ไม่เช่นนั้นคงอยู่ที่หมู่บ้านต่อไม่ได้แล้ว”
“เจ้าเพียงแค่แต่งกับแม่นางหยาง ข้าไม่ปล่อยให้เกิดเรื่องกับเจ้าอย่างแน่นอน ส่วนเรื่องอื่น ภายหน้าย่อมมีวิธีจัดการ เจ้าเพียงแค่ต้องติดตามข้า ทำตามที่ข้าบอกก็พอ”
“คนเหล่านั้นที่ถูกจับกลับมา ตอนนี้เกลียดพวกเราเข้ากระดูกดำ” จงซู่เกินนึกถึงคนที่ถูกจับกลับมา
เดิมทีเป็นจงซู่เกินที่ช่วยพวกเขาหลบหนี พวกเขาควรจะซาบซึ้งในน้ำใจ ทว่าบัดนี้ลู่ฉาวจิ่งจับคนเหล่านั้นกลับมาอีกครั้ง บุญคุณแต่เดิมหมดสิ้นลงแล้ว ตอนนี้จึงกลายมาเป็นศัตรูกัน
จงซู่เกินสามารถเข้าใจพวกเขาได้
หากไม่หลบหนี พวกเขาจะได้รับการปฏิบัติไม่แตกต่างจากผู้อื่น แม้ว่าจะถูกทุบตีก็ยังเป็นอะไรที่เคยชิน บัดนี้ทุกสิ่งเปลี่ยนไปแล้ว หลังจากหลบหนีไปได้ครั้งหนึ่ง ข้อเท้าของพวกเขาถูกล่ามโซ่ไว้ ได้กินอาหารที่แย่ที่สุด หากหยุดพักแม้เป็นเพียงระยะเวลาสั้น ๆ ก็จะถูกทุบตี
จงซู่เกินไม่เพียงแต่ไม่ถูกลงโทษ แต่ยังกลายเป็นเจ้าหน้าที่ทางการมาเป็นคนควบคุมดูแลพวกเขา
ทุก ๆ วันเมื่อเห็นจงซู่เกิน พวกเขาจะมีสีหน้าดี ๆ ได้อย่างไร? นับประสาอะไรกับสีหน้าดี ๆ หากพวกเขาลุกขึ้นต่อต้านได้ คงพุ่งเข้ามาทุบตีฉีกทึ้งจงซู่เกินเป็นชิ้น ๆ นานแล้ว
“นี่เพียงชั่วคราวเท่านั้น”
“เจ้ามีแผนอะไรใช่หรือไม่?”
“ตอนนี้กำลังพูดเรื่องเจ้าจะไปแต่งภรรยาไม่ใช่หรือ? เจ้ายังอยากแต่งอยู่หรือไม่?”
“อยาก เพียงแต่…”
“ไม่มีเพียงแต่อะไรทั้งสิ้น เจ้าลองใคร่ครวญดูเถอะ หากเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้นอีก อีกทั้งเจ้ายังอยู่ไกลบ้าน หากแม่นางหยางแต่งงานแล้วจริง ๆ เจ้าจะเสียใจภายหลังหรือไม่?”
“เสียใจ”
“คำตอบก็มีแล้ว เช่นนั้นก็เหลือเพียงสู่ขอ” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “เท่าที่ข้ารู้ ครอบครัวพวกเจ้าสองคนทะเลาะกันเสียจนเข้าหน้าไม่ติด หากเจ้าจะไปสู่ขอแต่งงาน ไม่ต้องกล่าวถึงว่าครอบครัวแม่นางหยางจะเห็นด้วยหรือไม่ เกรงว่าคงไม่ผ่านด่านมารดาเจ้าไป เพราะมารดาเจ้าไม่พอใจลูกสะใภ้ผู้นี้ยิ่งนัก”
“นั่นก็ถูก” จงซู่เกินเกาหัวแกรก ๆ ด้วยความฉุนเฉียว
“บางที…” ลู่ฉาวจิ่งกวักมือเรียกจงซู่เกิน “ข้าพอมีวิธีหนึ่ง หากเจ้าคิดว่ายอมรับได้ก็ลองดู หากว่าไม่…”
“เจ้าลองว่ามา” จงซู่เกินเอ่ย
ลู่ฉาวจิ่งกวักมือเรียกเขาให้เข้ามาหา
จงซู่เกินโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ ฟัง ‘วิธีการ’ ของลู่ฉาวจิ่ง
ลู่ฉาวจิ่งยิ่งพูดมากขึ้นเพียงใด สีหน้าของจงซู่เกินก็พิลึกพิลั่นมากขึ้นเพียงนั้น
รอลู่ฉาวจิ่งพูดจบ เขาก็แสดงสีหน้าแปลก ๆ ออกมา
“นี่มันไม่… ไม่ดีเกินไปกระมัง?”
“เช่นนั้นเจ้ามีวิธีอื่นหรือ?”
“ไม่มี”
“วิธีนี้เป็นวิธีที่เร็วที่สุด เจ้าลองคิดดูเอาเถอะ” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “ส่วนสกุลหยางทางนั้น อันที่จริงจัดการง่ายมาก สกุลหยางขาดเงินไม่ใช่หรือ? ขอเพียงสินสอดทองหมั้นเจ้ามากพอ สกุลหยางจะเห็นด้วยกับงานแต่งนี้อย่างแน่นอน”
“ข้าจะลองคิดดู”
“ได้ เช่นนั้นเจ้าค่อย ๆ คิดไป” ลู่ฉาวจิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้า “ข้ามีเรื่องอื่นต้องจัดการ ขอตัวก่อนละ”
หยางชิงซือหยิบขวานขึ้นมาผ่าฟืน
หยางชวนที่อยู่ข้าง ๆ ละล้าละลังที่จะกล่าวบางอย่าง
พี่สะใภ้หยางเดินอุ้มลูกออกมา เมื่อเห็นการเคลื่อนไหวของหยางชิงซือก็เอ่ยกับหยางชวน “เหตุใดให้ชิงซือผ่าฟืนเล่า? นี่เป็นงานที่เด็กผู้หญิงควรทำหรือ? นางเป็นแม่นางน้อยผู้หนึ่งที่ยังไม่ออกเรือน หากมือหยาบมือด้านขึ้นมาจะทำอย่างไร?”
“ข้าก็อยากผ่าแต่นางไม่ยอมน่ะสิ!” หยางชวนกล่าวอย่างเป็นกังวล “นางมีเรื่องในใจใช่หรือไม่? เจ้าดูนางสิ ราวกับมีผู้ใดทำให้นางไม่มีความสุขแล้ว”
“ท่านพ่อท่านแม่ทำเรื่องเช่นนั้น นางเกือบจะถูกขายออกไป แล้วจะมีความสุขได้อย่างไร? จากที่ข้าดู อารมณ์ในตอนนี้ของนางไม่แปลก ช่างเถิด วันนี้ก็ปล่อยให้นางได้คลายความโกรธเสียบ้าง”
หลิวจิ่วจู๋เดินเข้ามาพร้อมกับเต้าหู้ “ข้าซื้อเต้าหู้มา คืนนี้พวกเรามาทอดเต้าหู้ทานกันเถิด!”
“จู๋จือ ทำให้เจ้าต้องสิ้นเปลืองเงินอีกแล้ว” พี่สะใภ้หยางกล่าว
“เต้าหู้สองชิ้นเพียงไม่กี่สตางค์” หลิวจิ่วจู๋หันไปมองหยางชิงซือ เมื่อเห็นว่านางอารมณ์ไม่ดีนักจึงเอ่ยถามพี่สะใภ้หยาง “นางเป็นอย่างนี้ตลอดเลยหรือ?”
“ใช่ พวกเราอยากให้นางระบายความโกรธเสียบ้าง ดีกว่าเก็บไว้ข้างใน”
“พี่ซู่เกินเล่า?”
“ไม่เห็นคนแล้ว!” พี่สะใภ้หยางเอ่ย “เจ้าคิดว่าการที่นางไม่มีความสุขเกี่ยวข้องกับจงซู่เกินหรือ?”
“พี่ซู่เกินกลับมาแล้ว ด้วยความสัมพันธ์ระหว่างชิงซือกับเขา ควรได้พูดจากันสองสามคำ ท่านก็รู้นิสัยของชิงซือ เรื่องที่ป้าซ่งกับลุงหยางทำคงไม่ถึงกับทำให้นางโมโหถึงเพียงนี้”
“เช่นนั้นข้าจะไปดูหน่อย” หยางชวนกล่าว “นังหนูคนนี้เข้มแข็ง ได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจก็เก็บไว้เพียงในใจ ข้าจะไปถามจงซู่เกินว่าเขาคิดอย่างไรกับน้องสาวของข้า”
“ข้าไม่ให้ไป!” หยางชิงซือวางขวานในมือลง “ถึงอย่างไรก็เพียงแค่วันนี้วันเดียวเท่านั้น เขายินดีแต่งหรือไม่พรุ่งนี้ก็รู้แล้ว หากครั้งนี้เขาถอนตัว เช่นนั้นข้าก็จะไม่รอ ข้าหยางชิงซือใช่ว่าจะขายไม่ออก เหตุใดต้องรอบุรุษผู้หนึ่งที่ไม่กล้าต่อสู้เพื่อสตรีที่พึงใจเล่า?”
“นังหนูคนนี้ช่าง…” หยางชวนส่ายหน้า “บางครั้งหากเจ้าแน่วแน่มากเกินไป บุรุษก็อาจรู้สึกกดดันได้”
“เหลวไหล” พี่สะใภ้หยางทนฟังไม่ไหวจึงกล่าวกับหยางชวน “ชิงซือเป็นแม่นางที่เฉลียวฉลาด รู้ว่าตนต้องการสิ่งใด บัดนี้พบเจอปัญหายากแก้ไข หากจงซู่เกินกล้าถอย เช่นนั้นภายหน้าหากพบเจอปัญหาที่ยุ่งยากยิ่งกว่านี้จะทำอย่างไร? พวกเรามองหาความจริงใจที่จงซู่เกินที่มีต่อชิงซือ หากแม้กระทั่งความจริงใจนี้ยังไม่มี เช่นนั้นก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลาอีกต่อไป”
หยางชิงซือกล่าว “ยังเป็นพี่สะใภ้ที่เข้าใจข้า”
พี่สะใภ้หยางเลิกคิ้วมองหยางชวน
หยางชวนจนปัญญา “ใช่! พวกเจ้าเป็นพี่น้องแท้ ๆ กัน ส่วนข้าเป็นคนนอก”
พี่สะใภ้หยางอุ้มเด็กในอ้อมแขน “ชิงซือ เจ้ามาดูอิงฮวาเร็ว ดูเหมือนนางจะพ่นนมออกมาแล้ว”
หยางชิงซือรีบเข้าไปหาทันที
“รอประเดี๋ยว ขอข้าล้างมือก่อน!”