สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1157 ตอนพิเศษ (51)
บทที่ 1157 ตอนพิเศษ (51)
“ได้ขอรับ” จงซู่เกินตกปากรับคำแล้ว
หยางชิงซือถลึงตาจ้องเขา
สิบตำลึงเงิน!
เจ้าโง่คนนี้ เหตุใดต้องตกลงด้วยเล่า?
นางรับรองได้ว่า แม้จะไม่ให้แม้แต่เหรียญทองแดงเดียว พ่อแม่คนดีของนางก็จะรับการแต่งงานนี้ ท้ายที่สุดแล้วชื่อเสียงของนางตอนนี้ย่ำแย่ยิ่ง หากพลาดการแต่งงานนี้ไป นางอาจจะไม่ได้แต่งงานแล้ว
จงซู่เกินเพียงแค่เห็นท่าทีของหยางชิงซือก็รู้ว่านางโกรธแล้ว
เขากล่าว “สิบตำลึงเงินนี้ถือเสียว่าเป็นการทดแทนบุญคุณที่พวกเขาเลี้ยงดูเจ้ามา”
ก่อนจะขอแต่งงาน เขาได้คำนึงถึงผลลัพธ์ในรูปแบบต่าง ๆ ไว้แล้ว สินสอดสิบตำลึงเงินก็นับว่าประหยัดไปได้ไม่น้อย จำต้องรู้ว่าเขาพึ่งเอ่ยปากว่าจะให้หกสิบตำลึงเงินในคราวเดียว นั่นหมายความว่าเขาเตรียมตัวเตรียมใจที่จะถูกเอารัดเอาเปรียบแล้ว
จงซู่เกินมองป้าจง “ท่านแม่ ก่อนหน้าพวกเราตกลงกันอย่างไร?”
“ได้ ๆ ๆ สิบตำลึงเงินก็สิบตำลึงเงิน” ป้าจงกล่าวแล้วนำสิบตำลึงเงินออกมาจากแขนเสื้อส่งให้ “รับไปสิ คนมากมายเพียงนี้ ทุกคนล้วนกำลังมองอยู่ อย่าได้คิดจะกลับคำเล่า!”
แววตาของจงซู่เกินเปี่ยมไปด้วยความยินดี
“ชิงซือ…”
หยางชิงซือหันกลับไปมองเขา “เจ้าคิดจะแต่งงานเมื่อใด?”
“สามวันให้หลัง”
“สามวันหรือ?” ซ่งซื่อกล่าว “จะทันที่ใดกัน?”
“ยังทัน” จงซู่เกินเอ่ย “ข้าจะจัดเตรียมงานเป็นอย่างดี พวกท่านเพียงแค่ต้องดูแลชิงซือให้ดีก็พอ”
ตอนนี้เขาตัดสินใจแล้ว เขาควรแต่งงานโดยเร็วที่สุด เขาไม่อยากปล่อยให้เวลาผ่านไป ยิ่งช้าอุปสรรคยิ่งมากขึ้น
สามวันนั้นเร่งรีบไปบ้าง ทว่าขอเพียงเต็มใจจ่ายเงิน คนทั้งหมู่บ้านย่อมมาช่วยได้
วันแต่งงานกำหนดแล้ว จงซู่เกินวุ่นอยู่กับการตระเตรียมงานแต่ง
อย่างแรกคือเรือนหอ
จงซู่เกินใช้เงินห้าตำลึงซื้อบ้านหลังหนึ่งในหมู่บ้านที่ยังไม่ได้ใช้งาน อยู่ห่างจากบ้านป้าจงเล็กน้อย หลังหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันออกของหมู่บ้าน อีกหลังหนึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของหมู่บ้าน เห็นได้ชัดว่านี่เป็นการจงใจ
แน่นอนว่าป้าจงไม่ต้องการให้ลูกชายคนรองต้นไม้เขย่าเงินต้นนี้หลุดจากการควบคุมของตน ทว่าสถานการณ์ในตอนนี้ไม่เป็นอย่างใจนางอีกต่อไป
ยังมีหยางชิงซือ นังเด็กเหม็นโฉ่ผู้นั้นหยิ่งผยองเสียเหลือเกิน หากไม่ใช่เพราะ ‘คนรัก’ คนใหม่ของจงซู่เกินเกินจะรับได้ นางคงไม่ยอมรับเด็กถือดีอย่างหยางชิงซือมาเป็นลูกสะใภ้
สามวันให้หลัง จงซู่เกินลากเกวียนไปรับหยางชิงซือ
เขาสวมชุดแต่งงานสีแดง บนร่างกายประดับดอกไม้แดง นอกจากนี้ยังจ้างขบวนรับตัวเจ้าสาวมาบรรเลงเพลง ครึกครื้นมีชีวิตชีวาเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนในหมู่บ้านต่างก็ไปร่วมครื้นเครง
การรับเจ้าสาวในหมู่บ้านนั้นเรียบง่ายมาก น้อยคนนักที่จะสวมชุดแต่งงานสีแดงอย่างจงซู่เกิน นับประสาอะไรกับจะจ้างขบวนรับเจ้าสาวมา
สกุลหยางทางนั้นเตรียมพร้อมแล้ว
หยางชิงซือกำลังรอจงซู่เกินอยู่ในห้องหอ
นางสวมชุดแต่งงาน สวมผ้าคลุมหน้าเจ้าสาว ชุดแต่งงานไม่เพียงใหม่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเท่านั้น แต่รองเท้าที่นางสวมใส่ยังเป็นรองเท้าใหม่ แถมที่ข้อมือยังสวมกำไลเงินวงหนึ่งด้วย
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นจงซู่เกินซื้อมา พ่อแม่สกุลหยางไม่อาจตัดใจควักเงินซื้อของเหล่านี้ให้กับหยางชิงซือได้
“ยินดีด้วย พ่อชิงซือ แม่ชิงซือ…” เจ้าพิธีกล่าวคำพูดเสนาะหู
แน่นอนว่าเจ้าพิธีผู้นี้หาจากในหมู่บ้านเพื่อทำหน้าที่นี้ชั่วคราว อย่างไรก็ตาม ท่านป้าผู้นี้เป็นคนพูดจาไพเราะ ปกติก็ใจดีกับผู้อื่นเสมอ เป็นคนดีที่หาได้ยาก มีนางมาเป็นเจ้าพิธี นั่นเป็นเรื่องที่สมควรยิ่ง
หยางฟู่และซ่งซื่อไม่ได้หาเรื่องใส่ตัวในยามนี้
ไม่ว่าพวกเขาจะมีแผนการอะไร งานแต่งงานวันนี้ก็จะต้องจัดการให้เหมาะสม ท้ายที่สุดแล้วเมื่อลูกสาวแต่งออกไป พวกเขาก็จะมีลูกเขยเพิ่มขึ้นมาอีกคน ลูกเขยผู้นี้หาเงินได้ แน่นอนว่าจะต้องสนับสนุนเป็นอย่างดี
หยางชวนนั่งลงพูดคุยกับหยางชิงซือ “น้องสาวออกเรือนแล้ว ควรเป็นพี่ชายที่แบกเจ้าออกไป”
หยางชิงซือขึ้นไปบนหลังหยางชวน
พี่สะใภ้หยางที่อุ้มอิงฮวาไว้มองดูพลางน้ำตาไหล
หลิวจิ่วจู๋ก็เต็มไปด้วยอารมณ์มากมายเช่นกัน
นางยังไม่มีแม้กระทั่งงานแต่งเลยนะ!
นางก็เป็นเด็กสาว ในช่วงวัยที่รุ่งโรจน์ที่สุดย่อมใฝ่ฝันที่จะแต่งให้ผู้ที่นางพึงใจอย่างครึกครื้นรื่นเริง ทว่าเพื่อแก้ไขปัญหา นางซื้อสามีแต่งเข้าผู้หนึ่งมาและข้ามพิธีแต่งงานไป
เมื่อก่อนไม่คิดอะไร ทว่าตอนนี้ได้เห็นงานแต่งงานของหยางชิงซือกับจงซู่เกิน หญิงสาวจึงรู้สึกว่ามีบางอย่างขาดหาย
หลังจากหยางชวนแบกหยางชิงซือออกไปแล้ว จงซู่เกินก็รับช่วงต่อ
เขาอุ้มหยางชิงซือขึ้นเกวียน
อันที่จริงการเช่ารถม้านั้นไม่ได้แพงอะไร ทว่าหยางชิงซือไม่อนุญาตให้เขาทำเรื่องฟุ่มเฟือย ไม่คุ้มค่า
เดิมทีเรือนหออยู่ห่างจากที่นี่เพียงครึ่งหมู่บ้าน หากเช่ารถม้าเพื่องานแต่ง ยังไม่สู้เก็บเงินนี้ไว้ซื้อข้าวซื้อบะหมี่ตุนไว้ที่บ้าน
เสียงดนตรีบรรเลงอย่างครื้นเครง เจ้าบ่าวพาเจ้าสาวเข้าไปยังเรือนหอด้วยเกวียน
หยางชิงซือฟังเสียงจากข้างนอกแล้วรู้สึกราวกับนี่เป็นความฝันอย่างไรอย่างนั้น
นางคิดว่าสกุลจงคงไม่ยอมรับตนเป็นลูกสะใภ้อย่างง่ายดาย ถึงขั้นเตรียมพร้อมจะแยกทางกับจงซู่เกิน นึกไม่ถึงว่าสกุลจงไม่เพียงแต่ยอมรับเท่านั้น แต่ยังยอมรับรวดเร็วถึงเพียงนี้
อย่างไรก็ตาม เมื่อคิดถึงท่าไม้ตายที่มีพลังทำลายล้างของจงซู่เกิน นางก็รู้สึกว่านางประเมินสมองของเขาต่ำไป
คนทั้งหมู่บ้านล้วนมาร่วมงาน
จงซู่เกินเชิญคนในหมู่บ้านมาช่วยตกแต่งเรือนหอในช่วงไม่กี่วันที่ผ่านมา งานแต่งที่มีชีวิตชีวานี้จัดขึ้นตามกำหนดโดยมีทุกคนเป็นประจักษ์พยาน
เดิมทีบ้านหลังนี้เก่าเล็กน้อย บุรุษในหมู่บ้านจึงรับเงินจากจงซู่เกินมาปรับปรุงที่นี่ทั้งภายในและภายนอก พวกเขารู้สึกว่าเพียงปรับปรุงบ้านนั้นไม่พอ พวกเขาไม่เพียงแต่สร้างรั้วล้อมรอบบ้านให้แต่ยังหักร้างถางพงด้านหลังบ้านให้จงซู่เกินกับหยางชิงซือได้มีพื้นที่สำหรับปลูกผักอีกด้วย
โต๊ะหลายสิบโต๊ะจัดวางอยู่กลางลานบ้าน โต๊ะและเก้าอี้เหล่านี้ล้วนแต่ยืมมาจากชาวบ้าน
สตรีในหมู่บ้านช่วยกันทำอาหาร
ป้าจงและหลินซื่อคิดว่ามันฟุ่มเฟือยและสิ้นเปลืองเกินไป โดยเฉพาะหลินซื่อ นางเริ่มรังเกียจการกระทำของน้องชายสามีมากขึ้นเรื่อย ๆ จึงลากป้าจงมาหาแล้วกล่าว “ท่านแม่ ซู่เกินคิดจะแยกบ้านกับพวกเรา!”
“เจ้าพูดจาไร้สาระอะไร?” ป้าจงกล่าว “หากไม่ได้รับความยินยอมจากข้า คิดจะแยกบ้านหรือ? ฝันไปเถอะ!”
“ซู่เกินแต่งกับหยางชิงซือ นับแต่นี้เรื่องในบ้านไม่ใช่ให้หยางชิงซือตัดสินใจหรือ? ท่านแม่ พวกเราถูกหลอกแล้วใช่หรือไม่? เขาดูเหมือนไม่ได้พึงใจบุรุษเลย เพื่อจะแต่งกับหยางชิงซือ เขาจึงแสดงละครให้เราเห็น”
ป้าจงขมวดคิ้ว
ก่อนหน้านี้นางเองก็เคยนึกสงสัย เพียงแต่นางยินดีเชื่อว่าเรื่องนี้เป็นความจริงมากกว่าความเท็จ ไม่เช่นนั้นหากได้บุรุษผู้หนึ่งมาเป็นสะใภ้จริง ๆ ใบหน้าแก่ ๆ ของนางจะไม่เสียหายยับเยินหรือ
“พอได้แล้ว เรื่องนี้ไม่ต้องเอ่ยถึง วันนี้ผู้ใดก็อย่าได้สร้างเรื่อง จัดการเรื่องแต่งงานให้เสร็จเสียก่อน เรื่องภายหน้าค่อยว่ากัน ถึงอย่างไรหากข้าไม่ยินยอม ผู้ใดก็อย่าได้คิดจะแยกบ้าน เงินของลูกรองก็ต้องมอบให้ข้า ข้ายังไม่ตาย บ้านนี้ยังไม่ถึงคราวให้คนหนุ่มสาวตัดสินใจ!”
หลินซื่อเบ้ริมฝีปากพลางกล่าวพึมพำอย่างไม่เชื่อ “ท่านก็มีอำนาจเพียงต่อหน้าข้า หยางชิงซือนังเด็กเหม็นโฉ่ผู้นั้นจองหองจะตาย ข้าจะคอยดูสิว่าท่านจะแสดงอำนาจของท่านต่อหน้านางอย่างไร”
“เจ้าว่าอะไร?”
“ไม่มีอะไร ท่านแม่ เรามีถ้วยกับตะเกียบไม่พอ ข้าจะไปยืมถ้วยกับตะเกียบ” หลินซื่อกล่าว “ซู่เกินก็จริง ๆ เลย ชาวบ้านให้เงินเพียงสิบอีแปะก็มาดื่มสุรามงคลได้ งานแต่งงานครั้งนี้ขาดทุนใหญ่หลวงยิ่งนัก!”