สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 116 นางไม่ได้หึงหวง
บทที่ 116 นางไม่ได้หึงหวง
บทที่ 116 นางไม่ได้หึงหวง
เนื่องจากเป็นร้านเป็ดย่างเจ้าเดียวของที่นี่ กิจการของร้านแห่งนี้จะต้องรุ่งเรืองมากแน่
มู่ต้าหนิวสวมเสื้อผ้าที่เต็มไปด้วยรอยเปื้อน ดูไม่ดีนักเมื่อเทียบกับลูกค้ามากมายที่แต่งกายอย่างงดงามมาทานอาหารที่ร้านนี้ นั่นเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกไม่สบายใจ เขาเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย เชื่องช้าราวกับมีตะปูงอกอยู่ใต้บั้นท้าย
“เป็ดย่างมาแล้ว” บริกรนำเป็ดย่างมามอบให้พวกเขา “เชิญท่านรับประทานให้อร่อย”
“ต้าหนิว ลองชิมดูเถิด” มู่ซืออวี่กล่าวกับมู่ต้าหนิว
มู่ต้าหนิวเผยรอยยิ้ม “ขอบคุณมาก วันนี้ถือเป็นโชคดีของข้าแล้ว นับตั้งแต่เติบโตมา ข้าไม่เคยไปร้านอาหาร ๆ เช่นนี้เลย”
“เจ้าจะได้ไปร้านอาหารที่ดีกว่านี้แน่ในอนาคต ต้าหนิวยังหนุ่มยังแน่น ต้องมั่นใจในตนเองไว้สิ”
มู่ซืออวี่กัดกินเป็ดย่างตรงหน้า รสชาติพอใช้ได้ ไม่ได้อร่อยหวือหวา แต่ก็ไม่ได้แย่เช่นเดียวกัน
นี่คือเป็ดย่างทั้งตัวที่ไม่ผ่านการหั่น อย่างไรก็ตาม แต่ละพื้นที่มีวิธีการกินที่แตกต่างกันออกไป จึงไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่ที่จะได้เห็นเป็ดย่างลักษณะเช่นนี้
ลู่อี้ฉีกขาเป็ดแล้วส่งให้มู่ซืออวี่
มู่ซืออวี่ไม่แม้แต่จะเงยหน้ามองเขา “ไม่เอา เจ้ากินเถอะ ข้าไม่ชอบกินขาเป็ด”
มู่ต้าหนิวจ้องมองพวกเขาทั้งสอง บรรยากาศในตอนนี้น่าขนลุกอย่างยิ่ง
เมื่อลู่อี้ได้รับการปฏิเสธจากนาง เขาจึงวางมันลงบนจานของมู่ต้าหนิว
“พี่อี้ กินเองเถิด!’ มู่ต้าหนิวปฏิเสธที่จะรับ
มู่ต้าหนิวเห็นลู่อี้จ้องมองมา เจ้าตัวก็หยิบขาเป็ดขึ้นแทะด้วยตนเองทันที
“หลังจากนี้เจ้าวางแผนอย่างไร?” ลู่อี้เอ่ยถาม
“คุณหนูหลี่จะเดินทางกลับมาในตอนบ่าย ข้าจะไปยังจวนของนาง ดูว่านางกลับมาแล้วหรือไม่” มู่ซืออวี่ตอบกลับอย่างใจเย็น
“ข้ามีธุระในตอนบ่าย ไม่อาจไปกับเจ้าได้”
“เจ้าไม่จำเป็นต้องมากับข้า ข้าจัดการทุกอย่างเองได้”
นางกินอย่างเชื่องช้า ตอบคำถามของเขาอย่างใจเย็น แม้ภายนอกจะดูปกติทุกประการ แต่ลู่อี้ก็รับรู้ได้ว่าในใจของนางราวกับจะระเบิดออกมา
เป็นเพราะหญิงเมื่อครู่ใช่หรือไม่?
“สำหรับเรื่องของหญิงผู้นั้น ข้าจะจัดการเอง” ลู่อี้หยิบเนื้อเป็ดมาให้นางอีกชิ้นหนึ่ง
มู่ซืออวี่หยิบชิ้นเนื้อนั้นเข้าปาก “อา”
นางไม่ได้โกรธอะไรมากมาย เพียงแต่รู้สึกไม่พอใจเล็กน้อย
นางไม่ได้รู้สึกหึงหวงใช่หรือไม่?
ไม่ไม่ไม่! นี่อาจเป็นความรู้สึกที่จิตใต้สำนึกสร้างขึ้นมาเอง เพราะท้ายที่สุดแล้วชายผู้นี้ยังคงเป็นสามีของนางและเป็นพ่อของลูกทั้งสองคน นางย่อมไม่ยินดีเมื่อเห็นหญิงอื่นจ้องมองมายังชายของตน
เมื่อคิดได้ดังนั้น นางจึงเงยหน้าขึ้นเผยรอยยิ้มให้เขา “หลังจากที่เสร็จสิ้นธุระในตอนบ่ายแล้วข้าจะมาหาเจ้า หากเจ้าทำธุระเสร็จทันเวลา เราก็เดินทางกลับด้วยกัน”
ลู่อี้ “…”
เมื่อครู่นางยังดูไม่มีความสุขอยู่เลยไม่ใช่หรือ? เหตุใดจึงกลับมาสดใสได้อย่างรวดเร็ว? จิตใจของหญิงผู้นี้ช่างซับซ้อนยิ่งนัก
เมื่อเห็นมู่ซืออวี่เผยใบหน้ายิ้มแย้ม มู่ต้าหนิวก็ถอนหายใจด้วยความโล่งอก บรรยากาศทุกอย่างพลันดำเนินไปตามปกติ
มู่ซืออวี่วางหัวเป็ดลงในชามของลู่อี้ “กินให้มาก เจ้าต้องทำงานหนัก ใช้สารอาหารเหล่านี้ชดเชยพละกำลังที่สูญเสียไปเถอะ”
“ขาเป็ดมีรสชาติดีไม่น้อย”
“ปีกเป็ดก็ค่อนข้างอร่อยเช่นเดียวกัน”
นางดึงเนื้อเป็ดชิ้นใหญ่ออกมาแล้ววางใส่จานของมู่ต้าหนิว “ต้าหนิวก็จงกินให้มาก วันนี้ข้ายังมีหลายสิ่งที่ต้องรบกวนเจ้า”
มู่ต้าหนิวจ้องมองเนื้อเป็ดในชามของลู่อี้ จากนั้นจึงหันกลับมาจ้องมองเนื้อเป็ดในชามของตน รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างผิดปกติ
ลู่อี้ทำอะไรไม่ถูก
อาจเป็นเพราะเขารู้สึกโกรธ ในใจจึงว้าวุ่นจนทำอะไรไม่ถูก!
หลังจากออกมาจากร้านเป็ดย่าง พวกเขาทั้งสองก็เดินทางไปส่งลู่อี้ หลังจากผู้เป็นสามีลงจากเกวียนวัว มู่ซืออวี่ก็เอ่ยขึ้นทันที “ต้าหนิว ไปกันเถิด!”
ลู่อี้ “…”
เมื่อเห็นว่าทั้งสองจากไป ทิ้งไว้เพียงรอยฝุ่น คิ้วของเขาก็พลันขมวดทันที
ดูเหมือนว่าเขาจะต้องจัดการขั้นเด็ดขาดกับเฉินชุนอวี่ เพื่อไม่ให้เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นอีก ไม่เช่นนั้นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างมู่ซืออวี่จะต้องเจ็บปวดทรมานใจเป็นแน่ และชีวิตเขาอาจจะต้องจบลงด้วย
“สะใภ้อวี่ ยังโกรธอยู่หรือไม่?” มู่ต้าหนิวเอ่ยถาม
“ไม่ ข้าจะโกรธได้อย่างไร ข้าเพียงแกล้งเขาเล่นก็เท่านั้น!” มู่ซืออวี่เผยรอยยิ้ม “วันนี้แดดออก ทุกอย่างสวยงามมาก ข้าจะไม่โกรธเพียงเพราะเรื่องหญิงม่ายหรอก!”
เมื่อมาถึงประตูจวนตระกูลหลี่ คนเฝ้าประตูก็พลันส่ายศีรษะทันที “คุณหนูหลี่ยังไม่กลับมา”
“เจ้าบอกว่านางจะกลับมาในตอนบ่ายไม่ใช่หรือ?” มู่ซืออวี่เอ่ยถามด้วยความงุนงง
“อาจเป็นเพราะมีเหตุจำเป็นบางอย่าง คุณหนูอาจไม่ได้กลับมาในวันนี้” คนเฝ้าประตูกล่าว “หากเจ้ามีธุระสำคัญก็มาพบคุณหนูใหม่ในวันพรุ่งนี้”
ขณะที่มู่ซืออวี่กำลังจะจากไป สาวใช้ผู้หนึ่งก็เดินออกมาจากด้านในพลางเอ่ยว่า “ท่านคือฮูหยินลู่ใช่หรือไม่?”
มู่ซืออวี่พยักหน้า “ใช่แล้ว เจ้าคือ…”
“ข้าคือสาวใช้ของคุณหนูหลี่ คุณหนูสั่งก่อนจากไปว่าหากฮูหยินลู่มีรูปหรือแบบที่จะให้คุณหนูเลือกชมก็จงฝากไว้ที่ข้า คุณหนูจะดูเมื่อกลับมา”
มู่ซืออวี่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงยื่นรูปให้อีกฝ่าย “เช่นนั้นข้าคงต้องรบกวนแม่นางด้วย”
“ยินดียิ่ง” สาวใช้พยักหน้าแล้วจากไปพร้อมภาพแบบในมือ
“เช่นนั้นเรากลับไปยังศาลาว่าการดีหรือไม่?” มู่ต้าหนิวเอ่ยถาม
“ไม่ ข้าอยากเดินทางไปดูสำนักศึกษาในเมือง” มู่ซืออวี่กล่าว “ฉาวอวี่กับน้องชายของข้ากำลังจะไปเรียนที่สำนักศึกษา ข้าต้องการหาข้อมูลเกี่ยวกับสำนักศึกษา ข้ารู้เพียงว่ามีสามแห่ง แต่ข้าอยากทราบถึงความแตกต่างด้วย”
“ฉาวอวี่กับหานเอ๋อร์จะต้องมีความสุขมากแน่” มู่ต้าหนิวกล่าว “หากข้ามากความสามารถอย่างพี่อี้และสะใภ้อวี่ ข้าคงดูแลเถี่ยโถวได้ดีกว่านี้”
มู่ต้าหนิวยังไม่ได้แต่งงาน ส่วนมู่เอ้อร์หนิวแต่งงานและมีภรรยาเป็นของตนเองแล้ว แต่หญิงผู้นั้นหลีกหนีความยากลำบาก หลังจากแต่งงานได้สองปี นางก็ให้กำเนิดเถี่ยโถว แต่ไม่นานนางก็หนีไปกับชายอื่น
สองพี่น้องตระกูลมู่เป็นผู้มีชื่อเสียงในหมู่บ้านและยังเป็นที่น่าเวทนาด้วย สองพี่น้องอาศัยอยู่กับหญิงชราตาบอดที่ไม่สามารถช่วยเหลือตัวเองได้ พวกเขาจึงต้องคอยดูแล
ชายยากจนสองคนที่อาศัยกับหญิงชราตาบอดด้วยความยากลำบากเช่นนี้ จะมีหญิงใดเต็มใจแต่งงานด้วย? แน่นอนว่าไม่มี ชีวิตของสองพี่น้องนั้นเต็มไปด้วยความตึงเครียด ครอบครัวจึงวุ่นวายอยู่เสมอ
“พวกเจ้าทั้งสองจะไม่ลำบากตลอดไปหรอก ทวยเทพย่อมอวยพรแก่ผู้ที่ทำงานหนัก” มู่ซืออวี่ปลอบโยน “ข้าคงขอความช่วยเหลือพวกเจ้าสองพี่น้องอยู่เสมอ เรื่องค่าตอบแทนเราต่อรองได้นะ”
“พวกเราสองพี่น้องจะรับใช้เจ้าอย่างดี” มู่ต้าหนิวกล่าวพลางหัวเราะ
เมื่อเปรียบเทียบสำนักศึกษาทั้งสามแห่ง มู่ซืออวี่ก็มีสำนักศึกษาที่เลือกไว้ในใจแล้ว นางวางแผนที่จะพูดคุยและปรึกษาเรื่องนี้หลังจากที่ลู่อี้กลับมา เพราะเขามีประสบการณ์ในด้านนี้มากกว่านาง
“ลู่อี้อยู่หรือไม่?” มู่ซืออวี่มาถึงศาลาว่าการแล้วก็เอ่ยถามเจ้าหน้าที่ตรงหน้า
“นายอำเภอพาเขาออกไปแล้ว” เจ้าหน้าที่คนนั้นตอบกลับ “ลู่อี้บอกว่า หากพบภรรยาของเขาให้แจ้งนางว่าวันนี้เขาจะกลับบ้านช้า”
“อ้อ” มู่ซืออวี่เผยรอยยิ้ม “ขอบคุณพี่ชายมาก”
นางกล่าวพลางยัดเงิน 2 อีแปะใส่มือเขา
เจ้าหน้าที่คนนั้นไม่ได้มีฐานะมากนัก เขาไม่คาดคิดว่าจะได้รับรางวัลตอบแทนที่ยิ่งใหญ่เช่นนี้ จึงเผยรอยยิ้มแห่งความขอบคุณทันที
มู่ต้าหนิวขับเกวียนวัวเดินทางกลับหมู่บ้าน
เขานำเกวียนวัวไปคืนพร้อมนำเหล้าชั้นดีไปมอบให้หัวหน้าหมู่บ้านตามเคย
“ต้าหนิว ไปเที่ยวเตร่ในเมืองหลวงกับครอบครัวของลู่อี้ตลอดทั้งวันแบบนี้ได้อะไรมาบ้าง?” ชาวบ้านผู้หนึ่งเอ่ยถาม “คงจะเป็นการดีกว่าหากเจ้าอยู่ที่บ้านทำไร่ทำนา ช่วยกิจการหมูตุ๋นของหมู่บ้านเรา”
“ได้ยินมาว่าน้องชายของข้าอยู่ที่บ้าน ต้องทำงานหนักไม่ใช่หรือ? พวกเจ้าใช้งานเขามากไปใช่หรือไม่?” มู่ต้าหนิวเอ่ยถามด้วยความไม่พอใจ
“อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ถึงสิ่งที่พวกเจ้าทำและวาจาที่พวกเจ้าเอ่ยเพื่อให้ร้ายผู้อื่น อย่าให้ข้าได้ยินถึงคำพูดให้ร้ายของพวกเจ้าที่มีต่อข้าและพี่อี้อีก ไม่เช่นนั้นข้าจะหักฟันของพวกเจ้าแน่ หากพี่อี้ได้ยิน พวกเจ้าก็เตรียมตัวนอนในคุกได้เลย พวกเจ้าคงไม่รู้ว่าพี่อี้โหดร้ายเพียงใด แม้แต่เสือยังต้องเกรงกลัวและพ่ายแพ้ให้กับหมัดของเขา พวกเจ้าคิดว่าตนเองแข็งแกร่งกว่าเสือหรือ?”
“พวกเราพูดอะไรหรือ? คิดว่าพวกเราเกรงกลัวหรือไง ไม่ว่าลู่อี้จะน่าทึ่งเพียงใด เขาก็เป็นแค่เสมียนนั่นแหละ!”