สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1160 ตอนพิเศษ (54/1)
บทที่ 1160 ตอนพิเศษ (54/1)
หลังจากจงซู่เกินแต่งงานเสร็จแล้ว เขาก็กลับมาหาลู่ฉาวจิ่งเพื่อออกเดินทางไปพร้อมกัน
ขณะที่ทั้งสองกำลังจะเดินทางออกจากเมือง หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือก็มาส่งที่หน้าประตูเมือง
หลิวจิ่วจู๋กับลู่ฉาวจิ่งพูดจากันเพียงไม่กี่คำ เมื่อมองย้อนกลับไปที่หยางชิงซือกับจงซู่เกิน ทั้งคู่กลับพูดคุยกันด้วยสีหน้าเขินอาย โดยเฉพาะสีหน้าเขินอายของหยางชิงซือที่แตกต่างจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง หลิวจิ่วจู๋พึมพำกับตนว่าแปลกจริงแล้วมองทั้งสองด้วยสายตาสงสัย
หยางชิงซือดึงมือจงซู่เกินมากล่าวกำชับสองสามประโยค นางจัดเสื้อผ้าให้เขาแล้วกล่าว “มีเสบียงอยู่ในห่อสัมภาระของเจ้า ข้าเพิ่งทำเมื่อเช้า หากเจ้ากินคนเดียวไม่หมดก็แบ่งให้สามีของจู๋จือกิน ระหว่างทางยังต้องให้เขาดูแลเจ้า พบเห็นอันตรายก็ไปซ่อนตัวอยู่ด้านหลัง อย่าได้ทะนงตน”
หลิวจิ่วจู๋มองลู่ฉาวจิ่ง “เจ้าก็ต้องปกป้องตนเองเช่นกัน หากพบเจออันตราย จำไว้ว่าให้พาพี่ซู่เกินไปซ่อนตัว อย่าได้เข้าไปเผชิญซึ่ง ๆ หน้า ชิงซือกับข้าจะรอพวกท่านกลับมาอยู่ที่นี่”
“ได้” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ย “หากมีเรื่องอะไรเจ้าเพียงแค่ไปหาพ่อบ้านจางก็พอ”
“เรื่องที่บ้านไม่ต้องให้ท่านกังวล” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “รอท่านกลับมา ข้ามีเรื่องจะเล่าให้ท่านฟัง”
“เรื่องอะไร?”
“ตอนนี้เป็นความลับ รอท่านกลับมาค่อยบอก หากบอกตอนนี้ก็จะไม่เรียกว่าความลับ เช่นนั้นท่านก็จะไม่รีบกลับมาน่ะสิ”
หยางชิงซือเฝ้ามองขบวนของพวกเขาจากไป
“จู๋จือ พวกเขาออกไปทำอะไรอยู่ข้างนอก เจ้ารู้หรือไม่?”
หลิวจิ่วจู๋ส่ายหน้า
หยางชิงซือกล่าวด้วยความโมโห “คนบ้านข้าผู้นี้ฐานะต่ำต้อย พูดจาไม่มีน้ำหนัก เดิมทีก็ไม่รู้ว่าจะไปทำอะไร คนบ้านเจ้ากลับไม่เหมือนกัน เหตุใดเจ้าไม่ลองถามสามีดูเล่า?”
“นั่นเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องจัดการ ถึงแม้พวกเราจะถามก็ช่วยอะไรไม่ได้ รังแต่จะเพิ่มภาระให้แทน สิ่งที่พวกเราต้องทำยามนี้คืออยู่ที่นี่รอให้พวกเขากลับมา” หลิวจิ่วจู๋ดึงมือสหายไป “เจ้าอยากอยู่กับข้าในเมืองจริง ๆ หรือ? เจ้าไม่อยากกลับไปที่ชนบทหรือ?”
“ข้าไม่อยากกลับไป” หยางชิงซือส่ายหัว “หากข้ากลับไปตอนนี้ก็รังแต่จะถูกแม่เขาทรมาน ยังไม่สู้ทำการค้าอยู่กับเจ้าในเมือง อยู่ไกลเพียงนี้ นางคงมาหาเรื่องข้าถึงที่นี่ไม่ได้กระมัง? อันที่จริงข้าไม่ได้กลัวมารดากับพี่สะใภ้ของสามี เพียงแต่ไม่อยากเสียเวลาทะเลาะตบตีกับพวกเขา เพราะมีแต่จะทำตนอารมณ์เสียไม่ได้เกิดประโยชน์อะไร”
“เช่นนั้นเจ้าก็อยู่กับข้าในเมืองรอพี่ซู่เกินกลับมา” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “พอดีสามีข้าจ้างพ่อบ้านคนใหม่มาผู้หนึ่ง พ่อบ้านผู้นั้นซื้อบ่าวรับใช้อีกสองสามคนมาทำความสะอาดเรือนแล้ว ตอนนี้คนมากขึ้น มีงานให้ทำน้อยลง แต่ข้าก็มักจะทำตัวไม่ถูก เจ้ามาอยู่ด้วยจะได้พูดคุยเป็นเพื่อนข้าพอดี”
“ข้านึกออกแล้ว!” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยขึ้น “ท่านย่าอายุหกสิบปียังไม่มีผมหงอกสักเส้น มีประสบการณ์ในการดูแลเส้นผมมากเสียจนเรียบเรียงเป็นหนังสือได้เล่มหนึ่ง พวกเราลองดูเถอะว่าจะทำผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมออกมาได้หรือไม่ เส้นผมกับผิวพรรณเป็นบิดามารดาที่ให้มา ทั้งบุรุษและสตรีล้วนต้องการดูแล ดังนั้นนี่เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้”
“ความคิดนี้ดีมาก เช่นนั้นพวกเรามาลองดูกันเถอะ!” หยางชิงซือกล่าว “พี่ใหญ่หวังจากหมู่บ้านข้าง ๆ ข้าเห็นว่าผมของเขาตอนอายุเพียงสามสิบห้าก็ขาวไปกว่าครึ่งแล้ว เห็นได้ชัดว่ามีปัญหากับเรื่องนี้เป็นอย่างมาก หากเจ้าคิดค้นของที่มีผลต่อการปรับสภาพเส้นผมขึ้นมาได้จริง ๆ แม้นเขาต้องแลกกับทุกสิ่งทุกอย่างเขาก็จะต้องซื้อ เพียงเพราะผมขาว ๆ ของเขา แม้กระทั่งภรรยาสักคนจึงยังไม่ได้สู่ขอ!”
พี่น้องทั้งสองมีแนวคิดด้านการค้าใหม่แล้ว เสียงพูดคุยสรวลเสเฮฮาจึงกลับมา
ทันทีที่มาถึงประตูก็เห็นป้าหลี่เดินมาพร้อมกับตะกร้าผักพลางส่งยิ้มให้ “ฮูหยินลู่ พวกท่านกลับมาแล้ว”
“ท่านป้า ท่านจะไปซื้อของหรือ? สุขภาพของลูกสะใภ้ท่านเป็นอย่างไรบ้างแล้ว?”
“โถ่เอ๊ย มีเพื่อนบ้านมีน้ำใจอย่างท่าน ข้าโชคดีจริง ๆ” ป้าหลี่กล่าว “ข้าเพียงแค่อยากขอความช่วยเหลือจากท่านอีกสักครั้ง”
“ท่านป้าว่ามาเถิด”
“คืออย่างนี้…” ป้าหลี่เหลียวมองไปรอบ ๆ เมื่อไม่พบเห็นผู้ใดจึงโน้มตัวเข้าไปใกล้ ๆ หลิวจิ่วจู๋แล้วกระซิบ “ลูกสะใภ้ของข้าคลอดมานานแล้ว ร่างกายยังมีน้ำคาวปลา ท่านทำคลอดเป็น เช่นนั้นโรคเช่นนี้ท่านรักษาได้หรือไม่? ท่านก็รู้ นางยังสาว หากหลงเหลืออะไรไม่ดีเอาไว้ ภายหน้าจะทำอย่างไร?”
“ข้าต้องไปตรวจดูเสียก่อน” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เรื่องนี้ข้าพอได้เรียนรู้จากท่านย่ามาบ้าง ทว่าร่างกายของแต่ละคนแตกต่างกัน ดังนั้นต้องตรวจดูให้แน่ชัดก่อนจึงจะสรุปได้”
“ได้ ๆ เช่นนั้นท่านไปดูเถอะ! พวกเราล้วนเป็นสตรี เพียงแค่มองดูย่อมไม่เสียหายอะไร เฮ้อ เหตุใดจึงให้เพียงบุรุษเป็นท่านหมอกันนะ? สตรีอย่างเราก็ต้องการหมอหญิงเช่นกัน เช่นนี้จะได้รักษาได้สะดวกหน่อย” ป้าหลี่เอ่ยแล้วยื่นตะกร้าผักในมือให้หลิวจิ่วจู๋ “นี่เป็นของขวัญเล็ก ๆ น้อย ๆ จากครอบครัวของเรา โปรดรับไว้ด้วยเถิด”
“ไม่ต้องละ”
“เอาไปเถิด ๆ” ป้าหลี่ยื่นให้อีกครั้ง “หากข้าให้อย่างอื่นเป็นของขวัญ ท่านจะต้องไม่รับอย่างแน่นอน นี่เป็นเพียงผักที่เราปลูกเองที่บ้าน ท่านถือเสียว่าได้กินของสดใหม่ก็แล้วกัน”
“ได้ เช่นนั้นข้าต้องขอบใจท่านป้าแล้ว” หลิวจิ่วจู๋วางตะกร้าผักลงแล้วตะโกนเข้าไปข้างใน “ท่านพ่อบ้าน”
พ่อบ้านจางก้าวออกมา “ฮูหยิน”
คำทักทายด้วยความเคารพทำให้อีกสองคนที่เหลือเกิดอาการงุนงง
หลิวจิ่วจู๋เคยบอกแล้วว่าไม่ต้องพิธีรีตองถึงเพียงนี้ ทว่าพ่อบ้านจางไม่เพียงมีวิถีในการปฏิบัติของตนเท่านั้น แต่บ่าวรับใช้ที่เขาซื้อมาแต่ละคนล้วนปฏิบัติต่อหลิวจิ่วจู๋อย่างเคารพนบนอบ ราวกับว่านางเป็นคุณหนูของสกุลผู้สูงศักด์ หลิวจิ่วจู๋ชื่นชมความสามารถในการปรับตัวของตนเองยิ่ง ภายในระยะเวลาอันสั้นนางก็ปรับตัวให้คุ้นชินได้แล้ว
“ฮูหยินวางใจ ประเดี๋ยวบ่าวจะส่งตะกร้าผักไปยังสกุลหลี่และส่งให้ถึงมือเจ้าบ้านสกุลหลี่ขอรับ” พ่อบ้านจางกล่าว
หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือตามป้าหลี่ไปถึงบ้านสกุลหลี่
หลังจากเรื่องเมื่อครู่นี้ ยามพูดคุยกับหลิวจิ่วจู๋ป้าหลี่ก็ยั้งตนไว้เล็กน้อย ราวกับรับรู้ได้ถึงฐานะที่ร่ำรวยของหลิวจิ่วจู๋ เดิมทีนางก็คงไม่จำเป็นต้องทำ ‘งานสกปรก’ เช่นนี้
“ท่านป้า หลานชายบ้านท่านเป็นจู๋จือของเราทำคลอดให้หรือ?”
“ก็ใช่น่ะซี เจ้าไม่รู้ว่าหรอกว่าเหตุการณ์นั้นตื่นเต้นเพียงใด…” ป้าหลี่เล่าเหตุการณ์ระทึกขวัญเมื่อนานมาแล้วของพวกเขาให้หยางชิงซือฟัง “หากไม่ใช่เพราะฮูหยินลู่ ลูกสะใภ้ของข้าคงเดือดร้อนแล้ว เรื่องที่น่ารังเกียจที่สุดคือหมอตำแยที่หนีไปกลับมาหาข้าในภายหลัง ข้าต่อว่านางอย่างเลือดเย็น นางไม่กล้าแม้แต่จะผายลม ข้าก็ไม่อยากเจอคนเช่นนี้อีก หากไม่ใช่เพราะเราโชคดีจึงได้พบฮูหยินลู่ พระโพธิสัตว์ที่ยังมีชีวิตผู้นี้ ลูกสะใภ้กับหลานสาวคนโตสองชีวิตของข้าคงโชคร้ายแล้ว”
“ฮูหยินลู่มาแล้ว…” หลี่ก๋วงไห่กำลังทำความสะอาดลานบ้าน เมื่อเห็นหลิวจิ่วจู๋ก็วิ่งมาอย่างตื่นเต้น “ฮูหยินลู่ ก่อนหน้านี้ไม่กี่วันพวกเราอยากเชิญท่านมาร่วมงานพิธีอาบน้ำของลูก แต่ท่านอยู่นอกเมือง ตอนนี้กลับมาแล้ว คืนนี้ท่านรั้งอยู่ทานมื้อค่ำที่บ้านข้าเถอะ!”
“ไม่ต้องละ” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เพียงแต่ข้าอยากพบพี่สะใภ้ นางพักอยู่ข้างในกระมัง?”