สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1163 ตอนพิเศษ (55/2)
บทที่ 1163 ตอนพิเศษ (55/2)
หยางชิงซือหิวแล้วจริง ๆ
นางอยู่ในอาการหมดสติมาสองสามวัน ไม่สามารถทานอาหารอย่างอื่นได้จึงทำได้เพียงต้มยากินเพื่อให้มีชีวิตอยู่เท่านั้น ตอนนี้นางฟื้นขึ้นมาจึงรู้สึกว่าใบหน้าของตนเล็กลงมาก
“ก่อนหน้านี้ข้าคิดมาตลอดว่าลดน้ำหนักหน่อยจะดีกว่า บัดนี้น้ำหนักลดแล้วกลับรู้สึกเศร้ายิ่งนัก” หยางชิงซือจับเอวตนเอง “ข้าหมดสติไปหลายวัน แม้กระทั่งอาหารก็กินไม่ได้ น่าอนาถเกินไปแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋หาถ้อยคำดี ๆ มาปลอบใจสหาย
อารมณ์ของหยางชิงซือผ่านมาแล้วผ่านไปอย่างรวดเร็ว นางเอ่ยถึงสิ่งที่ตนประสบก่อนจะหมดสติไป
“วันนั้นข้าไปซื้อของ” หยางชิงซือเล่าความเป็นมาของเรื่อง
สามวันก่อน นางไปซื้อของและเห็นหลิ่วจินเปยเข้าจึงแอบย่องตามไป
ก็นางอยากรู้อยากเห็นนี่นา!
“ข้าเห็นพ่อเจ้า หรือก็คือหลิ่วซานเฉวียน” หยางชิงซือกล่าว “เขาทะเลาะกับหลิ่วจินเปย หลังจากโต้เถียงกันไม่กี่คำ หลิ่วจินเปยก็คิดจะสู้กับหลิ่วซานเฉวียน หลิ่วซานเฉวียนเองก็โหดเหี้ยมเช่นกัน มองไม่ออกเลยว่าเมื่อก่อนเขาเคยรักหลิ่วจินเปยมากเพียงใด เขาต่อสู้พัวพันกับหลิ่วจินเปยเป็นลูกข่าง เดิมทีข้าคิดจะจากมา แต่เดินไปได้เพียงไม่กี่ก้าวก็รู้สึกเจ็บที่ท้ายทอย จากนั้นก็ไม่รู้อะไรแล้ว”
“ดังนั้น เจ้าจึงสงสัยว่าพวกเขาสองพ่อลูกตีเจ้าหมดสติ จากนั้นก็โยนเจ้าออกไปข้างนอกหรือ?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถาม
“นอกจากพวกเขาแล้วยังจะมีผู้ใดอีก?” หยางชิงซือกล่าว “อันที่จริง ข้าไม่ได้ยินว่าพวกเขาทะเลาะกันเรื่องอะไร เห็นเพียงพวกเขาทะเลาะกันเท่านั้น ทะเลาะกันเพียงไม่กี่คำก็เริ่มสู้กัน พวกเขาไม่จำเป็นต้องฆ่าคนปิดปากเพราะเรื่องนี้กระมัง?”
“ข้าเกรงว่าเจ้าจะบังเอิญไปพบกับความลับของพวกเขาเข้า พวกเขาคงคิดว่าเจ้าได้ยินจึงต้องการกำจัดเจ้า อย่างไรก็ตาม เหตุใดพวกเขาถึงโยนเจ้าให้กับขอทานสองคนนั้น เรื่องนี้ข้าก็ไม่รู้”
“พวกเขาทิ้งข้าไว้กับขอทานหรือ?”
หลิวจิ่วจู๋เอามือสองข้างเท้าคาง
แย่ละ!
เรื่องนี้ไม่ควรพูด
เมื่อหยางชิงซือได้ยินคำพูดของหลิวจิ่วจู๋ สีหน้าพลันซีดเผือดกว่าเดิม
นางนึกภาพไม่ออกว่าจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง หากบ่าวรับใช้ของสกุลลู่ไม่มาตามหานาง
“จู๋จือ เช่นนั้นเจ้าไปถามขอทานสองคนนั้นก็ได้”
“ข้าไปหาแล้วแต่ไม่พบ”
พ่อบ้านจางเดินเข้ามาจากข้างนอกแล้วกล่าว “ฮูหยินจงฟื้นแล้วหรือขอรับ?”
“ใช่แล้ว ลุงจาง” หยางชิงซือฝืนยิ้มออกมา
พ่อบ้านจางกล่าว “ข้าพบขอทานสองคนนั้นแล้ว เพียงแต่พวกเขาเสียชีวิตอยู่ในวัดร้าง ดูจากผลการชันสูตร คงตายไปเมื่อสองวันก่อนขอรับ”
“แปลกเพียงนี้เชียวหรือ?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถาม “หาฆาตกรพบแล้วหรือยัง?”
“ยังขอรับ” พ่อบ้านเอ่ย “เจ้าหน้าที่ที่นี่ก็เป็นเพียงคนไม่เอาไหน เดิมทีก็ไม่ได้สร้างประโยชน์อะไรให้ราษฎร มีขอทานตายไปสองคน พวกเขาหาสาเหตุการตายแล้วก็หาเสื่อสองผืนคลุมแล้วนำไปฝังลวก ๆ เท่านั้น”
“ยังไม่พบฆาตกร แต่พวกเขากลับรีบร้อนฝังศพแล้วหรือ?” หยางชิงซือเอ่ยถาม
“จู๋จือ โชคดีที่สามีเจ้าเป็นขุนนาง ไม่เช่นนั้น ด้วยความสัมพันธ์ของคหบดีจางกับนายอำเภอ พวกเราคงไม่มีทางรอดอยู่ที่นี่ได้” หยางชิงซือกล่าว “ขอทานสองคนนั้นถูกฆ่าตายและคนที่ฆ่าพวกเขาก็เป็นเพียงคนที่ไม่พอใจข้า ในเมื่อไม่มีหลักฐาน เช่นนั้นก็ลืมเสียเถอะ พวกเราถือเสียว่าเคราะห์ร้ายจึงได้พบเจอเรื่องน่ากลัวเหล่านี้ก็แล้วกัน”
“ในเมื่อเจ้าถูกโจมตีเพราะตามหลิ่วจินเปยไป เรื่องที่เกิดขึ้นครั้งนี้ย่อมเกี่ยวข้องกับหลิ่วจินเปยกับหลิ่วซานเฉวียน ขอทานทั้งสองคนตายแล้ว พวกเขาคงไม่ตายไปด้วยกระมัง?” สิ้นคำ หลิวจิ่วจู๋ก็หันไปมองพ่อบ้านจาง
พ่อบ้านจางเข้าใจความหมายของหลิวจิ่วจู๋จึงกล่าว “ฮูหยินวางใจ ข้าจะพาสองคนนั้นมา”
ขณะที่พ่อบ้านจางกำลังจัดการเรื่องนี้ หลิวจิ่วจู๋ก็กินข้าวกับหยางชิงซือ
เมื่อกินเสร็จแล้ว หยางชิงซือก็ลงจากเตียงเดินไปรอบ ๆ
นางเอามือไปแตะที่ท้ายทอยแล้วกล่าว “เจ็บยิ่ง”
“เจ้าหมดสติมาสามวันแล้ว ในช่วงสามวันนี้ข้าให้ยาเจ้าตรงเวลา ไม่เช่นนั้นเจ้าจะเจ็บปวดมากกว่านี้อีก” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เจ้าหมดสติไปสามวันก็ไม่เลว อย่างน้อยก็เจ็บปวดน้อยลง”
“จู๋จือ ดังคาดเป็นเจ้าที่ดีต่อข้าที่สุดจริง ๆ”
“แน่นอนว่า พวกเราไม่ใช่พี่น้องทางสายเลือดแต่เราดีกว่าพี่น้องทางสายเลือดเสียอีก เจ้าดีต่อข้า ข้าย่อมจดจำใส่ใจ”
พ่อบ้านจางเดินเข้ามาจากข้างนอก “ฮูหยิน หลิ่วซานเฉวียนตายแล้วขอรับ”
หลิวจิ่วจู๋แปลกใจ “เหตุใดตายอีกคนแล้วเล่า? เขาตายได้อย่างไร?”
“ถูกพิษตายขอรับ” พ่อบ้านจางกล่าว “ศาลาว่าการไม่สนใจเรื่องนี้จึงฝังศพคนผู้นั้นแล้ว ขอทานสองคนนั้นไร้ญาติจึงไม่มีผู้ใดเก็บศพ หลิ่วซานเฉวียนมีเพียงท่านเป็นลูกสาวคนเดียว ตามหลักแล้วท่านซึ่งเป็นลูกสาวควรถูกขอให้ไปรับศพเพื่อจะได้เงินค่าทำศพ ทว่าพวกเขาเพียงโยนหลิ่วซานเฉวียนลงในสุสานหมู่ลวก ๆ เท่านั้น”
“จู๋จือ เหตุใดข้ารู้สึกตื่นตระหนกขึ้นมาเล็กน้อยแล้วเล่า? หยางชิงซือกล่าว “ขอทานกับหลิ่วซานเฉวียนตายไปแล้ว เหลือเพียงหลิ่วจินเปยเท่านั้น คงไม่ใช่หลิ่วจินเปยเป็นคนที่คิดจะฆ่าข้ากระมัง?”
“หลิ่วจินเปยเล่า?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถามพ่อบ้านจาง
พ่อบ้านจางตอบ “หายไปแล้ว ไม่รู้ว่าอยู่ที่ใดขอรับ”
“สถานการณ์ทางจวนคหบดีจางเป็นอย่างไร?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถาม “อย่างเช่นว่าฮูหยินจางผู้นั้นกำลังยุ่งกับอะไรอยู่หรือไม่? มีอะไรผิดปกติหรือไม่?”
พ่อบ้านจางตอบ “บ่าวส่งคนไปสอบถาม ท้องฮูหยินจางผู้นั้นเริ่มโตขึ้นเรื่อย ๆ บางทีอาจจะคลอดช่วงนี้ คหบดีจางรับอนุไว้ผู้หนึ่ง วัน ๆ อยู่แต่ที่ห้องนาง อนุผู้นั้นมักกระโดดโลดเต้นไปมาต่อหน้าฮูหยินจางด้วยท่าทีหยิ่งผยอง คหบดีจางรู้เรื่องนี้ดี แต่ไม่เคยตำหนิอนุแม้แต่น้อย เพียงกล่าวเตือนว่าอย่าทำให้ลูกชายที่รักของเขาหงุดหงิด”
“จู๋จือ เจ้าอย่าสนใจเรื่องเหล่านี้เลย หลิ่วซานเฉวียนไม่เคยเป็นพ่อที่ดี เขาจากไปแล้วก็นับว่าเป็นผลกรรม” หยางชิงซือกล่าว
“แน่นอนว่าข้าย่อมไม่เสียน้ำตาให้เขา ข้าเพียงอยากรู้เรื่องนี้ให้แน่ชัด เจ้าจะได้ไม่ตกอยู่ในอันตรายอีก” สิ้นคำ หลิวจิ่วจู๋ก็หันไปเอ่ยกับพ่อบ้านจาง “ท่านส่งคนไปตามหาหลิ่วจินเปยเงียบ ๆ จับตามองจวนคหบดีจางอย่างใกล้ชิด โดยเฉพาะฮูหยินจาง ผู้ใดให้หลิ่วจินเปยไม่น่าเชื่อถือในด้านอื่น ๆ หากแต่เป็นคนที่ลุ่มหลงในรักเล่า? เพียงแต่คนที่ลุ่มหลงในรักผู้นี้ชอบผู้ใดไม่ชอบ กลับไปชอบสตรีหน้าไหว้หลังหลอก”
พ่อบ้านจางรับคำ
หยางชิงซือกล่าว “ในช่วงเวลาสั้น ๆ แม่เลี้ยงของเจ้าจากไป พ่อที่ไม่น่าเชื่อถือของเจ้าก็จากไป ตอนนี้เหลือเพียงหลิ่วจินเปยตัวปัญหาเท่านั้น”
“ชิงซือ เจ้าลองคิดถึงตอนนั้นอีกทีสิ เจ้าไม่ได้ยินว่าพวกเขาพูดคุยเรื่องอะไรจริง ๆ หรือ?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ถึงแม้จะเป็นเพียงคำพูดไม่กี่คำ อย่างไรก็ต้องพบเบาะแสบางอย่าง”
หยางชิงซือคิดให้ถี่ถ้วนอีกครั้ง
“ดูเหมือนจะได้ยินพวกเขาพูดถึงลูกชาย…” หยางชิงซือเอ่ย “ข้าจำได้แล้ว นี่เป็นสิ่งที่หลิ่วจินเปยพูด ส่วนหลิ่วซานเฉวียนเอ่ยถึง ‘เงิน’ …ใช่! เป็นเงิน เขาต้องการเงิน”
หลิวจิ่วจู๋กล่าว “หลิ่วซานเฉวียนขอเงินหลิ่วจินเปยแต่หลิ่วจินเปยไม่ให้จึงฉวยโอกาสนี้จัดการหลิ่วซานเฉวียน หลิ่วจินเปยผู้นี้ นับวันยิ่งโอหังขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว”