สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1167 ตอนพิเศษ (57/2)
บทที่ 1167 ตอนพิเศษ (57/2)
จงซู่เกินส่งสัญญาณมือ สั่งให้ลูกน้องพาตัวโจรเหล่านั้นไป
ลู่ฉาวจิ่งกับจงซู่เกินสาวเท้าเข้ามาหา
จงซู่เกินวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว
หยางชิงซือเห็นจงซู่เกินก็ผ่อนคลายลงทันที
ฟึ่บ!
นางทิ้งตัวเข้าสู่อ้อมแขนของเขา
จงซู่เกินรีบตั้งท่ากอดนางไว้พลางหัวเราะออกมา
หลิวจิ่วจู๋มองทั้งสองคนด้วยแววตาอิจฉา
ลู่ฉาวจิ่ง “…”
เขาอยู่ที่นี่ทั้งคน ไยนางต้องมองพวกเขาเล่า?
“เจ้าไม่บาดเจ็บกระมัง?” ลู่ฉาวจิ่งดึงมือหลิวจิ่วจู๋ไปตรวจดู “ข้าพึ่งเห็นเจ้าล้ม”
“โชคดีที่พวกท่านมาทันเวลา” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เพียงแต่ ท่านไม่ได้กลับค่ายทหารไปแล้วหรือ?”
ลู่ฉาวจิ่งหยักยกมุมปากขึ้น “ตอนนี้ไม่รีบร้อนแล้ว”
สิ่งที่เรียกว่าค่ายทหารนั้น ไม่ช้าก็จะได้รับการแก้ไขให้ใสสะอาด
น่าเสียดายที่ยังจับปลาใหญ่เบื้องหลังไม่ได้ ดูเหมือนจะทำได้เพียงควบคุมสถานการณ์ทางนี้ก่อนแล้วค่อย ๆ จับปลาทีหลัง
ถึงอย่างไรเขาก็หว่านแหออกไปแล้ว แม้ว่าปลาจะหลุดรอดไปได้ อย่างไรก็ต้องมีร่องรอยอื่นหลงเหลืออยู่
หยางชิงซือกับจงซู่เกินยังคงหวานหยดย้อยอยู่ตรงนั้น เลี่ยนแทบตายแล้ว
เมื่อเทียบกัน คู่ลู่ฉาวจิ่งกับหลิวจิ่วจู๋กลับดูเหมือนคู่สามีภรรยาเฒ่าอย่างไรอย่างนั้น
“พวกเจ้าพอได้หรือยัง?” ลู่ฉาวจิ่งทนไม่ไหว “กลับไปบ้านก่อนเถอะ มีอะไรพูดคุยค่อยพูดคุยกัน”
“ได้” จงซู่เกินอุ้มหยางชิงซือขึ้นมา “เมื่อครู่ชิงซือหกล้ม ข้ากลัวว่าเข่านางจะเจ็บ ข้าอุ้มนางกลับไปดีกว่า”
หยางชิงซือยกมือขึ้นเกาะคอจงซู่เกินแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “สามีของข้าดีที่สุดแล้ว”
แววตาของหลิวจิ่วจู๋คุโชนไปด้วยไฟแห่งความอิจฉา
ลู่ฉาวจิ่งผิวปากขึ้นมาหนึ่งครั้ง
ม้าตัวหนึ่งวิ่งเข้ามาหา
เขายกตัวหลิวจิ่วจู๋ขึ้นไปนั่งบนหลังม้า
หญิงสาวผวาตกใจเกาะหัวม้าเอาไว้อย่างแน่นหนา
ลู่ฉาวจิ่งขึ้นไปบนหลังม้า ช่วยพยุงนางแล้วกล่าว “ไม่ต้องกลัว มันรู้ความ ยอมรับเพียงเจ้าของของมันเท่านั้น”
ทั้งสองควบขี่ม้าผ่านหน้าจงซู่เกินกับหยางชิงซือไปแล้ว
หยางชิงซือถลึงตาจ้องมองพวกเขา ชี้ไปที่ร่างของทั้งคู่แล้วกล่าว “เขาจะต้องจงใจเป็นแน่!”
จงซู่เกินพลันกระดากอาย “พวกเราไม่ต้องสนใจพวกเขาหรอก”
จงซู่เกินพลันรู้สึกผิดขึ้นมา
อันดับแรกเขาไม่มีม้า ถึงแม้จะมี… เขาก็ขี่ไม่เป็น
การเดินทางครั้งนี้เขาก็ขี่ม้าไม่เป็น ทำได้เพียงให้พี่น้องคนอื่น ๆ ขี่ม้าให้นั่ง
“คราวหน้าข้าก็จะขี่ม้าเช่นกัน”
“ได้!”
เขาจดจำไว้แล้ว
ภายหลังค่อยซื้อม้าก็แล้วกัน
ไม่ว่าภรรยาเขาต้องการสิ่งใด เขาก็จะหาวิธีทำให้นางพึงพอใจ
หลิวจิ่วจู๋กับลู่ฉาวจิ่งกลับถึงบ้านก่อน
ถึงตอนนี้คนของลู่ฉาวจิ่งก็ใกล้จะไต่สวนโจรเหล่านั้นเรียบร้อยแล้ว
“สามี พวกเราไม่ส่งพวกเขาให้ศาลาว่าการหรือ?”
“ไม่ต้อง ส่งไปก็ไร้ประโยชน์” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “พวกเราตรวจสอบเองก็พอ”
ศาลาว่าการปล่อยปละละเลย เดิมทีก็ไม่มีทางตัดสินเพื่อราษฎร ในเมื่อเป็นเช่นนี้ก็ให้เขาตัดสินใจเองแล้วกัน
นอกจากนี้ อีกไม่นานขุนนางไร้ประโยชน์ที่นี่ก็จะถูกสับเปลี่ยนแล้ว
“คุณชาย คนเหล่านั้นคิดจะจับฮูหยินขอรับ” ลูกน้องเขาเข้ามารายงาน “พวกเขากล่าวว่าอยากจะเชิญฮูหยินไปทำคลอดให้ฮูหยินของตนขอรับ”
“จับฮูหยินไปทำคลอดให้ฮูหยินของตนหรือ?” ลู่ฉาวจิ่งเลิกคิ้ว “ว่ามา เป็นครอบครัวใดที่ไม่เชิญ หากแต่คิดจะจับตัวไป”
“จวนคหบดีจางขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว “ฮูหยินท่านนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากฝางซิ่วหลาน อดีตพี่สะใภ้ของหลิวจิ่วจู๋ เห็นว่าทารกในครรภ์ของฝางซิ่วหลานไม่มั่นคง วันนี้มีการเคลื่อนไหว ดูเหมือนใกล้จะคลอดแล้วขอรับ เดิมทีพวกเขาเชิญหมอตำแยหลายคนมาทำคลอด ทว่าหมอตำแยเหล่านั้นจับตำแหน่งทารกในครรภ์และจับชีพจรนางแล้ว พูดอย่างไรก็ไม่ยอมทำคลอดให้นางขอรับ”
“ข้าไม่มีทางทำคลอดให้นาง” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “มิน่าเล่า นางจึงคิดจะใช้วิธีนี้จับตัวข้าไป”
หยางชิงซือถูกจงซู่เกินอุ้มกลับมาถึงพอดี
หลังจากจงซู่เกินปล่อยชิงซือลงแล้วก็ยืนหอบอยู่ข้าง ๆ อย่างหมดเรี่ยวแรง
“คนพรรค์นี้ไม่ไหวเลยจริง ๆ ครั้งหน้าคงจะทำเรื่องเหิมเกริมยิ่งกว่านี้”
“เดิมทีก็ทำเรื่องที่เหิมเกริมมากกว่านี้มาแล้ว” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เขาส่งคนไปตีชิงซือให้หมดสติ หากไม่ใช่คนของเราไปพบทันกาล ชิงซือ…”
“ภรรยา พวกเขาแกล้งเจ้าหรือ?” จงซู่เกินเอ่ยด้วยความโมโห “ไม่ได้การ! ข้าต้องไปคิดบัญชีกับพวกเขา”
“เอาละ ข้าไม่เป็นไร” หยางชิงซือรีบดึงตัวเขาไว้ “หากเจ้าไปหาพวกเขาแล้วคิดบัญชีตอนนี้ พวกเขาก็ไม่มีทางยอมรับ เดิมทีเรื่องนี้ก็ไม่มีหลักฐาน อีกทั้งทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ล้วนตายแล้ว คนตายยิ่งไม่อาจให้การได้”
“ตายแล้วหรือ?”
“อืม นับตั้งแต่ขอทานไปจนถึงหลิ่วซานเฉวียนล้วนตายแล้ว” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “พวกเราก็ไม่รู้ว่าเข้าไปพัวพันกับหายนะไร้เหตุผลนี้ได้อย่างไร ทุกอย่างคงเริ่มตั้งแต่วันที่เราพี่น้องชนเข้ากับหลิ่วจินเปย จากนั้น…”
หลิวจิ่วจู๋เล่าสถานการณ์ให้ฟังคร่าว ๆ
“ไปตรวจสอบ” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ยกับลูกน้องที่อยู่ข้าง ๆ
ลูกน้องรับคำสั่งแล้วจากไป
หลิวจิ่วจู๋มองดูสีหน้าเคร่งขรึมของสามีก็รู้สึกว่าเขาที่เป็นเช่นนี้ดูแปลกตายิ่ง
“มีอะไรหรือ?” ลู่ฉาวจิ่งสังเกตเห็นแววตาของนาง
หลิวจิ่วจู๋จับแขนของลู่ฉาวจิ่งแล้วมองเขาด้วยสีหน้าขึงขัง “ท่านอยู่ต่อหน้าข้าต้องยิ้มรู้หรือไม่ ตอนที่ท่านไม่ยิ้มท่านดูเคร่งขรึมเกินไป น่ากลัวเล็กน้อย”
ลู่ฉาวจิ่งประหลาดใจ “ข้าน่ากลัวหรือ?”
“ตอนไม่ยิ้ม ข้ารู้สึกราวกับว่าท่านเป็นสายฟ้าที่กำลังพิโรธ” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าไม่รู้ว่าท่านเป็นผู้ใด ท่านคิดจะทำเรื่องใด ทว่าอยู่ที่นี่ท่านเป็นสามีข้า ท่านไม่อาจใจร้ายกับข้าได้”
“ได้ ข้าจะไม่ใจร้ายกับเจ้า” ลู่ฉาวจิ่งยกมือขึ้นลูบผมนาง “ข้ามีของขวัญมาให้เจ้า กลับถึงห้องแล้วจะเอาให้เจ้าดู”
“ได้!”
จงซู่เกินฉวยโอกาสนั้นเปิดปากขึ้น “ข้าก็ซื้อของขวัญมาให้เจ้าเช่นกัน”
“ต้องกลับไปดูที่ห้องใช่หรือไม่?” หยางชิงซือคว้าคอเสื้อจงซู่เกิน “ไปเถอะ ข้าอยากดูใกล้ ๆ หน่อย”
บ่าวรับใช้หลายคนแถวนั้น “…”
การกลั้นหัวเราะช่างยากเหลือเกิน
หยางชิงซือกับจงซู่เกินสองสามีภรรยาคู่นี้เป็นคู่ข้าวใหม่ปลามัน ความรักหวานชื่นปานน้ำผึ้ง คืนนั้นไม่ได้ออกมากินข้าว หากแต่ให้คนนำอาหารไปวางไว้ที่ประตูแทน
ส่วนเหตุใดไม่ส่งถึงข้างในห้องนั้น…
แน่นอนว่าไม่สามารถทำได้
บ่าวรับใช้ไม่กล้ารบกวนพวกเขาโดยไม่ตั้งใจ อย่างไรเสียนี่ก็เป็นเรื่องสำคัญในครอบครัว
หลิวจิ่วจู๋รู้สึกเขินอายยิ่ง
เดิมทีนางคิดว่าเรือนค่อนข้างใหญ่โต ห้องค่อนข้างไกลกัน ทว่าตอนนี้นางตระหนักได้ว่ามันไม่ใหญ่พอจึงต้องเผชิญกับสถานการณ์ที่น่ากระอักกระอ่วนเช่นนี้
นางนอนแข็งทื่ออยู่อย่างนั้น สองมือกำผ้าห่มที่วางอยู่บนหน้าอกแน่น แก้มของหญิงสาวร้อนผ่าวจนน่าหวาดหวั่น
มือหนึ่งยื่นมาหา
อุณหภูมิร่างกายของหลิวจิ่วจู๋พุ่งพรวดขึ้นยิ่งกว่าเดิม
แก้มของนางร้อนระอุ
ลู่ฉาวจิ่งโน้มตัวมากระซิบข้างหูหญิงสาว “เจ้านอนไม่หลับหรือ?”
“อืม…” หลิวจิ่วจู๋ตอบท่ามกลางความมึนงง
“เช่นนั้น… อยากทำอย่างอื่นหรือไม่?” ลู่ฉาวจิ่งเอ่ยด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
เสียงของเขาทุ้มต่ำและแหบพร่า โดยเฉพาะยามเคลื่อนไหว
หลิวจิ่วจู๋ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วกล่าวเสียงค่อย “ท่านอยากทำอะไรเล่า?”
น่าอายจริง ๆ
นางยังไม่ได้ซื้อเสื้อชั้นในตัวใหม่เลยนะ
วันนี้ยังไม่ใช่เวลาที่เหมาะสม!