สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1169 ตอนพิเศษ (58/2)
บทที่ 1169 ตอนพิเศษ (58/2)
หลิวจิ่วจู๋พยักหน้าเห็นด้วย
“ไม่ได้ ข้าต้องกลับไปนอนแล้ว” หยางชิงซือว่าพลางลูบคลำเอว “คราวหน้าไม่อาจบ้าระห่ำเช่นนี้”
คืนนั้นหยางชิงซือนอนหลับไม่สนิทนักเพราะมีแขกไม่ได้รับเชิญปรากฏตัวที่หน้าประตูเรือนลู่
แขกที่ไม่ได้รับเชิญผู้นั้นเป็นบ่าวรับใช้ของบ้านคหบดีจาง
“ฮูหยินลู่ นายท่านของเราเชิญท่านไปที่จวนสักเที่ยวด้วยความจริงใจ นี่เป็นเทียบเชิญขอรับ”
“ข้าไม่ไป”
“ขอเพียงฮูหยินช่วยนายท่านเรื่องนี้ เขาจะมอบหนึ่งร้อยตำลึงเงินให้กับท่านเป็นการตอบแทนขอรับ”
“นี่ข้าก็ไม่ต้องการ” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ที่นี่เป็นบ้านข้า หากพวกเจ้าบุกรุกเข้ามาในบ้านข้าโดยไม่ได้รับความยินยอม แสดงว่ากำลังล่วงล้ำพื้นที่ส่วนตัว นี่เป็นการกระทำผิดร้ายแรง”
“ได้ยินว่าท่านย่าของฮูหยินลู่เป็นหมอตำแย เคยทำคลอดให้สตรีมาหลายคน ช่วยชีวิตเด็ก ๆ มามาก ตอนนี้ฮูหยินจางมีอาการคลอดยาก ไม่สามารถคลอดลูกได้ หากฮูหยินลู่ช่วยให้นางคลอดเด็กได้อย่างปลอดภัย ไม่เพียงแต่จะมีการตกรางวัลอย่างหนักด้วยหนึ่งร้อยตำลึงเงินแต่นายท่านของเรายังจะขอหนังสือยืนยันการเป็นหมอให้ท่านอีกด้วย”
หลิวจิ่วจู๋กระจ่างในความสามารถของตนเป็นอย่างดี
นางไม่เคยคิดที่จะเป็นท่านหมอจริง ๆ ทว่าเมื่อนึกถึงเด็กไร้เดียงสาในท้องของฝางซิ่วหลานน่ารังเกียจผู้นั้น นางก็ไม่อาจทนนิ่งดูดายได้
“ตอนนี้ฮูหยินของพวกเจ้าเป็นอย่างไรแล้ว?”
“นางเจ็บปวดมาทั้งวันทั้งคืนแล้วขอรับ หากเป็นเช่นนี้ต่อไป เกรงว่าทั้งเด็กและมารดาจะไม่รอด ความหมายของนายท่านของเราคือ ขอเพียงท่านช่วยนายน้อยออกมาได้ หนึ่งร้อยตำลึงเงินก็จะเป็นของท่าน”
ส่วนมารดานั้น…
จะรอดหรือไม่ล้วนไม่สำคัญ
คหบดีจางรู้ว่าฝางซิ่วหลานกับหลิวจิ่วจู๋มีความบาดหมางกัน ในเมื่อส่งคนมาเชิญนาง นั่นคือตัดสินใจแล้วว่าต้องการเพียงเด็กเท่านั้น ไม่สนใจความเป็นความตายของผู้ใหญ่
หลิวจิ่วจู๋ขมวดคิ้ว “ผู้เป็นหมอมีจิตใจดี คราวนี้ข้าย่อมไม่สร้างความลำบากให้นาง”
ความจริงเมล็ดพันธุ์แห่งปัญหาที่นางมองหานั้นถูกปลูกไว้นานแล้ว เพียงแค่รอให้เมล็ดพันธ์ุเหล่านั้นค่อย ๆ หยั่งรากและแตกหน่อ ท้ายที่สุดก็จะกลายเป็นเถาวัลย์พันพวกเขาไว้จนหายใจไม่ออก
หยางชิงซือได้ยินว่าหลิวจิ่วจู๋จะไปที่จวนคหบดีจางก็เรียกคนมาหลายคน โดยให้พวกเขาพาหลิวจิ่วจู๋กับนางไปที่นั่นด้วยกัน
คหบดีจางเดินวนไปวนมา สีหน้าดูกังวลใจ
อนุที่อยู่ข้าง ๆ กล่าวปลอบโยนเบา ๆ “นายท่านอย่าได้ร้อนใจไป อีกไม่นานฮูหยินก็คลอดแล้วเจ้าค่ะ”
“นับตั้งแต่เมื่อวานจนกระทั่งบัดนี้ยังไม่คลอด ไม่รู้ว่าลูกในท้องเป็นอย่างไรบ้าง หากเกิดอะไรขึ้นกับลูกละก็ คอยดูสิว่าข้าจะจัดการกับนางแพศยานั่นอย่างไร!” คหบดีจางสาปแช่ง “ข้าส่งคนไปเชิญนังหนูแซ่ลู่ผู้นั้นมาแล้ว เหตุใดนางยังไม่มาอีก ถึงแม้สตรีแซ่ลู่ผู้นั้นจะยังเยาว์วัย แต่นางติดตามท่านย่าของนางที่เป็นหมอตำแยมาหลายปี ผ่านการฝึกปรือวิชามานาน น่าเชื่อถือยิ่งกว่าหมอตำแยอายุมากหลาย ๆ คนเสียอีก”
“นายท่าน มาแล้วขอรับ” คนรับใช้วิ่งเข้ามาจากด้านนอก “ฮูหยินลู่มาแล้ว!”
“ตอนนี้อยู่ที่ใด?”
“บ่าวพานางไปที่ห้องคลอดฮูหยินจางแล้วขอรับ”
“ได้ พวกเราไปดูกัน!”
คหบดีจางรีบรุดมาถึงหน้าห้องคลอด
เขาเห็นเพียงชายร่างสูงใหญ่กำยำสองสามคนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู ชายเหล่านั้นมีกระบี่ห้อยอยู่ที่เอว ดูจากสายตาแล้ว แต่ละคนโหดเหี้ยมดุร้ายเป็นอย่างยิ่งจะต้องไม่ใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมันอย่างแน่นอน
“พวกเจ้าเป็นผู้ใด?”
“พวกเราเป็นบ่าวรับใช้ฮูหยินลู่”
คหบดีจางมองดู ‘บ่าวรับใช้’ ที่ว่า พบว่าแต่ละคนล้วนมีฝีมือไม่ธรรมดา จักต้องไม่ใช่บ่าวรับใช้ทั่วไปอย่างแน่นอน
คหบดีจางผู้ที่เดิมทียังมีความคิดเพ้อฝันต่อหลิวจิ่วจู๋ เมื่อเห็นนางได้รับการปกป้องเช่นนี้ก็หมดอารมณ์โดยพลัน อย่างไรเสียมองเพียงแวบเดียวก็รู้ว่าสตรีผู้นี้เป็นตัวปัญหา ไม่คุ้มค่าที่จะทำให้นางขุ่นเคือง
เขายืนอยู่ที่ประตู ฟังเสียงที่เกิดขึ้นด้านใน
ภายในห้อง หลิวจิ่วจู๋มองฝางซิ่วหลานที่นอนอยู่ตรงนั้น
ฝางซิ่วหลานเห็นหลิวจิ่วจู๋ สีหน้าพลันตื่นตระหนกขึ้นมา
“เจ้ามาทำอะไรที่นี่? เจ้าอย่าเข้ามานะ…”
“เจ้าจะมาเอาชีวิตข้าใช่หรือไม่?! ผู้ใดให้เจ้ามักจะเป็นศัตรูกับข้าร่ำไปเล่า ข้าถึงได้จงใจจุดไฟเผา… โอ๊ย ลูก ลูกของข้าเป็นอย่างไรบ้าง?”
หยางชิงซือที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “คนผู้นี้เสียงดังนัก เราจะทำอย่างไรดี?”
“นางเป็นสตรีตั้งครรภ์ ข้าหวังเพียงว่านางจะออกแรงคลอดลูกไหวและไม่หมดสติไปเสียก่อน” หลิวจิ่วจู๋รีบร้อนอธิบายเพื่อป้องกันไม่ให้หยางชิงซือทำให้อีกฝ่ายหมดสติ “ข้าจะตรวจท้องนางก่อน”
หยางชิงซือคอยเป็นลูกมือหลิวจิ่วจู๋อยู่ข้าง ๆ
“เป็นอย่างไรบ้าง?”
“เด็กในท้องตัวใหญ่เกินไป” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “หากยังยืนกรานจะให้คลอดออกมาเช่นนี้ เกรงว่าจะเสียเลือด เช่นนั้นเจ้าก็จะ…”
“มีวิธีที่ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดทั้งฝ่ายหรือไม่?” ฝางซิ่วหลานเอ่ยถามหลิวจิ่วจู๋
“ผ่าเปิดท้อง” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “อย่างนี้จึงจะสามารถบรรเทาความเศร้าโศกของทุกคนได้”
“ถ้าผ่าแล้ว ข้าจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?”
“แน่นอน เพียงแค่รอทารกออกมา จากนั้นจึงจะเย็บท้องกลับคืน ครั้งหนึ่งข้าเคยพบท่านหมอที่ท่องเที่ยวไปทั่ว เขากำลังหาสมุนไพรบางอย่าง หลังจากหาอยู่หลายวันหลายคืนก็ยังหาไม่พบ ข้าบังเอิญรู้จักสมุนไพรนั้นพอดี ข้าพาเขาไปหา เขาจึงสอนวิธีการผ่าคลอดให้ข้า”
“ก่อนหน้านี้เจ้าไม่เคยใช้วิธีนั้นมาก่อนกระมัง? ตอนนี้จะนำมาใช้กับข้า เช่นนั้นหากข้าเป็นอะไรไปขึ้นมาจะเป็นอย่างไร?”
“ถึงแม้ก่อนหน้านี้จะไม่เคย ทว่าข้าทดลองกับกระต่ายและหนูหลายครั้งแล้วไม่มีปัญหา” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ท้องของเจ้าใหญ่เกินไป ในเมื่อพวกเจ้ามาหาข้า นั่นหมายความว่าหมอตำแยผู้อื่นไม่ยอมทำคลอดให้ ถึงได้จำใจมาหาข้ากระมัง?”
ฝางซิ่วหลานกรีดร้องด้วยความเจ็บปวด
หลิวจิ่วจู๋มองนางอย่างใจเย็น รอให้นางตัดสินใจ
“ไม่เช่นนั้น ข้าไปถามคหบดีจางเป็นอย่างไร?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ยถาม “อย่างไรนายจ้างที่จ่ายเงินก็เป็นเขา”
“ไม่ อย่าไปถามเขา!” ฝางซิ่วหลานกล่าว “ในสายตาของเขา ข้ามีค่าสูงสุดเพียงเพราะลูกในท้อง เขาไม่สนใจไยดีความเป็นความตายของข้า หากเจ้าออกไปถามเขา เขาย่อมมีเพียงคำตอบเดียวเท่านั้น…”
นั่นคือการผ่า
ไม่ว่าผลจะเป็นอย่างไร ขอเพียงเด็กคลอดออกมาได้ก็พอแล้ว
“เช่นนั้นเจ้าตัดสินใจได้หรือยัง?”
“ผ่าเถอะ!”
“ข้าต้องเตรียมของสักหน่อย” หลิวจิ่วจู๋ว่า “แน่นอนว่า ของเหล่านั้นทำไว้พร้อมแล้ว ไม่เช่นนั้นหากจะทำเครื่องมือเหล่านั้นขึ้นมาตอนนี้ ไม่ต้องกล่าวถึงว่าจะหาวัสดุอย่างเดียวกันไม่ได้ เพราะถึงแม้จะหาวัสดุอย่างเดียวกันได้ก็จะต้องไม่ทันกาลอย่างแน่นอน”
“เช่นนั้น ตอนนี้ของที่ว่าอยู่ที่ใด?”
“ที่บ้านข้า”
“บ้านเจ้า…” ฝางซิ่วหลานเริ่มตื่นกลัวขึ้นมา “ข้าปวดถึงเพียงนี้แล้ว เจ้ายังต้องกลับไปหาของที่บ้านอีกหรือ?”
“ข้าไม่ได้นำเครื่องมือมา ถึงแม้จะรั้งอยู่ที่นี่กับเจ้าก็ไม่อาจทำคลอดให้ได้ เจ้าทนได้หรือไม่ หากทนได้ ข้าจะกลับไปนำกล่องเครื่องมือมา”
ฝางซิ่วหลานปลดเสื้อผ้า เหงื่อกาฬนางไหลอาบท่วมทั้งตัว “เจ้ารีบเถอะ รีบกลับไป เห็นแก่ลูกในท้องของข้า คิดว่าเจ้าคงไม่ใจไม้ไส้ระกำทนมองข้าตายอยู่ที่นี่”
หลิวจิ่วจู๋พาหยางชิงซือกลับไปยังเรือนลู่
นางย่อมไม่ทิ้งหยางชิงซือไว้ที่นั่นเพียงลำพัง
ทั้งสองคนถือล่วมยาแล้วรีบวิ่งกลับไปบ้านคหบดีจาง
“โอ๊ย…” เสียงกรีดร้องของฝางซิ่วหลานเริ่มอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
หลิวจิ่วจู๋กำลังจะเข้าประตูไปก็เห็นคนผู้หนึ่งย่องเข้าไปในสวนดอกไม้
คนผู้นั้นหลังงองุ้ม สวมหมวกไม้ไผ่ มองเห็นหน้าตาของเขาไม่ชัดเจนนัก