สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1170 ตอนพิเศษ (59/1)
บทที่ 1170 ตอนพิเศษ (59/1)
“มีอะไรหรือ?” หยางชิงซือเห็นนางหยุดเดินก็มองไปตามสายตาของสหาย เห็นเพียงชายหลังค่อมผู้หนึ่ง “คนผู้นั้นมีปัญหาอะไรหรือ?”
“หลิ่วจินเปย”
“หา?”
หลิวจิ่วจู๋ลดเสียงลงแล้วกล่าว “คนที่ข้าเกลียดชังเพียงนี้ แม้จะกลายเป็นเถ้าถ่านข้าก็ยังจำได้”
“เช่นนั้นตอนนี้…”
“อีกประเดี๋ยวค่อยคุยกัน ตอนนี้ช่วยคนก่อนเถอะ”
แม้ฝางซิ่วหลานจะน่ารำคาญเพียงใด แต่ลูกในท้องของนางก็บริสุทธิ์ ถึงแม้ว่าจะมีความหวังเพียงหนึ่งส่วน หลิวจิ่วจู๋ย่อมไม่นิ่งดูดายที่เห็นคนกำลังจะตายแล้วไม่ช่วย
ส่วนหลิ่วจินเปย เพียงแค่รู้ว่าเขาอยู่ที่นี่ก็ย่อมง่ายดายแล้ว
คหบดีจางเห็นหลิวจิ่วจู๋กลับมาจึงเอ่ยถาม “นางส่งเสียงกรีดร้องอยู่ข้างใน ท่านหมอบอกว่าหากไม่ทำอะไร ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะต้องตาย เจ้าแน่ใจหรือ?”
“หากท่านไม่ไว้ใจนาง เช่นนั้นก็อย่าได้เรียกนางมา พวกเราจะไปตอนนี้ ท่านหาท่านหมอที่ท่านเชื่อใจมาช่วยเองเถอะ!”
“ช้าก่อน…” คหบดีจางเอ่ย “ขอเพียงช่วยลูกชายข้าได้ ข้าจะให้พวกเจ้าสองร้อยตำลึงเงิน!”
“หากท่านไม่หลีกทาง พวกเราจะเข้าไปได้อย่างไร?” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “หากไม่รั้งพวกเราไว้แล้วพูดพล่ามไร้สาระเช่นนี้ บางทีลูกของท่านอาจจะคลอดออกมาแล้ว”
คหบดีจางทำได้เพียงเบี่ยงตัวหลบ
อนุเจ้าเสน่ห์เดินเข้ามา กอดแขนคหบดีจาง นางเอ่ยออดอ้อนอ่อนหวาน “นายท่าน ท่านไม่ต้องร้อนใจไป ท่านไม่ได้มีเพียงลูกในท้องของฮูหยินผู้เดียวเท่านั้น ท่านยังมีลูกอยู่ในท้องข้าด้วย!”
คหบดีจางจู่ ๆ ก็หันไปมองอนุแล้วมองไปที่ท้องแบน ๆ ของนาง “เจ้าก็มีแล้วหรือ?”
อนุพยักหน้าน้อย ๆ “นายท่านขยันขันแข็งทุกวัน ข้าจะมีลูกก็เป็นเรื่องธรรมดา”
“ประเสริฐ! ประเสริฐ!” คหบดีจางดีอกดีใจมาก “ยังเป็นเจ้าที่มีความสามารถ เข้าจวนมาได้ไม่นานก็จะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของข้าแล้ว พ่อบ้าน ต่อไปนี้เงินเดือนของอนุเพิ่มเป็นสองเท่า ทำสำรับกับข้าวที่แตกต่างกันออกไปให้นางด้วย อย่าได้ผิดต่อคุณชายน้อยในท้องของนางเป็นอันขาด!”
หยางชิงซือกลอกตาแล้วเอ่ยกับหลิวจิ่วจู๋ “พวกเรายังต้องช่วยอยู่หรือไม่? ผู้อื่นเขามีลูกชายอีกคนแล้ว เดิมทีก็ไม่สนใจว่าลูกชายผู้นี้จะเป็นจะตายแม้แต่น้อย”
“ช่วย ย่อมต้องช่วย!” คหบดีจางกล่าว “ผู้ใดจะรังเกียจการมีลูกชายเยอะ ๆ เล่า?”
ฝางซิ่วหลานได้ยินเสียงข้างนอกก็แทบหายใจไม่ออก
“ฮูหยิน ฮูหยิน… ท่านหมอ รีบมาดูเร็วเข้า ฮูหยินเป็นลมไปแล้วเจ้าค่ะ”
“มิรีบร้อน ข้ากำลังจะผ่าคลอดพอดี นางเป็นลมไปก็นับว่าช่วยข้าไว้แล้ว” หลิวจิ่วจู๋วางเครื่องมือไว้ข้าง ๆ”พวกเจ้าออกไปให้หมด มีเพียงชิงซือรั้งอยู่ข้าง ๆ คอยช่วยข้าก็พอแล้ว”
หยางชิงซือที่อยู่ข้าง ๆ อกสั่นขวัญแขวนเป็นอย่างมาก
“จู๋จือ นี่ไม่ใช่ลูกแมวลูกหมา นี่เป็นคนผู้หนึ่งเชียวนะ!”
“ก่อนหน้านี้ที่ข้าผ่าคลอดกระต่าย เจ้าก็คอยเป็นผู้ช่วยข้าไม่ใช่หรือ?”
“แต่นั่นเป็นกระต่าย…” หากมีอะไรผิดพลาดยังสามารถกินเนื้อกระต่ายตุ๋นได้
แม้ฝางซิ่วหลานจะน่ารังเกียจเพียงใดก็เป็นคนตัวเป็น ๆ หากเกิดอะไรขึ้นกับนางก็เท่ากับสูญเสียชีวิตคนผู้หนึ่งไป
“หากข้าไม่ช่วยนาง ทารกในท้องของนางผู้นี้ย่อมไม่รอด สภาพของนางในตอนนี้ไม่อาจคลอดลูกตามปกติได้แล้ว”
หยางชิงซือสูดหายใจเข้าลึก ๆ “ตายเป็นตาย! เช่นนั้นข้าจะอยู่กับเจ้า”
คหบดีจางรออยู่ข้างนอก
นางอนุยกมือลูบท้อง จากนั้นก็นำมือคหบดีจางวางทาบลงไปบนท้องแบน ๆ ของนาง
เมื่อได้ยินว่าข้างในไม่มีเสียงความเคลื่อนไหว คหบดีจางจึงถามท่านหมอข้าง ๆ “เป็นไปได้จริง ๆ หรือ หากไม่ได้การ เช่นนั้นลูกข้า…”
“ฮูหยินจะรอดหรือไม่นั้นข้าไม่รู้ ทว่าคุณชายน้อยจะต้องรอดเป็นแน่” ท่านหมอที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย
“ได้ ขอเพียงเด็กยังมีชีวิตอยู่ก็พอ!” คหบดีจางกล่าว
สีหน้าของอนุที่อยู่ข้าง ๆ แข็งทื่อขึ้นมา
ถึงแม้นางอยากจะแย่งชิงความโปรดปราน ทว่าในเวลานี้ก็อดรู้สึกหวาดกลัวแทนฝางซิ่วหลานไม่ได้
หนึ่งชั่วยามผ่านไปแล้ว เสียงร้องของทารกดังขึ้นมาจากด้านใน
“อุแว้… อุแว้…”
“นายท่าน คลอดแล้วเจ้าค่ะ!” แม่นมเฒ่าที่อยู่ข้าง ๆ กล่าว “ขอแสดงความยินดีกับนายท่านด้วยเจ้าค่ะ ขอแสดงความยินดีกับนายท่าน…”
คหบดีจางร้องเข้าไปข้างใน “เป็นลูกชายใช่หรือไม่?”
ภายในห้อง หลิวจิ่วจู๋กับหยางชิงซือมองหน้ากัน
ทั้งสองคนมองไปที่เด็กตรงหน้า อดไม่ได้ที่จะลำบากใจ
“จู๋จือ ข้าบอกแล้วอย่างไรว่าอย่าได้ยุ่งเรื่องครอบครัวพวกเขา” หยางชิงซือกล่าว “ดูสิ นี่มันเรื่องอะไรกัน!”
หลิวจิ่วจู๋ถอนหายใจเบา ๆ “ข้าก็รู้ว่าเรื่องครอบครัวพวกเขายุ่งยากวุ่นวาย แต่เจ้าก็เห็นแล้ว ไม่ว่าอย่างไรนางก็เป็นหนึ่งชีวิต เจ้าอุ้มนางออกไปเถอะ ไม่ว่าอย่างไร พวกเขาก็มีสิทธิ์รู้ความจริง”
หยางชิงซือเดินอุ้มเด็กที่ห่อไว้ออกไป
“เป็นลูกชายใช่หรือไม่?”
หยางชิงซือกล่าว “เป็นลูกสาว”
รอยยิ้มบนใบหน้าคหบดีจางเลือนหายไป
เขามองหยางชิงซืออย่างเย็นชาแวบหนึ่ง จากนั้นก็เปิดผ้าห่อตัวทารกออก
“นี่…”
“ว้าย…” อนุตกใจเสียจนผงะถอยหลังไปสองสามก้าว สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ พยุงนางเอาไว้ถึงได้ไม่ล้มลงไปก่อน
ทารกไม่เพียงแต่เป็นเด็กผู้หญิงเท่านั้น แต่ยังเป็นเด็กผู้หญิงที่มีขาขวาผิดรูป ขาขวาของนางผิดแปลก เพียงแค่มองแวบแรกก็รู้ว่าไม่ปกติ
“นี่เป็นเพราะตำแหน่งของทารกในครรภ์ผิดปกติหรือ?” นางอนุเอ่ยถาม
ท่านหมอข้าง ๆ บอก “นี่ควรเป็นโรคที่เกิดจากครรภ์มารดา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตำแหน่งของทารกในครรภ์”
“เช่นนั้นจะบอกว่า นังแพศยาผู้นั้นตั้งท้องตัวประหลาดเช่นนี้ให้ข้าและทำให้ข้าทุกข์ทนตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาหรือ?” คหบดีจางโมโหเป็นฟืนเป็นไฟ “นังแพศยา! นางเป็นคนที่เชิดชูออกหน้าออกตาไม่ได้ดังคาดจริง ๆ ถึงได้ให้กำเนิดตัวประหลาดเช่นนี้ เด็กนี่ราวกับสัตว์ประหลาดอย่างไรอย่างนั้น!”
“นายท่าน ตั้งชื่อให้ลูกสักชื่อเถิดเจ้าค่ะ!” อนุกล่าว
“ชื่ออะไร? ตัวประหลาดเช่นนี้ ข้าไม่มีทางยอมรับว่าเป็นลูกข้า”
หยางชิงซือเอ่ยด้วยความโกรธ “ท่านบอกว่าไม่ยอมรับได้หรือ? ลูกเกิดมาแล้ว ท่านต้องรับผิดชอบหน่อยกระมัง? ข้าขอถามท่าน หากเป็นลูกชายแต่เขาออกมาเช่นนี้ ท่านก็จะไม่สนใจหรือ?”
“หากออกมาสภาพเช่นนี้ แม้จะเลี้ยงจนเติบใหญ่ก็ไร้ประโยชน์” คหบดีจางกล่าวด้วยสีหน้ารังเกียจ “ข้ายังมีลูกชายอีกผู้หนึ่ง จักใช้เงินเลี้ยงสัตว์ประหลาดได้อย่างไร?”
หลิวจิ่วจู๋ออกมาแล้วเอ่ย “ชิงซือ เด็กคลอดออกมาแล้ว ที่เหลือไม่ใช่เรื่องที่เราต้องสนใจ พวกเราเพียงแค่รับเงินแล้วจากไปก็พอ”
“พวกเจ้าทำคลอดสัตว์ประหลาดออกมา ยังคิดจะเอาเงินไปอีกหรือ?!” คหบดีจางยิ้มเยาะ “ผู้ใดจะรู้ว่าเพราะพวกเจ้าผ่าคลอดหรือไม่ เด็กถึงได้ออกมาเป็นอย่างนี้? ข้าว่า เดิมทีเด็กคงปกติดี ทว่าพวกเจ้าใช้มีดผ่าคลอดนาง นางถึงได้กลายเป็นสัตว์ประหลาดมากกว่า!”
“คหบดีจาง ท่านไม่อยากรักษาหน้าแล้วใช่หรือไม่?”
“นายท่านอย่างข้าพูดผิดหรือ?” คหบดีจางมองท่านหมอข้าง ๆ “ท่านหมอ ท่านว่า มีความเป็นไปได้นี้หรือไม่?”
ท่านหมออ้ำ ๆ อึ้ง ๆ ไม่กล้าตอบออกไปตรง ๆ แต่ก็ไม่กล้าล่วงเกินคหบดีจาง
“นายท่าน ข้างนอกมีเจ้าหน้าที่ทางการมามากมายขอรับ”
ทันทีที่บ่าวรับใช้รายงานจบ เจ้าหน้าที่ทางการก็ปรี่เข้ามาในบ้านสกุลจาง
คหบดีจางมองดูเจ้าหน้าที่ทางการที่หลั่งไหลเข้ามา
“รู้หรือไม่ว่าข้าเป็นผู้ใด? พวกเจ้ากล้าดีอย่างไร…” คหบดีจางมองดูเครื่องแบบทางการเหล่านั้น หัวใจของเขาพลันเต้นรัว
ดูจากเครื่องแต่งกายของเจ้าหน้าที่ทางการ คนเหล่านี้ไม่ใช่เจ้าหน้าที่ทางการของท่านน้า
คนเหล่านี้มาจากที่ใด?