สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1179 ตอนพิเศษ (64)
บทที่ 1179 ตอนพิเศษ (64)
ลู่ฉาวจิ่งได้ยินคำพูดของถังกั๋วกงแล้วก็เอ่ย “หากท่านต้องการตรวจสอบ สามารถตรวจสอบได้ทุกเมื่อ”
“ได้” ถังกั๋วกงเตรียมจะจากไป ขณะที่เขากำลังจะออกไปก็มองย้อนกลับมา “เจ้ามาเป็นนายอำเภอที่นี่ได้อย่างไร? ต้องการความช่วยเหลือจากข้าหรือไม่?”
“ยามนี้ยังไม่จำเป็น หากต้องการความช่วยเหลือจากกั๋วกง ข้าจะต้องไม่เกรงใจท่านอย่างแน่นอน”
“ถึงแม้บิดาของเจ้าจะน่ารังเกียจ ทั้งยังวางแผนต่อต้านข้าหลายครั้งหลายครา ทว่าข้าเห็นเจ้าแล้วรู้สึกจำเริญตาทีเดียว” ถังกั๋วกงกล่าว
“เป็นเกียรติของผู้เยาว์ยิ่งแล้ว”
“หมู่นี้ไม่มีข่าวคราวบิดาเจ้าเลยหรือ?”
“ผู้เยาว์เคยติดต่อกับพี่ใหญ่ ท่านพ่อท่านแม่กำลังเดินทางท่องเที่ยวไปทั่วหล้า เรื่องราวทั้งหมดในเมืองหลวงล้วนมอบให้พี่ใหญ่จัดการ”
“พี่ใหญ่เจ้าเป็นจิ้งจอกน้อยที่น่ารังเกียจยิ่งกว่าบิดาเจ้าอีก” ถังกั๋วกงแค่นเสียงเย็น “ข้าว่าสกุลลู่ล้วนแต่เป็นจิ้งจอกน้อย พบพวกเจ้าคราใดย่อมไม่มีเรื่องดี”
“ผู้เยาว์จะถือเสียว่าท่านกั๋วกงกำลังยกย่องความฉลาดของสกุลลู่เรา ถังกั๋วกง ผู้เยาว์ยังมีเรื่องต้องออกไปจัดการ ท่านอยากค้นหาสิ่งใดสามารถให้คนของศาลาว่าการตระเตรียมให้ได้ หากท่านกั๋วกงไม่ต้องการให้ผู้ใดรู้ตัวตนของท่านก็สามารถบอกว่าเป็นญาติของผู้เยาว์ได้”
“เอาเถอะ จัดการเรื่องของเจ้าไปเถิด”
ถังกั๋วกงไม่คาดคิดว่าจะได้พบแม่นางน้อยผู้นั้นในศาลาว่าการอีกครั้ง
หลิวจิ่วจู๋เดินถือตะกร้าเข้ามา เมื่อเห็นถังกั๋วกง ดวงตาคู่นั้นก็เต็มไปด้วยความประหลาดใจ “ท่านไม่ใช่ท่านอาของเถ้าแก่ถังหรือ? ท่านมาที่นี่ได้อย่างไร?”
ภายหลังหลิวจิ่วจู๋จึงได้รู้ว่าเขาเป็นท่านอาของถังลี่เฉิง
ถังกั๋วกงกล่าว “ข้ามาตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ที่ศาลาว่าการ”
“เช่นนั้นสามีข้าเห็นด้วยแล้วหรือ?”
“สามีเจ้า?”
“เขาคือนายอำเภอที่นี่”
ถังกั๋วกงมองสำรวจหลิวจิ่วจู๋แล้วกล่าว “ดูเจ้าอายุยังไม่มาก นึกไม่ถึงว่าจะแต่งงานแล้ว”
แก้มของหลิวจิ่วจู๋ค่อย ๆ เปลี่ยนสี “พวกเราพึ่งแต่งงานกันได้ไม่นาน”
เอ่ยถึงเรื่องนี้แล้วก็รู้สึกใจไม่เป็นสุข อย่างไรตนที่เป็นฮูหยินนายอำเภอผู้นี้ก็เป็นแต่เพียงในนามเท่านั้น
ขณะเดียวกันก็ยังมีเรื่องคับข้องใจอยู่บ้าง
นางหน้าตาอัปลักษณ์มากเลยหรือ? เหตุใดเขาจึงไม่ยินดี… เป็นสามีภรรยาที่แท้จริงกับนาง?
“สามีข้าเล่า?”
“เขากล่าวว่ามีเรื่องต้องทำจึงออกไปแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋ขมวดคิ้ว “ข้าอุตส่าห์ทำของอร่อยมาให้เขา”
สิ้นคำก็หันไปมองถังกั๋วกง “นายท่าน ท่านกินข้าวแล้วหรือยัง? หากยังไม่กินและไม่รังเกียจฝีมือการทำอาหารหยาบ ๆ ของข้า อาหารทำเองเหล่านี้ข้าจะเลี้ยงท่าน”
“ข้ากำลังหิวพอดี อาหารมื้อนี้ของฮูหยินมาได้ทันกาล เช่นนั้นข้าขอฉวยโอกาสจากใต้เท้านายอำเภอแล้ว”
ถังกั๋วกงไม่รู้ว่าเหตุใด เมื่อมองแม่นางน้อยผู้นี้ เขารู้สึกสบายใจเป็นอย่างยิ่งและไม่อยากเห็นนางต้องผิดหวัง
น่าเสียดาย เขาส่งคนไปตรวจสอบแล้ว ข้อมูลของแม่นางน้อยผู้นี้ไม่สอดคล้องกับคนที่เขากำลังตามหาจริง ๆ
เจ้าหน้าที่ทางการผู้หนึ่งเดินเข้ามาบอกหลิวจิ่วจู๋ว่าลู่ฉาวจิ่งอยู่ที่ใด
หลิวจิ่วจู๋รู้ว่าลู่ฉาวจิ่งออกไปแล้ว เพียงแต่ไม่รู้ว่าเขาออกไปครั้งนี้วันกลับยังไม่แน่นอน จู่ ๆ นางก็เริ่มเศร้าขึ้นมา
“เขาออกไปข้างนอกบ่อยหรือ?”
“เป็นครั้งคราวเจ้าค่ะ”
“เขามักจะสังหารก่อนแล้วค่อยบอกกล่าวทีหลังอย่างนี้เสมอหรือ?”
“ไม่ได้บ่อยนักเจ้าค่ะ บางทีเมื่อครู่อาจไม่พบข้า เขาจึงไม่ทันได้แจ้งข่าว” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “นายท่านถัง ท่านรู้จักสามีข้ากระมัง?”
“รู้จัก เพียงแต่ไม่คุ้นเคย”
“ท่านว่าเขาหล่อหรือไม่?”
“นั่นแน่นอนอยู่แล้ว คนสกุลลู่ขึ้นชื่อเรื่องหน้าตาดี”
“นายท่านถัง ท่านรู้จักคนในครอบครัวสามีข้าหรือไม่?”
ถังกั๋วกงลูบปลายจมูกเบา ๆ “กล่าวเช่นนั้นก็ได้กระมัง เพียงแต่ข้าไม่คุ้นเคยกับพวกเขานัก”
“เช่นนั้นคนในครอบครัวเขาเข้ากับคนง่ายหรือไม่? พวกเขาคงมีภูมิหลังไม่ธรรมดา เช่นนั้นจะยอมรับลูกสะใภ้ที่มีพื้นเพเป็นสามัญชนอย่างข้าได้หรือ? แม่สามีข้าเข้ากับคนง่ายหรือไม่?”
“เจ้าเอ่ยปากถามมากมายเพียงนี้ในคราวเดียว อยากรู้เรื่องใดกันแน่?”
“อยากรู้ทุกอย่างเจ้าค่ะ”
“แม่สามีผู้นั้นของเจ้าเป็นคนอารมณ์ดี ต่อบ่าวรับใช้ก็อ่อนโยน เพียงแต่บางคนก็กลัวนางมากเจ้าถามว่าจะเข้ากับนางได้ง่ายหรือไม่ นั่นขึ้นอยู่กับคน ส่วนนางจะชอบเจ้าหรือไม่ ข้าคิดว่านางคงชอบเจ้า นางก็เกิดมาในครอบครัวชาวนาเช่นกันจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ชอบเจ้า! พ่อสามีผู้นั้นของเจ้าจัดการได้ยากเล็กน้อย เพียงแต่ขอเพียงเจ้าทำให้แม่สามีพอใจได้ ตาเฒ่านั่นก็ไม่นับเป็นอะไร เพราะเขาขึ้นชื่อเรื่องกลัวภรรยา…”
หลิวจิ่วจู๋ฟังด้วยความสนใจใคร่รู้
ถังกั๋วกงไม่ได้กล่าวถึงสถานะของสกุลลู่ ในสมองของหลิวจิ่วจู๋จึงปรากฏภาพครอบครัวที่มีกิจการเล็ก ๆ ครอบครัวหนึ่ง ทั้งยังเป็นครอบครัวที่มีความสมัครสมานสามัคคีกันอย่างยิ่ง
ฝีมือของหลิวจิ่วจู๋นั้นไม่เลว
เพื่อรับรองถังกั๋วกงแล้ว หลิวจิ่วจู๋ยังสั่งให้บ่าวรับใช้เตรียมสุราไหเล็ก ๆ ให้
ถังกั๋วกงทานอาหารง่าย ๆ ดื่มสุราเล็กน้อย นึกไม่ถึงว่าจะนอนหลับแล้วจริง ๆ
บ่าวรับใช้ที่ปรนนิบัติถังกั๋วกงเห็นดังนี้ก็มองหลิวจิ่วจู๋ด้วยสายตาแปลก ๆ แวบหนึ่ง จากนั้นจึงพยุงถังกั๋วกงกลับไป
ดูจากท่าทางของนายท่านกั๋วกงแล้ว วันนี้คงไม่มีทางตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ได้
วันต่อมา หลิวจิ่วจู๋พึ่งออกจากบ้านก็บังเอิญเห็นรถม้าของถังกั๋วกงเข้าพอดี
บ่าวรับใช้เปิดม่านออก ถังกั๋วกงโบกมือให้นางจากข้างใน “ข้าจะมาตรวจสอบทะเบียนราษฎร์ เจ้ามาช่วยข้าหาทีเถิด”
หยางชิงซือเอ่ยถาม “นี่ผู้ใดน่ะ?”
“นี่คือท่านอาของเถ้าแก่ถัง”
เมื่อหยางชิงซือได้ยินว่าเป็นท่านอาของถังลี่เฉิง นางก็ทักทายอย่างอบอุ่นทันที อย่างไรเสียสินค้าปัจจุบันของทางร้านขายดีเพียงนั้นก็ต้องยกความดีความชอบให้ถังลี่เฉิงครึ่งหนึ่ง
“นายท่านถัง คนที่ท่านต้องการตรวจสอบชื่ออะไร เกิดเมื่อใด ย้ายมาที่นี่เมื่อใด ขอเพียงทราบข้อมูลเหล่านี้ คิดจะตรวจสอบย่อมง่ายดาย”
“ข้าไม่รู้ชื่อของนาง ทั้งยังไม่รู้วันเกิดของนาง ยิ่งไม่รู้ว่านางย้ายมาที่นี่เมื่อใด” ถังกั๋วกงกล่าว “ข้ารู้เพียงว่านางอายุพอ ๆ กับฮูหยินลู่ เรื่องอื่น ๆ ทำได้เพียงตรวจสอบทีละอย่างแล้ว”
หยางชิงซือดึงชายเสื้อของหลิวจิ่วจู๋ “คนผู้นี้แปลกยิ่งนัก!”
มีที่ใดคิดจะค้นหาทะเบียนราษฎร์ของคนกลับไม่รู้ข้อมูลของอีกฝ่ายสักอย่าง นั่นไม่ใช่งมเข็มในมหาสมุทรหรือ ไม่รู้ว่าต้องใช้เวลานานเท่าใดจึงจะพบ
“ได้สิ ข้าจะช่วยท่านหา เจ้าไปซื้อวัตถุดิบเถอะ”
“รู้แล้ว”
หลิวจิ่วจู๋พาถังกั๋วกงไปยังสำนักทะเบียนเพื่อค้นหาเบาะแส
ถังกั๋วกงมาหาหลิวจิ่วจู๋เพราะรู้สึกว่าพาแม่นางน้อยผู้นี้มาช่วยเขาแล้วสบายใจยิ่ง อันที่จริงเรื่องนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับนางแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตาม แม่นางน้อยผู้นี้เป็นคนจิตใจดี เห็นได้ชัดว่าสามารถปฏิเสธเขาได้ แต่นางกลับให้ความร่วมมือ ช่วยค้นหาคนในทะเบียนไปทีละคน ตัวอักษรที่ละลานตาเหล่านั้นทำให้เขาปวดหัว ทว่านางกลับยังคงสงบอารมณ์ได้และค้นหาต่อไปเงียบ ๆ อีกทั้งข้อมูลที่นางอ่านก็แทบจะมากกว่าข้อมูลที่อยู่ตรงหน้าเขา
“นายท่านถัง คนผู้นี้ดูเหมือนคนที่ท่านกล่าวถึงหรือไม่?” หลิวจิ่วจู๋วางข้อมูลทะเบียนราษฎร์ไว้ตรงหน้า “ท่านดู สิบเจ็ดปีก่อน ถูกขายมาจากเมืองหลวง อายุสอดคล้อง ทั้งยังคลอดลูกสาวออกมาผู้หนึ่ง นี่ก็สอดคล้อง เพียงแต่อีกฝ่ายตายแล้ว ทะเบียนราษฎร์นี้จึงถูกปิดผนึกเพื่อเก็บรักษาไว้”
“ขอข้าดู…” ถังกั๋วกงกวาดตาอ่านอย่างระมัดระวัง “มีสำเนียงอย่างคนเมืองหลวง สวมใส่เสื้อผ้าหรูหรา มีรูปโฉมสวยงาม…”
ข้อมูลเหล่านี้ตรงกับสตรีผู้นั้นที่สลักลึกในความทรงจำของเขา
เพียงแต่ รูปโฉมสวยงามนั้นยังไม่แม่นยำเพียงพอ ด้วยรูปโฉมเช่นนั้นของนาง อย่างไรก็ควรเป็นรูปโฉมงดงามดุจบัวผุดเหนือผิวน้ำ
“แต่งเข้าสกุลเหมียวในฐานะภรรยารอง…” ถังกั๋วกงอ่านข้อความบนนั้น สีหน้าไม่น่าดูชม “สกุลเหมียว…”