สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 118 ขายที่ดิน
บทที่ 118 ขายที่ดิน
บทที่ 118 ขายที่ดิน
มู่ซืออวี่เดินออกมาแล้วขานรับ “ข้าอยู่นี่”
ลู่จื่ออวิ๋นเปิดประตู ปล่อยให้ลู่เจินเจินเข้ามาในบ้าน
ลู่เจินเจินลูบศีรษะลู่จื่ออวิ๋นแล้วเดินเข้าไปพร้อมรอยยิ้มบนใบหน้า
“ข้านำเงินมาคืนให้”
นางกล่าวพลางยัดเงิน 20 ตำลึงใส่มือมู่ซืออวี่
“เหตุใดจึงรวดเร็วถึงเพียงนี้?” มู่ซืออวี่ถามด้วยความประหลาดใจ
ลู่เจินเจินเดินเข้าไปด้วยความสุขพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายกับหลานชายของข้านำเงินกลับมาให้ พวกเขาบอกว่ายืมมาจากสหาย ข้าเลยนำมาคืนพี่สะใภ้ก่อน”
“ข้าไม่ได้เรียกร้องให้นำมาคืน เหตุใดเจ้าจึงรีบร้อนนัก ขอยืมเงินผู้อื่นมาจ่ายคืนข้าแบบนี้ เจ้าทำราวกับว่าข้าเป็นคนไร้เหตุผลไปได้” มู่ซืออวี่กล่าว
“ไม่ใช่อย่างนั้น” ลู่เจินเจินยิ้ม “ทุกวันนี้ข้ากับพี่สะใภ้ขายช่วนช่วนเซียงในหมู่บ้านใกล้เคียง ยอดขายกับกำไรค่อนข้างมาก ได้เงินดีทุกวัน พี่สะใภ้ต้องเดินทางเข้าเมืองแต่เช้า ข้าเลยเล่าให้พี่ชายฟัง ขอให้เขาลาออกจากงานมาช่วยกันค้าขาย ข้าขอให้พี่ชายนำช่วนช่วนเซียงไปให้สหายของเขาได้ลิ้มลอง พวกเขาชอบมากเลยล่ะ”
“พี่ชายของข้าบอกว่าอาหารนี้มีราคาถูก หลายคนสามารถจ่ายได้ โดยเฉพาะคนที่ไม่ได้กินเนื้อสัตว์มาเป็นเวลานาน หลายคนยินดีที่จะซื้อมันในราคาหนึ่งอีแปะ ผู้คนมากมายต่างหลั่งไหลเข้ามาอุดหนุน ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พี่ชายกับพี่สะใภ้ของข้าเก็บออมเงินได้หลายสิบตำลึง เดิมทีพวกเขาตั้งใจจะใช้สำหรับจัดงานแต่งงานให้กับหลานชายของข้า แต่พวกเขาจะเอามาเช่าร้านก่อน เราอาจจะต้องเข้าเมืองบ่อยขึ้น ไม่ได้อยู่ที่นี่นาน ข้าเลยนำเงินมาคืนให้ท่านก่อน”
“ข้าไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าพี่ชายกับพี่สะใภ้ของเจ้ารอบรู้ถึงเพียงนี้ เจ้าเองก็ทำงานหนัก หากมีสิ่งใดจะปรึกษาข้า ข้าก็ยินดีจะช่วยเหลือ”
“เฮ้อ ข้าจะยอมรับอย่างตรงไปตรงมาก็แล้วกัน หลังจากนี้ข้าคงต้องรบกวนท่านอีก”
หลังจากที่ลู่เจินเจินกล่าวจบ นางก็เดินเข้าไปใกล้มู่ซืออวี่ด้วยท่าทีลับ ๆ ล่อ ๆ “พี่สะใภ้ รู้หรือไม่ว่าครอบครัวของแม่เฒ่าเจียงกำลังเกิดปัญหา?”
“หือ?” มู่ซืออวี่งุนงง
“ข้ารู้ว่าท่านยุ่งกับงานตลอดทั้งวันจนไม่ได้สนใจ ลุงต้าไห่กำลังเริ่มต้นกิจการในเมือง เขาบอกว่าต้องการเงินไปหมุนเลยเกลี้ยกล่อมแม่เฒ่าเจียงให้ขายที่ดิน แต่ลุงต้าซานไม่ยอมให้ทำเช่นนั้น เขาบอกว่าพี่น้องทั้งสามจะต้องได้รับส่วนแบ่งที่ดินเท่าเทียมกัน หากจะขายก็ต้องแบ่งกันก่อนแล้วขายในส่วนของตน เพราะเขาเองก็ต้องการมีที่ดินของตน ข้าได้ยินมาว่ามีปัญหาเกิดขึ้นมากมาย แม่เฒ่าเจียงก็เอาแต่ดุด่าลุงต้าซานทั้งวัน”
“เขาฉลาดเฉลียวขึ้นมาสักระยะหนึ่งแล้ว”
หลังจากที่พูดคุยซุบซิบนินทาครอบครัวของแม่เฒ่าเจียงแล้ว ทั้งสองก็คุยกันเรื่องเปิดร้านช่วนช่วนเซียง
ในฐานะผู้มีประสบการณ์ มู่ซืออวี่ได้ให้คำแนะนำมากมายแก่ลู่เจินเจิน ยิ่งลู่เจินเจินได้ฟังมากเท่าไหร่ นางก็ยิ่งตื่นเต้นมากเท่านั้น
ณ บ้านแม่เฒ่าเจียง มู่เจิ้งอี้จ้องมองไปยังบ้านอันทรุดโทรมด้วยความขยะแขยง จากนั้นจึงมองไปยังมู่ต้าซานที่นั่งอยู่มุมหนึ่ง และในที่สุดสายตาของเขาก็จับจ้องไปยังมู่ต้าไห่ซึ่งแต่งกายด้วยเสื้อผ้าใหม่งดงาม
“พวกท่านเรียกข้ากลับมาเพื่อขอให้ขายที่ดินอย่างนั้นหรือ?”
“น้องสาม พี่ชายกับพี่สะใภ้ของเจ้าต้องการเงินหมุนเวียน แต่เจ้ารองไม่อาจช่วยอะไรได้ เขาคืออุปสรรคขวางทางชีวิตเรา หากไม่มีเขา เราก็จะสุขสบายขึ้นไม่ใช่หรือ?” ถังซื่อบ่นไม่ยอมหยุดจนน้ำลายกระเซ็น
มู่เจิ้งอี้ขมวดคิ้ว “เพียงเพราะเรื่องนี้หรือ?”
“เพียงเพราะเรื่องนี้แหละ” มู่ต้าไห่ตะคอกอย่างเย็นชา
“ข้ายุ่งมาก แต่พวกท่านกลับตามข้ามาเพียงเพราะเรื่องนี้ รู้บ้างหรือไม่ว่าทำให้ข้าสูญเสียเวลาไปมากเพียงใด?” มู่เจิ้งอี้กล่าวด้วยความไม่พอใจ “ท่านแม่ หากพี่ใหญ่ขาดเงินก็แบ่งที่ดินส่วนของเขา ให้เขานำไปขาย เราทุกคนในครอบครัวต้องมีส่วนแบ่งที่เท่าเทียมกันไม่ใช่หรือ?”
“เรื่องนี้…” แม่เฒ่าเจียงกล่าวอย่างเชื่องช้า “ตงเอ๋อร์ แน่นอนว่าเราเป็นชาวนา หากไม่มีที่ดินแล้วจะเรียกชาวนาได้อย่างไร?”
“นอกจากพี่รอง ในครอบครัวเรามีผู้ใดเป็นชาวนาอีกหรือ? ท่านกับข้าทำนาหรือเปล่าล่ะ? พี่ใหญ่กับพี่สะใภ้ก็มีกิจการเป็นของตัวเองแล้ว พวกเขาย่อมไม่รู้ว่าการทำนาคืออะไร เช่นนั้นแล้วจะเก็บที่ดินไว้เพื่อสิ่งใด?” มู่เจิ้งอี้เอ่ยถาม “หากจะขายก็จงขายในส่วนของตนสิ!”
“ข้าไม่เห็นด้วย” มู่ต้าซานกล่าวอย่างเย็นชา “พวกเจ้าไม่ได้ทำไร่ทำนา แต่ข้ายังต้องทำนาเพื่อเลี้ยงชีพอยู่ หากไม่ต้องการที่ดินในส่วนของตนแล้วก็ขายไป แต่ห้ามขายในส่วนที่เป็นของข้า”
“เจ้ารอง ข้าพูดทุกอย่างไปหมดแล้ว ยังเข้าใจไม่ชัดเจนอีกหรือ?” มู่ต้าไห่เผยสีหน้าบูดบึ้ง
“ไม่ชัดเจน หากขายแล้วพี่ใหญ่จะแบ่งเงินให้ข้าหรือ? หากขายที่ดินทั้งหมดไป พี่ยังมีกิจการให้ทำมาหากิน แล้วข้าเล่า? ข้าทำได้เพียงปลูกพืช ไม่อาจทำสิ่งใดได้นอกจากทำนา”
“ข้าไม่มีเวลามาฟังพวกพี่ถกเถียงกันแล้ว หากพี่รองต้องการที่ดินในส่วนของตนก็แบ่งให้เขาไป! ไม่ได้ขายในส่วนของเขาจะเป็นอะไร? เงินที่ได้รับจะน้อยลงมากเพียงใดเชียว” มู่เจิ้งอี้กล่าว “ข้าไม่ต้องการส่วนแบ่ง ขอขายที่ดินทั้งหมดให้พี่ใหญ่ก็แล้วกัน”
มู่เจิ้งอี้เป็นลูกชายที่เก่งที่สุดของครอบครัวนี้ ดูจากริมฝีปากสีแดง ฟันสีขาว และชุดผ้าไหม ผู้ใดจะคิดว่าเขาเป็นเพียงเด็กรับใช้ของเหล่าบัณทิต?
ครั้นเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ เขาก็ตระหนักได้ทันทีว่าตนจะต้องใช้ชีวิตให้ดีในบ้านตระกูลหวัง เขาไม่สนใจจะครอบครองสิ่งใดที่นี่เลย แต่นั่นกลับทำให้มารดารักใคร่เขามากกว่าเดิม นางเอาแต่ยิ้ม ชื่นชมที่เขาใจกว้างและรู้จักเสียสละ ยิ่งมองลูกชายคนนี้มากเท่าใด นางก็ยิ่งพึงพอใจมากขึ้นเท่านั้น
“ท่านแม่ ลองคิดให้ดีเถิด หากที่ดินทั้งหมดถูกขายไป พี่ใหญ่และน้องสามย่อมมีชีวิตที่ดี แล้วท่านเล่า? ท่านจะอยู่อย่างไร? จะเป็นหญิงชราเฝ้าบ้านหลังนี้หรือ?”
แม่เฒ่าเจียงตกตะลึง
ใช่แล้ว! นางควรทำเช่นไร?
ลูกชายคนโตกำลังเริ่มต้นกิจการ ยังไม่มีที่อยู่อาศัยเป็นหลักแหล่ง เป็นไปไม่ได้ที่จะพานางเข้าไปอาศัยในเมืองด้วย ส่วนลูกชายคนที่สามก็ยังเล็ก กำลังเรียนหนังสือ เขาอาศัยอยู่กับตระกูลหวัง เขาไม่จำเป็นต้องคิดถึงเรื่องที่ดินทำกินหรือที่อยู่อาศัย
“เจ้ารอง ถ้าบ้านเราไม่มีที่ดินอีกต่อไป ท่านแม่ก็สมควรได้รับการตอบแทนจากลูก ๆ ข้าจะให้เงินท่านแม่ทุกเดือนเอง”
“เอาเถิด! ไหน ๆ ข้าก็เดินทางกลับมาแล้ว เรามาแบ่งหน้าที่และจัดสรรปันส่วนให้แล้วเสร็จเถิด” มู่เจิ้งอี้กล่าว “ข้าไม่ต้องการเดินทางกลับมาเพื่อจัดสรรกันใหม่ในคราวหน้าแล้ว ข้าเดินทางมายากลำบากมาก หลังจากที่เราแยกย้ายกันไปใช้ชีวิต เราทุกคนจะต้องให้เงินท่านแม่คนละ 200 อีแปะทุกเดือน ตกลงหรือไม่?”
“ถ้าเช่นนั้นข้าก็จะได้รับเงิน 600 อีแปะใช่หรือไม่?” แม่เฒ่าเจียงเอ่ยถามด้วยความดีใจ
“ข้าไม่มีเงิน” มู่ต้าซานกล่าวพลางเทน้ำลงในถัง “ข้าเป็นชาวนา ข้าจะหาเงินมากมายเช่นนั้นจากที่ใด?”
“เจ้าหาเงินไม่ได้ใช่หรือไม่? หัวหน้าหมู่บ้านบอกว่า ผู้ใดก็ตามที่เต็มใจลงสมัครเข้าร่วมกับทางการจะได้รับค่าตอบแทนและเงินพิเศษมากมาย ชายจากหลายครอบครัวไปสมัครกันทั้งนั้น” แม่เฒ่าเจียงกล่าว
มู่ต้าซานเงียบไปครู่หนึ่ง “เอาเถอะ เรามาแบ่งสมบัติกันเถิด ข้ายังคงต้องการที่ดินที่เป็นส่วนแบ่งของข้า หลังจากแบ่งส่วนกันแล้ว เราจะต้องให้เงินท่านแม่คนละ 200 อีแปะต่อเดือนเป็นค่าเลี้ยงดู พี่ใหญ่กับน้องเล็กอาศัยอยู่ในเมือง คงมีเวลากลับมาไม่มากนัก หากท่านแม่มีเรื่องอะไรก็ย่อมเป็นข้าที่ต้องคอยชั่วเหลือจัดการ ดังนั้นข้าขอจ่ายเพียงร้อยอีแปะ อนึ่ง หากท่านแม่ต้องการเงินอื่นใดที่ต้องใช้จ่ายนอกเหนือจากนี้ เราทั้งสามคนก็ต้องช่วยเหลือกัน”
มู่ต้าไห่จ้องมองมู่ต้าซานด้วยความสงสัย
เขาฉลาดเฉียวถึงเพียงนี้เชียวหรือ?
เป็นไปได้หรือไม่ว่า นังเด็กมู่ซืออวี่กำลังควบคุมอยู่เบื้องหลัง?
มู่ต้าไห่รู้จักน้องชายของเขาดี อีกฝ่ายไม่ใช่คนที่โต้เถียงหรือหาข้ออ้างมากมายเช่นนี้
ส่วนถังซื่อไม่พอใจ
เดิมทีนางกับสามีต้องการขายที่ดินทั้งหมดแล้วเก็บเงินไว้เป็นของตน แต่ตอนนี้ทุกอย่างจบลงแล้ว นอกจากพี่น้องจะแยกจากกัน พวกนางยังต้องจ่ายเงินค่าเลี้ยงดูให้กับหญิงชราผู้นี้อีก
ทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่คาดคิด
นางคิดว่าเป็นเรื่องง่ายที่จะโน้มน้าวใจแม่เฒ่าเจียง ตนอุตส่าห์หาข้ออ้างมากมายมาโน้มน้าวแม่เฒ่าเจียง ทว่าคราวนี้มู่ต้าซานกลับเข้ามาเป็นอุปสรรค