สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1181 ตอนพิเศษ (65.2)
บทที่ 1181 ตอนพิเศษ (65.2)
“เด็กคนนี้หกล้มน่ะเจ้าค่ะ ข้ากำลังจะพาเขาไปตรวจดูที่ร้านยา” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “นายท่านถังคงยุ่งมากกระมัง ท่านจัดการเรื่องของท่านเถิดเจ้าค่ะ ไม่ต้องสนใจข้า”
“ข้าไม่มีอะไรทำ เช่นนั้นข้าจะช่วยเจ้าส่งเขาไปที่ร้านยา” ถังกั๋วกงเอ่ย “เจ้าเป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่งหากอุ้มเขาขึ้นหลังคงลำบากทีเดียว มอบเขาให้ข้าเถอะ”
หลิวจิ่วจู๋เดินตามถังกั๋วกงไป ถังกั๋วกงอุ้มเด็กชายอายุสามขวบผู้นั้นไว้แล้วสาวเท้าเดินไปข้างหน้า
ท่านหมอที่ร้านยาทำแผลให้เด็กน้อย ในยามนี้เองครอบครัวของเด็กชายผู้นั้นที่สอบถามมาตลอดทางก็มาถึงพอดี พวกเขาจึงพาเด็กชายกลับไป
เมื่อออกมาจากร้านยา ถังกั๋วกงมองหลิวจิ่วจู๋แล้วกล่าว “เจ้ารู้จักลูกเขยสกุลเหมียวผู้นั้นหรือ?”
“ลูกเขยสกุลเหมียว…” เริ่มแรกหลิวจิ่วจู๋ยังไม่ตอบสนอง หลังจากนึกถึงคำว่าสกุลเหมียวอย่างถี่ถ้วนแล้วจึงคาดเดาได้ว่าถังกั๋วกงเอ่ยถึงผู้ใด “ก่อนหน้านี้เขาเคยเป็นคนหมู่บ้านเดียวกันกับพวกข้า ต่อมาเขาเข้ามาเล่าเรียนศึกษา มีอนาคตที่สดใสจึงไม่ค่อยได้กลับไปที่หมู่บ้าน จากนั้นพวกเราจึงไม่คุ้นเคยกันแล้ว เหตุใดนายท่านถังจึงถามถึงเขาเล่าเจ้าคะ?”
“ข้ากำลังตามหาลูกสาวของข้า” ถังกั๋วกงกล่าว “หลังจากตรวจสอบอย่างถี่ถ้วนแล้ว เหมียวชุนจู๋ผู้นั้นมีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคนที่ข้าตามหา”
“ลูกสาวของท่านคือเหมียวชุนจู๋หรือ? เป็นไปไม่ได้” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “นางเป็นลูกสาวของนายท่านเหมียวนะเจ้าคะ”
ถังกั๋วกงอยากเล่าที่มาที่ไปให้หลิวจิ่วจู๋ฟังโดยละเอียด ทว่าก่อนที่เขาจะได้เล่า บ่าวรับใช้ก็เข้ามาบอกว่าพบเครื่องประดับที่ฮูหยินเดิมทิ้งไว้แล้ว
“ข้ามีเรื่องต้องทำ ข้าต้องไปก่อนแล้ว” ถังกั๋วกงเอ่ย “เจ้าเป็นฮูหยินนายอำเภอ ออกไปข้างนอกพาคนมาด้วยสักสองสามคนจะดีกว่า ระวังศัตรูของสามีเจ้าจะมาสร้างความยุ่งยากให้เจ้าด้วย”
“ขอบคุณนายท่านถังที่เป็นห่วง คราวหน้าข้าจะจดจำไว้” หลิวจิ่วจู๋ไม่ได้บอกว่าในเงามืดมีคน เพียงแต่คนส่วนมากมองไม่เห็นเท่านั้น
หลิวจิ่วจู๋ไม่ชอบให้มีคนติดตาม ทว่าเพื่อไม่ให้ลู่ฉาวจิ่งกังวล นางจึงยอมรับการมีอยู่ของผู้คุ้มกันลับเหล่านั้น อย่างไรก็ตาม นางมีเงื่อนไขหนึ่ง คือหากไม่ได้รับคำสั่ง นางไม่อนุญาตให้ผู้คุ้มกันลับเหล่านั้นปรากฏตัว
“เหมียวชุนจู๋จะเป็นลูกสาวของนายท่านถังไปได้อย่างไร?” หลิวจิ่วจู๋พึมพำกับตนเอง “หากใช่ เช่นนั้นก็โชคดีจริง ๆ”
ท้ายที่สุดนายท่านถังผู้นี้ก็ดูเหมือนจะพึ่งพาได้มากกว่านายท่านเหมียวผู้นั้น หากนางเป็นเหมียวชุนจู๋คงภูมิใจในตัวบิดาผู้นี้อย่างแน่นอน
หลิวจิ่วจู๋ไม่ได้ใส่ใจกับเรื่องนี้นัก
ทว่าคนบางคนกลับสืบค้นจนพบเบาะแสแล้ว
หลังจากฟังรายงานจากลูกน้องของเขาเหมียวกุ้ยก็เอ่ย “เจ้าแน่ใจหรือว่านายท่านถังที่มาวันนี้เป็นขุนนาง อีกทั้งยังเป็นขุนนางใหญ่”
“ถึงแม้เขาจะแต่งตัวเรียบง่าย ดูแล้วไม่ต่างอะไรจากคหบดีที่ร่ำรวยทั่วไป ทว่าเขาสวมรองเท้าขุนนางขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว “ข้าน้อยเคยอยู่ในเมืองหลวง รองเท้าของขุนนางนั้นแบ่งแยกระดับ ดูจากรองเท้าขุนนางของเขาแล้ว ลำดับขั้นขุนนางของเขาจักต้องไม่ต่ำต้อย เขาส่งคนไปสอบถามที่อยู่ของสตรีผู้หนึ่งไปทั่วทุกแห่ง…”
หลังจากได้ยินคำอธิบายที่ลูกน้องถ่ายทอดให้ฟัง เหมียวกุ้ยยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง
“เหตุใดฟังดูแล้วเหมือนหลี่ซื่อเล่า? วันนี้เขามาที่จวนก็เอ่ยถามถึงเรื่องของแม่ชุนจู๋เช่นกัน น้ำเสียงค่อนข้างแปลก ราวกับเขากำลังตามหาคนรักเก่า หรือว่าเขาคือคนรักก่อนหน้านี้ของหลี่ซื่อ? ไม่ถูก ไม่ถูกต้อง ๆ หากหลี่ซื่อมีคนรักเก่าเช่นนี้ นางจะยินดีแต่งให้ข้าหรือ? เพียงแต่ จากเบาะแสของคนที่เขาตามหา ควรจะเป็นนางจริง ๆ”
“นายท่าน เขาหาคนผิดแล้วหรือไม่ขอรับ?” ผู้ใต้บังคับบัญชาเอ่ย “ดูเหมือนเขากำลังตามหาเด็กหญิงผู้หนึ่ง เด็กหญิงผู้นั้นกับคุณหนูของเราอายุไม่ต่างกัน”
“เจ้าไปตรวจสอบอีกครั้ง ดูว่าที่แท้เขาเป็นผู้ใดกันแน่” เหมียวกุ้ยกล่าว “สอบถามให้ละเอียด ยิ่งละเอียดมากเพียงใดยิ่งดีเท่านั้น ทางที่ดีที่สุดขุดค้นรายละเอียดทั้งหมดของเขาออกมา”
เฝิงหลานเซิงเดินเข้ามา “ท่านพ่อ ไม่ต้องยุ่งยากแล้วขอรับ ข้าตรวจสอบมาชัดเจนแล้ว”
เหมียวกุ้ยโบกมือ ส่งสัญญาณให้คนของตนถอยออกไป
เฝิงหลานเซิงนั่งลง ยกชาขึ้นมาดื่ม
“อ้อ ไหนบอกให้ข้าฟังสิ ที่แท้เขาเป็นผู้ใดและต้องการตามหาผู้ใดแน่?”
“เขาเป็นขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่งและกำลังตามหาลูกสาวที่เกิดกับภรรยาเดิม” เฝิงหลานเซิงกล่าว “ข้อมูลทั้งหมดนี้ได้มาจากบ่าวรับใช้ของจวนถัง กล่าวว่าเดิมทีเขามีภรรยาผู้หนึ่ง ทั้งสองผูกสมัครรักใคร่กันเป็นอย่างยิ่ง ทว่าคนในสกุลเขาไม่ชอบนาง ครั้งหนึ่งเขาต้องเดินทางไปที่อื่น ครั้นเมื่อเขากลับมา ภรรยาเดิมของเขาก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย เขาจึงส่งคนพลิกแผ่นดินตามหาแต่กลับไม่พบสิ่งใด จนกระทั่งไม่นานมานี้มีคนขายเครื่องประดับของภรรยาเดิม เขาจึงรู้ร่องรอยจากของที่ภรรยาเดิมทิ้งไว้และตามหานาง”
“น่าเสียดายที่ภรรยาเดิมได้ตายไปแล้ว หลังจากสอบถาม เขาจึงรู้ว่ายามนั้นภรรยาของเขากำลังตั้งครรภ์ คำนวณเวลาแล้วตรงกับอายุของชุนจู๋ขอรับ”
เหมียวกุ้ยลูบคาง ดวงตาปรากฏการคิดคำนวณ
“ขุนนางใหญ่ขั้นหนึ่ง… ตามหาภรรยาเดิมกับลูกสาว…”
“ท่าน ท่านคิดจะ…”
“ชุนจู๋แน่นอนว่าเป็นลูกสาวข้า” เหมียวกุ้ยเอ่ย “ตอนนั้นที่หลี่ซื่อติดตามข้ามาไม่ได้มีชายอื่น ส่วนวันเกิดของชุนจู๋ก็ง่ายดาย เป็นเพราะชุนจู๋เกิดก่อนกำหนดจึงได้ตรงกับวันเกิดนั้นเข้า อย่างไรก็ตาม จากเหตุการณ์นี้เห็นได้ว่า ชุนจู๋ของเรามีวาสนา เรื่องดี ๆ เช่นนี้ถึงได้เกิดขึ้นกับนาง”
“คนผู้นั้นดูไม่เรียบง่ายเลย หากรู้ว่าเราใช้เรื่องนี้หลอกลวงเขา เกรงว่าจะรับมือได้ยากนะขอรับ” เฝิงหลานเซิงกล่าว
เหมียวกุ้ยยิ้มร้าย “หากคิดจะเป็นคนเหนือคนก็จำต้องเสี่ยง ไม่เช่นนั้นหากพลาดโอกาสที่ดีเช่นนี้ไปแล้ว โอกาสหน้าย่อมไม่หวนกลับมา”
“ฮูหยินทางนั้น…”
“วางใจเถอะ ข้ารู้จักลูกสาวข้า นางจะต้องให้ความร่วมมืออย่างแน่นอน” ไม่เพียงให้ความร่วมมือ แต่นางยังจะแสดงละครดี ๆ ให้ดูอีกด้วย”
หลังจากถังกั๋วกงกลับมาศาลาว่าการอำเภอก็ตรวจสอบอีกครั้ง เป็นดังคาด นอกเสียจากคนสกุลเหมียวผู้นั้นแล้วก็ไม่มีผู้ใดตรงกับเงื่อนไขอีก
มารดาของหลิวจิ่วจู๋ก็มาจากที่อื่นเช่นกัน เพียงแต่ได้ยินว่าหน้าตาอัปลักษณ์ สิ่งสำคัญคือวันเกิดของหลิวจิ่วจู๋ไม่สอดคล้อง
“นายท่าน คนสกุลเหมียวมาขอรับ” ผู้ใต้บังคับบัญชากล่าว
“ผู้ใด?”
“นายท่านเหมียวขอรับ”
“ให้เขาเข้ามา”
เหมียวกุ้ยเดินเข้ามาคุกเข่าต่อหน้าถังกั๋วกงแล้วกล่าว “ใต้เท้า ผู้แซ่เหมียวคิดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ยังคงอยากอธิบายให้ท่านฟังอย่างตรงไปตรงมา อันที่จริงชุนจู๋ไม่ใช่ลูกสาวของข้า เพียงแต่เป็นลูกที่อนุข้าทิ้งไว้ ตอนนั้นที่ข้าแต่งนาง อนุของข้าตั้งครรภ์ได้สองเดือน ต่อมานางเสียชีวิตขณะคลอดบุตร ข้าจึงปฏิบัติต่อลูกสาวแก้วตาดวงใจผู้นั้นดั่งเลือดเนื้อเชื้อไข ย่อมไม่อาจเลี่ยงที่จะประคบประหงมตามใจนาง เมื่อครู่ผู้แซ่เหมียวคิด ๆ ดูแล้ว ใต้เท้าถามถึงอนุที่น่าสังเวชผู้นั้นของข้า ท่านคงเป็นคนในครอบครัวอนุข้าใช่หรือไม่ขอรับ?”
“ใต้เท้ารู้ใช่หรือไม่ว่าบิดาที่แท้จริงของชุนจู๋เป็นผู้ใด?”
ถังกั๋วกงขมวดคิ้ว “ท่านกำลังบอกว่าลูกสาวของท่านไม่ใช่ลูกสาวแท้ ๆ หากแต่เป็นลูกสาวของอนุของท่านกับบุรุษอื่น เช่นนั้นอนุของท่านเคยบอกหรือไม่ว่าสามีเก่าของนางเป็นผู้ใด?”
“ตั้งแต่แต่งนางเข้าสกุลมา นางก็เอาแต่ร้องไห้ตลอดทั้งวัน แต่ไรมาก็ไม่ยินดีจะกล่าวถึงเรื่องในอดีต ต่อมานางตรอมใจจนเสียชีวิตจากการคลอดบุตร ข้าจึงไม่มีโอกาสถามเรื่องราวที่เกิดขึ้นกับนางขอรับ” เหมียวกุ้ยถอนหายใจ “ใต้เท้า หากท่านรู้จักบิดาที่แท้จริงของชุนจู๋ ได้โปรดบอกกล่าว ข้าหวังว่าจะช่วยชุนจู๋หาครอบครัวของนางพบได้ในเร็ววัน”