สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1185 ตอนพิเศษ (67.2)
บทที่ 1185 ตอนพิเศษ (67.2)
“สกุลเหมียว…”
สกุลเหมียวนี้เป็นดังคาดแต่ละคนไม่ใช่คนดีอะไร
ถังกั๋วกงสั่งผู้ติดตามให้ไปทำเรื่องหนึ่ง
ไม่นานหลังจากนั้น หลักฐานการกระทำผิดของสกุลเหมียวก็ถูกรวบรวมมา สกุลเหมียวถูกตรวจค้น ทรัพย์สินทั้งหมดถูกยึด
ดังคำกล่าวที่ว่ามีสามสิ่งที่ขุนนางใหม่ต้องทำเมื่อเข้ารับตำแหน่ง ลู่ฉาวจิ่งผู้นี้ไฟแรงเกินไป เศรษฐีคหบดีในท้องที่หลายคนคิดจะปีนป่ายต้นไม้สูงของเขา เพียงแต่เกรงว่าไฟจะแผดเผามาถึงหัวเสียก่อน
คืนนั้นหลิวจิ่วจู๋ไปพบลู่ฉาวอวี่โดยมีลู่ฉาวจิ่งไปด้วยกัน
เดิมทีเป็นงานเลี้ยงครอบครัว ทว่าหลังจากงานเลี้ยงเริ่มได้ไม่นาน ลู่ฉาวอวี่ก็ต้องจากไปจัดการธุระของเขาก่อน หลิวจิ่วจู๋ที่เต็มไปด้วยความกังวลผ่อนคลายลง นางถึงได้มีกะจิตกะใจจะเติมเต็มท้องที่หิวโหย
“พี่ชายข้าไม่กินคน” ลู่ฉาวจิ่งเห็นสีหน้าของหญิงสาวแล้วก็หัวเราะออกมา
“ยังจะพูดอีก!” หลิวจิ่วจู๋วิ่งเข้าไปหาลู่ฉาวจิ่งแล้วหยิกเอวเขา “เหตุใดไม่บอกก่อนว่าพี่ชายของท่านคือท่านอ๋องน้อยลู่?”
“พี่ชายข้าเป็นท่านอ๋องน้อยลู่มีอะไรสำคัญ? เป็นท่านอ๋องน้อยแล้วแปลว่าเขาไม่ใช่พี่ชายข้า ไม่ใช่พี่สามีเจ้าหรือ”
“นั่นไม่เหมือนกัน พี่ชายท่านคือท่านอ๋องน้อยลู่ เป็นเซียนมาจุติที่ใคร ๆ ต่างก็ชื่นชมเชียวนะ!” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เล่าลือกันว่าเขาเป็นชายที่หน้าตางดงามที่สุดในใต้หล้า ก่อนหน้านี้ข้าไม่รู้ว่าเป็นอย่างไร วันนี้เห็นแล้วถึงได้รู้ว่าเทพเซียนหน้าตาเป็นเช่นนี้ เขาหน้าตาดีจริง ๆ…”
ดูสิ!
เมื่อเห็นสีหน้ายิ้มแย้มของลู่ฉาวจิ่ง หลิวจิ่วจู๋ก็ไม่กล้าเอ่ยต่อแล้ว
รอยยิ้มของสามีนางงดงามยิ่ง เทียบกับตอนไม่ยิ้มแล้วยังน่ามองกว่า เพียงแต่นางรู้สึกว่าวันนี้สามีของนางอันตรายเป็นพิเศษ เขาทำให้นางรู้สึกหนาว ๆ ชอบกล
หยางชิงซือกลับไปที่ชนบทแล้ว
นางสวมชุดผ้าแพรไหม พาจงซู่เกินที่พึ่งเลื่อนตำแหน่งและท้องของนางที่ยังเห็นไม่ชัดเจนนักกลับไปที่บ้านเกิดอย่างมีเกียรติ
นางไม่ได้กลับไปบ้านบิดามารดาตนเองและไม่ได้กลับไปที่บ้านบิดามารดาของจงซู่เกิน หากแต่ไปที่บ้านเล็ก ๆ กะทัดรัดไม่สะดุดตาหลังนั้นของพวกเขา
พึ่งกลับมาได้ไม่นาน ทุกคนในหมู่บ้านที่เคลื่อนไหวได้ไม่ว่าจะเป็นชาย หญิง คนแก่ หรือเด็กล้วนมารวมตัวกันอยู่ที่บ้านของจงซู่เกินกับหยางชิงซือ
จำต้องรู้ว่า ‘ทหาร’ เหล่านั้นที่กลับมาได้ก็กลับมาแล้ว คนในหมู่บ้านจึงรู้ว่าไม่นานมานี้เกิดอะไรขึ้น ทั้งยังรู้ว่าจงซู่เกินติดตามลู่ฉาวจิ่ง ลู่ฉาวจิ่งไม่เพียงแต่ช่วยชีวิตทุกคนเท่านั้น แต่ตัวตนที่แท้จริงของเขายังถูกเปิดเผย
ใต้เท้าลู่ผู้นั้นมีที่มาไม่ธรรมดา เป็นถึงบุตรชายคนรองของท่านอ๋องลู่ซึ่งเป็นอัครมหาเสนาบดีที่มีอำนาจมากที่สุดในเมืองหลวง ทั้งยังเป็นน้องชายแท้ ๆ ของท่านอ๋องน้อยลู่คนปัจจุบัน
นั่นเป็นถึงสกุลลู่เชียวนะ…
ตลอดเวลาที่ผ่านมาพวกเขาใช้เวลากับบุตรชายคนรองของสกุลลู่เห็นได้ชัดว่าพวกเขามีโอกาสที่จะปีนป่ายขึ้นสู่ต้นไม้สูงนี้ ทว่ากลับไม่ได้คว้าโอกาสนั้นไว้ เมื่อหันไปมองหยางชิงซือ ชีวิตของนังหนูผู้นั้นดีวันดีคืน นางเป็นสหายกับหลิวจิ่วจู๋ อีกทั้งหลิวจิ่วจู๋ยังเลือกลู่ฉาวจิ่งมา ตอนนี้จึงกลายเป็นสตรีข้างกายลู่ฉาวจิ่งไปแล้ว หนึ่งคนบรรลุเป็นเซียน ไก่สุนัขรอบตัวก็พลอยลอยขึ้นสวรรค์ไปด้วย ทุกคนในหมู่บ้านล้วนนึกอิจฉาตาร้อน
“ชิงซือเอ๋ย จงซู่เกินบ้านเจ้าได้เลื่อนตำแหน่งแล้วกระมัง?”
หยางชิงซือกล่าวอย่างถ่อมตัว “เลื่อนขั้นเป็นขุนนางอะไรกัน? เขาสำคัญเพียงใดพวกท่านก็รู้! เป็นขุนนางได้ง่าย ๆ หรือ? ไม่เพียงแต่ต้องมีฝีมือดีเท่านั้น ทว่ายังต้องรู้หนังสือด้วย เขารู้เพียงไม่กี่ตัวอักษร มีคุณสมบัติเป็นขุนนางที่ใด? เพียงแต่ ใต้เท้าลู่หรือก็คือสามีจู๋จือกำลังจะกลับเมืองหลวง จู๋จือไม่อาจตัดใจจากข้าไป สามีจู๋จือมีความสัมพันธ์ฉันสหายกับเจ้าคนบ้านข้า ย่อมไม่อาจตัดใจทิ้งเขาไปเช่นกัน พวกเขาบอกแล้วว่าจะให้ข้ากับสามีติดตามพวกเขาไปที่เมืองหลวงด้วย”
“พวกเจ้าจะไปที่เมืองหลวงหรือ?”
“พวกเจ้ายังจะตามสามีจู๋จือไปด้วยหรือ? ชิงซือเอ๋ย สามีจู๋จือเป็นคุณชายผู้สูงศักดิ์ของสกุลลู่ จู๋จือเป็นเพียงสาวชาวบ้านผู้หนึ่ง ก่อนหน้ามีโชคสุนัขถึงได้ช่วยชีวิตเขามา ทว่าพวกเราล้วนรู้ดีว่า คนร่ำรวยเหล่านี้ไม่มีทางแต่งกับสาวชาวบ้าน ถึงตอนนั้นจู๋จือตามเขาไปเมืองหลวง นั่นไม่ใช่ไปเป็นอนุหรือ อีกทั้งยังจะเป็นอนุที่ไม่ได้ตบแต่งด้วย”
“อนุอะไร? อนุไม่ได้ตบแต่งหรือ? พวกท่านอิจฉาตาร้อนแล้วใช่หรือไม่! บุรุษสกุลลู่ไม่รับอนุ นี่เป็นกฎที่พระชายาลู่ตั้งขึ้นมา”
“จริงหรือเท็จ?”
“เรื่องหลอกคนกระมัง!”
“นอกจากนี้ ผู้ใดบอกว่าจู๋จือเป็นสาวชาวบ้านเล่า? พวกท่านยังไม่รู้กระมัง บิดาแท้ ๆ ของจู๋จือมาหานางแล้ว อีกทั้งยอมรับจู๋จือ พวกท่านคิดว่าผู้ใดคือบิดาแท้ ๆ ของจู๋จือ?”
“ผู้ใดหรือ?”
“บิดาของนางเป็นกั๋วกง! กั๋วกงน่ะ รู้จักกระมัง? นั่นเป็นผู้สูงศักดิ์ที่อยู่ในงิ้ว เป็นขุนนางขั้นหนึ่ง… ตัวตนที่แท้จริงของจู๋จือคือบุตรสาวจากภรรยาคนแรกของจวนกั๋วกง เพียงสถานะนี้ก็คู่ควรกับคุณชายผู้สูงศักดิ์แห่งจวนอ๋องลู่แล้ว นางจักไม่คู่ควรกับสามีได้อย่างไร?”
“เจ้าโกหกกระมัง?”
ชาวบ้านถูกข่าวจากหยางชิงซือทำให้ตกตะลึงซ้ำแล้วซ้ำเล่า
ไม่แปลกใจที่พวกเขาไม่เชื่อ นี่จะเหมือนละครเกินไปแล้ว ราวกับเป็นเรื่องราวตลกขบขันที่แต่งขึ้นมาอย่างไรอย่างนั้น
ในสายตาของชาวบ้าน หยางชิงซือสร้างบารมีให้หลิวจิ่วจู๋นับว่าทุ่มเทแรงใจจริง ๆ เพียงแต่ แม้นางอยากจะแต่งเรื่องก็ต้องเรื่องที่พอเชื่อได้หน่อย เรื่องราวเหล่านี้จะหลอกลวงกันเกินไปแล้ว
หยางชิงซือไม่สนใจว่าคนเหล่านี้จะเชื่อหรือไม่ เพราะนั่นเป็นเรื่องจริง
คราวนี้นางกลับมาที่หมู่บ้าน ประการแรก เพื่อโอ้อวดชีวิตหลิวจิ่วจู๋ในตอนนี้ให้พวกชาวบ้านเห็น ประการที่สอง นางจะติดตามหลิวจิ่วจู๋กับลู่ฉาวจิ่งไปเมืองหลวงนั้น ทว่านางอยากพาพี่ชายกับพี่สะใภ้และหลานสาวตัวน้อยที่อายุได้ไม่กี่เดือนไปด้วย หากทิ้งไว้ที่นี่ นางจะทำได้เพียงคิดถึงพวกเขาเท่านั้น
ส่วนบิดามารดาของนาง นางจะทิ้งเงินจำนวนหนึ่งเอาไว้ให้พวกเขาไม่ขาดอาหารการกินเครื่องนุ่งห่ม อย่างไรก็ตาม นางไม่คิดที่จะพาพวกเขาไปที่เมืองหลวงด้วย
หลังจากพี่สะใภ้หยางได้ยินที่หยางชิงซือบอกก็ไม่เชื่ออยู่บ้าง
“น้องสะใภ้ เจ้าต้องการพาพวกเราไปที่เมืองหลวงจริง ๆ หรือ?”
“พี่สะใภ้ ท่านไม่ต้องถามแล้ว รีบเก็บสัมภาระเถิด!” หยางชิงซือเอ่ย “อีกครึ่งเดือนสามีจู๋จือก็จะออกเดินทางแล้ว บ้านและที่ดินของพวกท่านทางนี้ต้องขาย เช่นนั้นยิ่งไม่ต้องรีบจัดการหรือ?”
“พวกเราจะไม่กลับมาที่นี่แล้วหรือ?”
“ไปเมืองหลวงแล้วคงไม่มีโอกาสกลับมาอีก” หยางชิงซือกล่าว “อย่างไรเสียก็ไม่ได้เดินทางง่ายเพียงนั้น พอไปถึงเมืองหลวง พวกเราคงต้องตั้งหลักอยู่ที่นั่น”
หยางชวนกล่าว “ท่านพ่อ ท่านแม่…”
“พวกเราออกคนละร้อยตำลึงให้พวกเขาได้ดูแลตนเองยามแก่เฒ่าอยู่ที่นี่เถิด” หยางชิงซือเอ่ย “หากตอนนี้ท่านไม่มีเงิน ข้าจะออกให้ก่อน รอพวกท่านมีแล้วค่อยคืน”
สองร้อยตำลึงเงินเพียงพอให้บิดามารดาอยู่ที่นี่อย่างสุขสบายไปเป็นเวลาหลายสิบปี ตราบใดที่พวกเขาไม่ติดพนันลุ่มหลงสตรีบุรุษ ชีวิตไม่มีทางลำบาก
ปัง ๆ ๆ! มีเสียงเคาะประตูจากด้านนอก
เสียงพี่สะใภ้หยางดังมาจากหน้าประตู “ท่านแม่ ท่านมาได้อย่างไร?”
“ลูกสาวแก้วตาดวงใจของข้าเล่า?” ซ่งซื่อเอ่ย “ได้ยินว่าชิงซือกลับมาแล้ว”
พี่สะใภ้หยาง “…”
แม่สามีของนางผู้นี้ช่างมีความสามารถยืดได้หดได้จริง ๆ
ลูกสาวแก้วตาดวงใจ…
คำเรียกนี้นางยังสามารถเอ่ยออกมาได้ด้วยหรือ?