สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1187 ตอนพิเศษ (68.2)
บทที่ 1187 ตอนพิเศษ (68.2)
ผู้คนในหมู่บ้านรู้แผนการของพวกเขาก็รู้สึกอิจฉาอย่างมาก ในเวลานี้ หยางชวนขายสิ่งของที่เขามีให้พวกชาวบ้านในราคาถูก พวกเขาย่อมยินดีที่จะรับประโยชน์นี้
ไม่กี่วันต่อมา หยางชิงซือก็พาครอบครัวขึ้นรถม้าไปเมืองหลวง
เรื่องทางนี้ถูกส่งต่อให้กับผู้ใต้บังคับบัญชาที่ลู่ฉาวอวี่พามา
ผู้ใต้บังคับบัญชาติดตามลู่ฉาวอวี่จัดการคดีต่าง ๆ มาไม่น้อย ทักษะการปกครองไม่เลว รั้งอยู่ที่นี่เพื่อจัดการกับผลกระทบในภายหลังจนกว่านายอำเภอคนใหม่จะมาถึง
“ลูกสาว การแต่งงานของเจ้ากับคุณชายลู่รองไม่อาจนับ รอเจ้าไปถึงเมืองหลวง เข้าลำดับวงศ์สกุลแล้ว พ่อจะให้เจ้า…” ถังกั๋วกงขี่ม้าตามรถม้ามา เขากล่าวกับหลิวจิ่วจู๋ที่อยู่ข้างใน
หลิวจิ่วจู๋ที่ง่วงเป็นทุนเดิมลืมตาขึ้นมาทันทีหลังจากได้ยินคำพูดของถังกั๋วกง
นางยกม่านขึ้นแล้วเอ่ยกับเขา “เหตุใดไม่นับ”
“เจ้าเป็นคุณหนูของจวนกั๋วกงจะแต่งงานเข้าสกุลลู่รวบรัดเช่นนี้ได้อย่างไร? หกพิธีมีหรือไม่? เกี้ยวแปดคนหามมีหรือไม่?”
“นั่นก็เพราะ…”
ลู่ฉาวจิ่งกล่าว “จิ่วเอ๋อร์ รอกลับถึงเมืองหลวงแล้ว เจ้ากลับไปที่สกุลถังพร้อมกับถังกั๋วกง ทำความรู้จักญาติผู้ใหญ่บรรพบุรุษเสียก่อน ข้าจะกลับไปเตรียมตัวมาสู่ขอเจ้าตามกฎ”
ทั้งสองเป็นเพียงสามีภรรยาในนามเท่านั้น ก่อนหน้านี้เขารู้สึกผิดต่อนาง พอดีจะได้ใช้โอกาสนี้จัดงานแต่งงานให้นางจริง ๆ อย่างนี้ก็จะไม่ทิ้งสิ่งใดให้ต้องเสียใจภายหลัง
หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เพียงแต่ ข้าอาจไม่ใช่ลูกสาวของเขา”
“ถังกั๋วกงส่งคนไปตรวจสอบชัดเจนแล้ว ข้าก็หาคนที่เคยพบมารดาเจ้าในตอนนั้นแล้ว รูปร่างหน้าตาของนางเหมือนกับที่ถังกั๋วกงบอกไม่มีผิด มารดาเจ้าคลอดก่อนกำหนด คำนวณเวลาตั้งครรภ์แล้วก็สอดคล้อง เจ้ากับถังกั๋วกงควรเป็นบิดาบุตรกัน เพียงแต่เรื่องที่เกิดขึ้นกับมารดาเจ้าตอนนั้นเป็นเพราะมีคนในจวนถังกั๋วกงทนไม่ไหว ตอนนี้เจ้ากำลังกลับไป ทางนั้นไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร ข้าจะไปที่จวนกั๋วกงสู่ขอเจ้าโดยเร็วที่สุดและแต่งเจ้าเข้าสกุลลู่เรา อย่างนี้จะได้ไม่ต้องคอยพะวงกับเรื่องน่าเบื่อในสกุลถัง”
“ปีนั้นข้าไม่ได้อยู่ที่จวน เมื่อข้ากลับถึงจวนก็พบเจอกับความวุ่นวายทุกรูปแบบ ถึงได้พลาดโอกาสที่จะหานางครั้งแล้วครั้งเล่า ต่อมามีคนนำหลักฐานว่านางเสียชีวิตแล้วมามอบให้ ข้าจึงเชื่อว่านางตายแล้ว ไม่ง่ายดายเลยกว่าจะหาคนพบ หากข้ารู้ว่า… จิ่วเอ๋อร์เป็นลูกสาวจักต้องปกป้องนางอย่างแน่นอน หากมีผู้ใดคิดจะต่อต้านนาง นั่นเท่ากับต้องการต่อต้านข้าถังกั๋วกง ข้าจะไม่ปล่อยพวกเขาไปเป็นแน่”
“เรื่องในเรือนหลัง ท่านกั๋วกงเกรงว่าจะไม่สนใจ” ลู่ฉาวจิ่งกล่าว
“สรุปก็คือ หากคุณชายรองลู่คิดจะแต่งงานกับจิ่วเอ๋อร์ของเรา นั่นก็ต้องได้รับความยินยอมจากข้าเสียก่อน” ถังกั๋วกงเอ่ยอย่างเย็นชา
ลู่ฉาวจิ่งหันกลับไปมองหลิวจิ่วจู๋ “จิ่วเอ๋อร์ เจ้าว่าอย่างไร?”
หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เดิมทีข้าชื่นชมนายท่านถังเป็นอย่างยิ่ง เพียงแต่นับแต่ข้าพบว่านายท่านถังอาจเป็นบิดา ความชื่นชมที่ข้ามีต่อเขาก็น้อยลงไปมาก มารดาข้าได้รับความแค้นใจมากมายเพียงนั้นเพราะเขาปกป้องนางไม่ดีพอ ตอนนี้ข้าเติบใหญ่แล้ว เขาถึงมาตามหาข้า บอกว่าต้องการปกป้อง อันที่จริงกลับไม่ได้จำเป็นเพียงนั้น เรื่องของข้ามีเพียงข้าที่ตัดสินใจได้”
“จิ่วเอ๋อร์…”
หลิวจิ่วจู๋ปล่อยม่านลง กลับไปนั่งในรถม้า
หยางชิงซือกล่าว “จู๋จือ เจ้าจะไม่ยอมรับพ่อของเจ้าจริง ๆ หรือ? พ่อเจ้าเป็นกั๋วกง เจ้าตามเขากลับไปก็จะเป็นถึงคุณหนูจวนกั๋วกง มีสถานะเป็นสตรีสูงศักดิ์”
“ชิงซือ เจ้าก็รู้จักข้า ข้ารู้สึกว่าเขามีเมตตาอารี ชอบคบหาเป็นสหายกับเขามาก หากเขาเป็นเพียงนายท่านธรรมดาทั่วไปก็คงไม่ยาก แต่นึกไม่ถึงว่าเขาจะเป็นบุรุษที่ทำให้แม่ของข้าต้องทุกข์ทรมาน หากเขารักแม่ข้าเพียงนั้นจริง ๆ เหตุใดไม่มาหานางตั้งแต่หลายปีก่อน หากเขามาที่นี่เร็วกว่านี้ แม่ของข้าคงไม่ต้องทุกข์ทนเพียงนั้น ข้าเองก็ไม่ต้องทนทุกข์เพราะผู้อื่นมากนัก”
“แน่นอนว่าไม่ใช่เพราะข้าตำหนิเขาจึงไม่อยากยอมรับ หากแต่ข้าพึ่งรู้จักเขา หากเป็นเพียงคนแปลกหน้า เขาอ่อนโยนและใจดีเพียงนั้น ข้าค่อนข้างชอบเขาทีเดียว แต่ในแง่มุมที่เป็นพ่อแล้ว ข้าไม่คุ้นเคยกับเขา ตอนนี้จะให้ข้าเรียกเขาว่าท่านพ่อ ตามเขากลับไปหาบรรพบุรุษ นั่นแปลกเกินไปกระมัง? อย่างไรเสียข้าก็ไม่คุ้นชิน ดังนั้นข้าจึงไม่อยากเป็นคุณหนูจวนกั๋วกงอะไรนี่”
“คนเรานั้นมีโชคชะตาแตกต่างกัน! หากเป็นข้าจักต้องดีใจมากเป็นแน่ เขาไม่ต้องเอ่ยสักคำ ข้าก็คงกอดต้นขาและเรียกเขาว่าพ่อแล้ว ใช่หรือไม่ท่านพี่?”
หยางชวนกล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ไม่ว่าอย่างไร นายท่านถังผู้นี้ก็ดีกว่าลุงซานเฉวียนมาก เจ้ายอมรับลุงซานเฉวียนเป็นพ่อมาหลายปี เหตุใดไม่ยินดียอมรับพ่อที่ผู้สูงศักดิ์ผู้นี้เล่า?”
หลิวจิ่วจู๋ลอบหยักยิ้มน้อย ๆ ที่มุมปากแล้วมองออกไปข้างนอก
หยางชิงซือหัวเราะนาง “ปากแข็ง!”
บิดาที่ดีเพียงนี้ นางจะต้องชอบเป็นแน่
เพียงแต่ยอมเสียหน้าไม่ได้ถึงได้ฮึดฮัดอยู่อย่างนี้
นายท่านถังผู้นั้น ก่อนหน้านี้คิดว่าเขาดูคุ้นหน้า บัดนี้คิดคิดดูแล้วเขากับหลิวจิ่วจู๋มีความคล้ายคลึงกันหลายส่วน
อย่างไรก็ตาม ที่คล้ายคลึงที่สุดไม่ใช่เขากับหลิวจิ่วจู๋ หากแต่เป็นทายาทชายเขากับหลิวจิ่วจู๋
“จู๋จือ หากกล่าวไปแล้วเจ้าจะเข้าสกุลพบบรรพบุรุษตอนนี้ไม่นับเป็นอะไร อย่างไรเสียเจ้าก็ต้องแต่งงาน” หยางชิงซือเอ่ย “ตอนนี้เจ้ากังวลหรือไม่? นั่นเป็นสกุลลู่เชียวนะ… สกุลลู่ที่มีชื่อเสียงไปทั่วหล้า สกุลลู่เป็นรองเพียงราชวงศ์ สตรีผู้ทำการค้าอันดับหนึ่งในใต้หล้า พระชายาลู่เป็นแม่สามีของเจ้า…”
ดวงตาของหลิวจิ่วจู๋เปล่งประกายระยิบระยับ
มู่ซืออวี่ สตรีผู้ทำการค้าอันดับหนึ่งในใต้หล้า แบบอย่างของสตรีทั่วหล้าผู้นั้นคือแม่สามีของนาง
สวรรค์!
นี่เหมือนความฝันยิ่งนัก
“เพียงแต่ข้าได้ยินว่าท่านอ๋องลู่กับพระชายาลู่เดินทางไปทั่วหล้า เจ้าเข้าเมืองหลวงตอนนี้คงยังไม่ได้พบ”
หลิวจิ่วจู๋เอ่ยด้วยแก้มแดงปลั่ง “นางคงจะกลับเมืองหลวงกระมัง!”
“เห็นเจ้าเป็นอย่างนี้ คงอดใจรอพบแม่สามีไม่ไหวแล้วใช่หรือไม่?”
“หรือเจ้าไม่อยากพบนาง?”
หยางชิงซือไม่อาจกล่าวสิ่งใด
นางก็อยากพบมู่ซืออวี่เช่นกัน!
ตอนเรื่องราวของพระชายาลู่แพร่กระจายไปยังสถานที่เล็ก ๆ ของพวกนางครั้งแรก สตรีที่อยู่รอบ ๆ หลายลี้ล้วนตื่นตาตื่นใจ หยางชิงซือกับหลิวจิ่วจู๋เป็นสองคนในนั้น ทั้งยังเป็นสองคนที่หลงใหลมันมากทีเดียว
ทั้งสองเก็บสมุนไพรมาขาย หาเงินไปหาคนเล่าเรื่องเพื่อฟังเรื่องราวของพระชายาลู่ ในช่วงเวลาอันยาวนานนั้น พระชายาลู่ถือเป็นเข็มทิศในการดิ้นรนกระเสือกกระสนของพวกนาง
หยางชิงซือกำลังตั้งครรภ์ เริ่มแรกยังดี ๆ ต่อมาเมื่อการเดินทางยาวนานขึ้นเรื่อย ๆ นางก็เริ่มมีอาการของคนตั้งครรภ์ในระยะแรก โชคดีที่หลิวจิ่วจู๋ร่วมทางไปด้วยจึงปรุงอาหารให้เหมาะกับสตรีมีครรภ์ ทั้งยังชะลอการเดินทาง นางถึงได้อาการดีขึ้น
เมื่อพวกเขามาถึงเมืองหลวง หยางชิงซือก็มีอายุครรภ์ได้แปดเดือนแล้ว
เดินทางเที่ยวนี้ พวกเขาใช้เวลาเดินทางนานกว่าหกเดือน
หยางชิงซือมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นมาก ตอนนี้ดูราวกับลูกซาลาเปายักษ์เดินได้
ลู่ฉาวจิ่งเดิมทีต้องการจัดให้พี่น้องสกุลหยางและคนในครอบครัวพักอาศัยที่จวนอ๋องลู่ อย่างไรก็ตาม พวกเขาพึ่งมาถึงเมืองหลวงครั้งแรกจึงรู้สึกกดดัน มองที่ใดล้วนรู้สึกไม่สบายใจ ไม่ต้องกล่าวถึงไปอยู่ที่จวนอ๋องลู่เลย
สุดท้าย หลิวจิ่วจู๋ก็พาพวกเขาไปที่จวนถังกั๋วกง
ไม่ผิด! ในที่สุดหลิวจิ่วจู๋ก็ตามถังกั๋วกงกลับจวนแล้ว
ถังกั๋วกงใช้เวลาสองสามเดือนในการเข้าใกล้หลิวจิ่วจู๋มากขึ้น ตอนนี้หลิวจิ่วจู๋ไม่ปฏิเสธการกลับจวนอีกต่อไป อย่างไรเสียนางสามารถไม่สนใจเรื่องสถานะได้ ทว่าการแต่งเข้าจวนอ๋องลู่ด้วยสถานะนี้สามารถหยุดคนปากยื่นปากยาวได้มากกว่า
“น้องเล็ก!” เสียงของลู่จื่อชิงดังขึ้น
ลู่ฉาวจิ่ง “…”
ลู่จื่อชิงอยู่ในชุดขี่ม้า ยามนี้กำลังถือหอกเล่มหนึ่ง นางควบขี่ม้าเข้ามา จ้องมองเขาด้วยท่าทีองอาจ “เจ้าเด็กนี่ในที่สุดก็กลับมาเสียที มา ๆ ๆ ยืดเส้นยืดสายสักหน่อย”