สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1190 ตอนพิเศษ (70.1)
บทที่ 1190 ตอนพิเศษ (70.1)
ลู่จื่อชิงผล็อยหลับไปในอ้อมแขนของซ่งหานจือ
ซ่งหานจือเอาแขนโอบไหล่นางไว้ ป้องกันไม่ให้หัวกระแทกรถม้า
เมื่อมาถึงจวนซ่ง เขาก็พานางลงไป
อย่างไรก็ตาม บ่าวรับใช้ทั้งสองจวนต่างเห็นภาพนี้จนชินแล้ว หากวันใดทั้งสองคนไม่อยู่ด้วยกัน เช่นนั้นพวกเขาจึงต้องระวัง เพราะนั่นหมายความว่าคุณชายของพวกเขาจะไม่มีความสุข บรรยากาศในสกุลซ่งย่อมย่ำแย่ตามไปด้วย
ซ่งหานจืออุ้มลู่จื่อชิงไปที่ห้องปีกข้าง
สกุลซ่งมีห้องสำหรับลู่จื่อชิงโดยเฉพาะ
แน่นอนว่า ฝั่งตรงข้ามคือจวนอ๋องลู่ นางไม่จำเป็นต้องค้างคืนที่นี่ ทว่าบางครั้งหากนางรู้สึกง่วงนอน ซ่งหานจือก็จะอุ้มนางไปที่ห้องให้พักผ่อน
ทั้งสองยังไม่ได้แต่งงานจึงไม่เหมาะสมที่จะให้นางเข้าไปในห้องของเขา แม้ว่าทุกคนในใต้หล้านี้จะรู้แล้วว่าทั้งสองเป็นคนรักกัน แต่สิ่งที่ควรใส่ใจเขาย่อมไม่ละเลย เพราะเขาไม่ต้องการให้ผู้ใดมาดูแคลนนางได้
“คุณชายซ่ง สิ่งที่คุณหนูของเราให้ไปตรวจสอบได้ตรวจสอบชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ” ไป๋กั่วกล่าว “คุณหนูหลี่ผู้นั้นหรือหลี่เยียนหราน ตอนนี้กลายเป็นอันดับหนึ่งในหอจันทราแล้วเจ้าค่ะ”
“หอจันทรา?” ซ่งหานจือเอ่ย “เรื่องนี้ไม่จำเป็นต้องบอกคุณหนูพวกเจ้า หากนางถาม ให้กล่าวว่าไม่พบที่อยู่ของหลี่เยียนหราน”
“นี่…”
“ข้าจะจัดการเอง” ซ่งหานจือกล่าว “นางไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองแรงไปกับคนไม่สำคัญเหล่านี้”
นางเพียงแค่ต้องมีความสุข ไร้กังวล อยากทำสิ่งใดก็ทำสิ่งนั้น คนน่ารังเกียจอย่างหลี่เยียนหราน เดิมทีก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจแม้แต่น้อย
เมื่อลู่จื่อชิงตื่นขึ้นมาก็พบว่าตนอยู่อีกที่หนึ่งแล้ว ห้องนี้นางคุ้นเคยดี อย่างไรเสียนางก็ใช้เวลากว่าครึ่งค่อนวันอยู่ที่จวนซ่ง อีกครึ่งวันที่เหลือถึงออกไปขี่ม้ายิงธนูข้างนอก หรือไม่ก็จัดการเรื่องภายในจวนอ๋องลู่
นางออกมาข้างนอก เห็นซ่งหานจือกำลังรดน้ำต้นเหอฮวน*[1] ที่ทั้งสองคนปลูกไว้
“หานจือ พวกเรามาเขียนจดหมายให้ท่านพ่อท่านแม่ บอกให้พวกเขาพาพี่หญิงกับพี่เขยกลับมา จากนั้นพวกเรามาแต่งงานกันเถอะ!”
ซ่งหานจือที่กำลังรดน้ำหยุดชะงัก
ลมพัดชายเสื้อของเขา ชายผ้าที่กำลังพัดปลิวทำให้ซ่งหานจือประหนึ่งเซียนถูกเนรเทศที่กำลังจะโบยบินจากไป
อย่างไรก็ตาม เทพเซียนถูกเนรเทศผู้นั้นไม่อาจตัดใจจากดอกไม้ในโลกมนุษย์จึงไม่ยินยอม มันถูกกิ่งดอกดอกไม้เกาะกุมไว้ ไม่อาจบินขึ้นสวรรค์ได้อีก
จวนถังกั๋วกง ถังกั๋วกงนั่งอยู่ ข้างกายมีฮูหยินผู้เฒ่าท่านหนึ่ง
ฮูหยินผู้เฒ่ามองหลิวจิ่วจู๋ แล้วเอ่ยกับถังกั๋วกง “เจ้าแน่ใจหรือว่าเป็นลูกสาวของเจ้า?”
“จริงแท้แน่นอน” ถังกั๋วกงเอ่ย “ท่านแม่ ข้าอยากให้จิ่วเอ๋อร์คืนสู่สกุล”
“แม่นางผู้หนึ่งจะคืนหรือไม่คืนสู่สกุลก็ไม่นับเป็นอะไร ในเมื่อกลับมาแล้ว จวนกั๋วกงย่อมไม่ปฏิบัติต่อนางอย่างเลวร้าย ถึงตอนนั้นก็หาคู่ครองดี ๆ ให้นางสักคน”
ถังกั๋วกงขมวดคิ้ว “ในเมื่อนางเป็นลูกสาวข้า แน่นอนว่าต้องคืนสู่สกุล เป็นลูกสาวแล้วอย่างไร? นางเป็นลูกสาวคนเดียวของข้า”
“ลูกสาวคนเดียวอะไร?” ฮูหยินผู้เฒ่าเอ่ย “เจ้าเห็นฮุ่ยเอ๋อร์กับจือหลานเป็นอะไร?”
ถังกั๋วกงอ้าปากพะงาบ ๆ ทว่าสุดท้ายก็ไม่ได้กล่าวอะไร
หลิวจิ่วจู๋เข้าใจแล้วเอ่ยจึงเอ่ย “ท่านพ่อ หากสกุลถังไม่ยินดียอมรับข้า ข้าก็ยอมจากไป”
“เจ้าไม่ได้รับอนุญาตให้ไปที่ใด” ถังกั๋วกงขมวดคิ้ว “ข้าเป็นเจ้าบ้านจวนกั๋วกง หากลูกสาวข้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เช่นนั้นผู้อื่นก็ไม่ต้องอยู่ที่นี่เช่นกัน”
“ประเสริฐนัก! ถังอันจิ้น เจ้าหมายความว่าแม้กระทั่งมารดาแท้ ๆ ของเจ้าก็ไม่คู่ควรอยู่ที่จวนกั๋วกงหรือ? ดี ดีนัก! เพื่อนังเด็กบ้านนอกที่ไม่รู้โผล่มาจากที่ไหน เจ้ากลับไม่เห็นแก่หน้าผู้ใด เจ้าไม่อยากให้ข้าอยู่ ข้าไปก็ได้!” ฮูหยินผู้เถ้าถังลุกขึ้นยืนกล่าวด้วยโทสะ
“ท่านแม่…” สตรีนางหนึ่งก้าวเข้ามาแล้วเอ่ยอย่างกังวล “เหตุใดท่านแม่ถึงได้โมโหเล่าเจ้าคะ? ท่านหมอบอกไว้ ท่านไม่อาจโมโหได้นะเจ้าคะ”
สิ้นคำก็หันไปเอ่ยกับถังกั๋วกงเชิงตำหนิ “ท่านกั๋วกง ท่านแม่สุขภาพไม่แข็งแรง ท่านก็รู้ ไม่ว่าเรื่องอะไรก็ไม่อาจทำให้โมโหนะเจ้าคะ”
“เจ้าสิจึงจะกตัญญู” ฮูหยินผู้เฒ่าถังนั่งลงบนเก้าอี้ที่ฟางซื่อยกมาให้ “หากไม่ใช่เพราะเจ้า ข้าคงไม่อยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว”
หลิวจิ่วจู๋มองดูคนหลายคนตรงหน้า
นางนึกเสียใจภายหลังแล้ว
ครอบครัวนี้ยุ่งยากจริง ๆ
นางมองออก ถังกั๋วกงเคารพมารดาผู้นี้เป็นอย่างมาก ดังนั้นหลังจากเห็นการแสดงฉากนี้ แม้ว่าเขาจะไม่พอใจเพียงใดก็ไม่กล้าทำให้นางขุ่นเคืองอีก
“ท่านพ่อ ในเมื่อที่นี่ไม่มีที่สำหรับข้า เช่นนั้นข้าขอตัว”
“ผู้นี้คือคุณหนูใหญ่จวนเรากระมัง?” ฟางซื่อเข้ามาคว้ามือหลิวจิ่วจู๋ไปจับ ส่งยิ้มให้อย่างกระตือรือร้น “ได้ยินนานแล้วว่าจวนเรามีคุณหนูใหญ่ที่งดงามผู้หนึ่ง วันนี้ได้พบเป็นครั้งแรก เห็นใบหน้านี้แล้วคล้ายคลึงกับพี่หญิงถึงห้าส่วน เห็นได้ชัดว่าเป็นลูกที่นางคลอดออกมา”
หลิวจิ่วจู๋ไม่คุ้นชินกับการแสดงความรักจากคนแปลกหน้า
นางจึงถอนมือกลับ
“คุณหนูใหญ่อย่าได้ถือสา เจ้าเป็นคุณหนูใหญ่ของจวน ที่นี่เป็นบ้านเจ้า จักไม่มีที่สำหรับเจ้าได้อย่างไร?” ฟางซื่อเห็นความเย็นชาของนางก็หาได้ใส่ใจ
นางยิ้มแย้มปลอบโยนหลิวจิ่วจู๋แล้วเอ่ยกับฮูหยินผู้เฒ่าถัง “ท่านแม่ หลายปีมานี้คุณหนูใหญ่ต้องทนทุกข์มาไม่น้อย บัดนี้ไม่ง่ายเลยกว่าจะได้กลับมา พวกเราควรรักใคร่ถนอมนางให้ดีจึงจะถูก ในร่างกายนางมีสายเลือดสกุลถังไหลเวียน จะปล่อยให้ลูกหลานสกุลถังอยู่ข้างนอกได้อย่างไร คืนสู่สกุลเป็นเรื่องที่ถูกควร ไม่เพียงต้องทำ แต่ยังต้องทำให้ใหญ่โตนะเจ้าคะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถังขมวดคิ้ว “จำเป็นต้องยุ่งยากเพียงนั้นที่ใดกัน?”
แม่นางโตเพียงนี้แล้ว เลี้ยงไม่ถึงสองปีก็ต้องแต่งออกไป ไม่ช้านานก็ต้องเป็นคนสกุลอื่น ถึงแม้จะเขียนชื่อในผังสกุล ทว่าสุดท้ายก็ยังต้องกลายเป็นคนสกุลอื่นไม่ใช่หรือ?
“ท่านแม่ หลานสาวที่น่ารักเพียงนี้ ท่านเองก็คงเห็นใจกระมังเจ้าคะ?” ฟางซื่อส่งสัญญาณให้ฮูหยินผู้เฒ่าถัง ดูสีหน้าถังกั๋วกง
ฮูหยินผู้เฒ่าถังขมวดคิ้ว “เอาละ ข้าเหนื่อยแล้ว พวกเจ้าไปเถอะ!”
ถังกั๋วกงกล่าว “ท่านแม่พักเสียก่อน ลูกขอตัว จิ่วเอ๋อร์ ไปกันเถอะ! พ่อจะพาเจ้าไปดูห้อง”
“เจ้าค่ะ”
ฮูหยินผู้เฒ่าถังมองร่างหลิวจิ่วจู๋หายลับไปแล้วจึงเอ่ยกับฟางซื่อ “ดูสิ ดูเข้าสิ นังเด็กบ้านนอกผู้นี้ไม่เข้าใจกฎเกณฑ์ใด ๆ แม้แต่น้อย”
“ท่านแม่ ท่านอย่าได้โกรธไปเลย” ฟางซื่อจับมือฮูหยินผู้เฒ่าถังแล้วนั่งลง “ท่านกั๋วกงรู้สึกผิดต่อนาง ถึงแม้ยามนี้จะมีพระราชโองการลงมาก็เกรงว่าเขาคงไม่ปฏิเสธลูกสาวคนนี้ ท่านแม่กับท่านกั๋วกงต้องบาดหมางใจเพราะเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้ นั่นจะไม่ทำให้พวกท่านแม่ลูกแตกหักกันหรือเจ้าคะ?”
“หากคนผู้นั้นกตัญญูอย่างเจ้า เขาคงไม่ทำให้ข้าทุกข์ใจเพียงนี้” ฮูหยินผู้เฒ่าถังกล่าว “ไม่ง่ายเลยกว่านางปีศาจผู้นั้นจะจากไป บัดนี้กลับมีมาอีกคนแล้ว ทั้งแม่และลูกสาวนิสัยเหมือนกันไม่มีผิด ข้าว่าพวกนางคิดจะต่อต้านข้า ขอเพียงแม่ลูกคู่นี้อยู่ข้างกาย ข้าย่อมไม่มีวันมีความสุข”
“ข้าเห็นว่าคุณหนูใหญ่อายุไม่น้อยถึงวัยที่จะคุยเรื่องแต่งงานแล้ว ท่านแม่คล้อยตามท่านกั๋วกงไปก่อน ผ่านไปสักระยะค่อยหาคู่ครองให้นางดี ๆ สักคนแล้วค่อยแต่งนางออกไป”
ฮูหยินผู้เฒ่าถังกล่าว “ได้ ทำได้เพียงเช่นนี้แล้ว”
ถังกั๋วกงพาหลิวจิ่วจู๋มาเลือกเรือน
“ที่นี่เป็นที่ที่แม่เจ้าเคยอยู่” ถังกั๋วกงเอ่ย “เพิ่งจ้างคนมาปรับปรุงซ่อมแซมเมื่อปีก่อน ทุกอย่างล้วนเหมือนใหม่ เหมาะที่จะอยู่อาศัย หากขาดเหลือสิ่งใด เพียงแค่บอกกับบ่าวรับใช้ ข้าไปสั่งการกับพ่อบ้านประเดี๋ยว เจ้าอยู่ที่นี่ย่อมดีที่สุด สหายเหล่านั้นของเจ้าคงจะเคยชินอยู่กับเจ้า ทางนั้นมีเรือนเล็ก ๆ หลังหนึ่ง เพียงพอให้พวกเขาสามีภรรยาอาศัยพอดี หากจะเข้าออกจากจวนกั๋วกง สามารถใช้ป้ายคำสั่งได้ ประเดี๋ยวข้าจะให้พ่อบ้านนำมาให้ นอกจากนี้ข้าจะเตรียมสาวใช้สองสามคนให้เจ้าด้วย”
[1] ต้นไหมเปอร์เซีย (ชื่อวิทยาศาสตร์ Albizia julibrissin) : จุดเด่นอยู่ที่ดอกมีลักษณะคล้ายขนนก มีสีชมพูและสีขาว มีกลิ่นหอม สามารถนำมาปลูกเป็นไม้กระถางเพื่อความสวยงาม