สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1191 ตอนพิเศษ (70.2)
บทที่ 1191 ตอนพิเศษ (70.2)
“มิเช่นนั้น ข้าย้ายออกไปดีหรือไม่?”
“ที่นี่เป็นบ้านเจ้า เหตุใดเจ้าต้องย้ายออกไป?” ถังกั๋วกงเอ่ย “เพราะเรื่องเมื่อครู่นี้หรือ?”
“คนผู้นั้นเป็นภรรยาท่านหรือ?”
“พวกเขาเตรียมการให้ ตอนข้ารู้ พวกเขาก็รับนางเข้ามาแล้ว เดิมทีข้าคิดจะหย่าอย่างปรองดรองกับนาง แต่นางกลับไม่ยอม บอกว่าหากหย่าร้างกลับไป ชีวิตนี้คงจบสิ้นแล้ว ย่อมไม่มีผู้ใดแต่งกับนาง ข้าคิดเพียงว่าแค่มีคนกินข้าวเพิ่มมาอีกคน นางรับปากว่าจะไม่ร้องขออะไร ข้าจึงให้นางรั้งอยู่”
“แต่พวกท่านมีลูกด้วยกัน”
ถังกั๋วกงเผยอปาก เพียงแต่ไม่กล่าวสิ่งใด เพียงแค่พยักหน้ารับ “อืม”
“ดูเหมือนท่านจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ไม่เลวเลยทีเดียว ข้าคิดว่าท่านรักมารดาข้าลึกซึ้งจริง ๆ เสียอีก”
“ภายหน้าเจ้าจะรู้เอง ข้าปฏิบัติต่อมารดาเจ้าไม่เหมือนกัน” ถังกั๋วกงเอ่ย “ในใจข้ามีนางเพียงผู้เดียว”
“บางทีสำหรับเหล่าบุรุษแล้ว ถึงแม้ในใจจะมีเพียงคนผู้เดียวก็หาได้กระทบต่อการมีลูกกับสตรีอื่นไม่ เพียงแต่ก็ใช่ มารดาข้าจากไปหลายปีเพียงนั้น ท่านเป็นถึงกั๋วกง ข้างกายย่อมไม่อาจขาดสตรี นับประสาอะไรกับการไม่มีทายาท” หลิวจิ่วจู๋กล่าว
“เจ้าเป็นเพียงแม่นางน้อยผู้หนึ่ง คิดมากมายเพียงนั้นเพื่ออะไร?” ถังกั๋วกงกล่าว “ถึงแม้สกุลลู่จะเป็นคู่ครองที่ไม่เลวจริง ๆ ทว่าขณะที่พวกเขายังไม่ได้มาสู่ขออย่างเป็นทางการ เจ้าไม่อาจให้ผู้อื่นรู้ว่าเจ้ากับคุณชายรองสกุลลู่อยู่ด้วยกันแล้วเป็นอันขาด”
ถังกั๋วกงเพิ่งกลับมา มีเรื่องราวต้องจัดการมากมาย เมื่อจัดหาที่ทางให้หลิวจิ่วจู๋แล้วก็ผละจากไป
เขาจัดเตรียมสาวใช้ข้างกายให้หลิวจิ่วจู๋สองคน สาวใช้ขั้นสองอีกสองคน และบ่าวรับใช้ทำงานจิปาถะอีกสิบคน
หยางชิงซือพร้อมกับท้องโต ๆ มองลานเรือนกว้างขวางตรงหน้าแล้วเอ่ย “จู๋จือ บ้านเจ้าใหญ่จริง ๆ”
“เจ้าชอบที่นี่หรือ?” หลิวจิ่วจู๋ถาม
หยางชิงซือเอ่ย “แม้ว่าบ้านเจ้าจะใหญ่ ทั้งยังร่ำรวยอย่างเห็นได้ชัด ทว่าข้าก็ยังชอบบ้านหลังเล็กของเราในหมู่บ้านสกุลหลิ่ว อย่างไรเสีย ที่นี่ก็คือเมืองหลวง อีกทั้งบิดาเจ้ายังเป็นท่านกั๋วกง ชีวิตตอนนี้กับชีวิตก่อนหน้าไม่เหมือนกัน พวกเราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัว จริงสิ เมื่อครู่นี้เจ้าพบญาติคนอื่น ๆ พวกเขาเข้าถึงง่ายหรือไม่?”
หลิวจิ่วจู๋ส่ายหัว
นางเล่าสถานการณ์ตอนนี้ให้หยางชิงซือฟังเพื่อให้สหายเตรียมใจให้พร้อม
หยางชิงซือขมวดคิ้ว “ดูเหมือนท่านย่าผู้นี้ของเจ้าจะไม่ชอบเจ้านะ!”
“ไม่ชอบก็เป็นเรื่องธรรมดา อย่างไรก่อนหน้าข้าก็ไม่เคยพบนาง ได้ยินว่าฮูหยินผู้นั้นที่แต่งให้พ่อข้าในภายหลังให้กำเนิดลูกชายหนึ่งคนกับลูกสาวหนึ่งคน เช่นนั้นนางยิ่งไม่สนใจหลานสาวบ้านนอกบ้านนาที่ตกลงมาจากฟ้า” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ตอนนี้ที่ข้าอยากรู้คือทางสามีข้าเป็นอย่างไร นึกไม่ถึงว่าท่านพี่จะเป็นคุณชายรองสกุลลู่ เช่นนั้นสกุลลู่… สกุลลู่ใหญ่โตมั่งคั่งยิ่งกว่าอีก คนในครอบครัวพวกเขาจะเข้ากันได้ยากหรือไม่?”
“ก็จริง ที่นี่เจ้าอยู่ได้ไม่นาน ทว่าภายหน้าเจ้าต้องแต่งเข้าสกุลลู่ อนาคตต้องใช้เวลาแทบทั้งชีวิตที่นั่น ก่อนหน้าได้ยินผู้อื่นกล่าวถึงสกุลลู่ว่าเป็นอย่างไร แต่พวกเราไม่เคยได้พบเห็น บัดนี้มาถึงเมืองหลวงแล้ว สกุลลู่อยู่ใกล้เพียงนี้ เช่นนั้นพวกเราก็สามารถไปสอบถามสถานการณ์ที่แท้จริงในสกุลลู่ได้” หยางชิงซือกล่าว “วันนี้ดึกมากแล้ว วันหลังพวกเราค่อยไปถาม เรื่องราวของพระชายาลู่ในเมืองหลวงจักต้องแพร่หลายเป็นแน่ เดี๋ยวพวกเราก็จะได้ยินเรื่องที่ไม่เคยได้ยินมาก่อน”
หลิวจิ่วจู๋พยักหน้าหงึก ๆ
“จู๋จือ ข้าอิจฉาเจ้าจริง ๆ พระชายาลู่จะเป็นว่าที่แม่สามีของเจ้า ภายหน้าเจ้าก็จะได้เห็นนางทุกวัน” หยางชิงซือกล่าว
“ตอนนี้ยังไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไรเลย!”
“เจ้ากังวลว่าพระชายาลู่จะไม่ชอบเจ้าหรือ?”
“ข้าได้ยินว่าพระชายาลู่ไม่เคยสนใจภูมิหลังสะใภ้ที่จะแต่งเข้าบ้าน ดังนั้นนางจะต้องไม่รังเกียจข้าเพราะภูมิหลังของข้าเป็นแน่ ข้าเพียงกังวลว่าตนจะไม่ดีพอ ไม่คู่ควรกับบุตรชายที่ดีเพียงนั้นของนาง กลัวนางจะไม่ชอบข้า”
“โง่จริง ๆ” หยางชิงซือจิ้มหน้าผากหลิวจิ่วจู๋ “เจ้าถูกลู่เจ๋อทำให้หลงหัวปักหัวปำแล้วดังคาด”
จงซู่เกินเดินเข้ามาจากด้านนอกเอ่ยขึ้นว่า “จู๋จือ บ้านของเจ้าใหญ่เกินไปแล้ว อีกทั้งยังมีกฎเกณฑ์มากมาย ข้ากับชิงซืออยู่ที่นี่จะดีหรือ?”
“พวกเขาสร้างความลำบากใจให้ท่านหรือ?” หลิวจิ่วจู๋ขมวดคิ้ว
หากหยางชิงซือกับจงซู่เกินไม่ชอบที่นี่ นางก็จะบอกถังกั๋วกงแล้วย้ายออกไป เพราะเพียงแค่วันแรก นางก็รู้สึกไม่สบายใจแล้ว
“ไม่ใช่เช่นนั้น” จงซู่เกินยกมือขึ้นลูบหัวอย่างเขินอาย “ข้าเพียงแค่รู้สึกทำตัวไม่ถูกเล็กน้อย”
“ดูท่าทีของเจ้าสิ” หยางชิงซือเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ “พวกเราพึ่งมา ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับที่แห่งนี้ ไม่ต้องเอ่ยถึงที่นี่ แม้ว่าเจ้าจะออกไป เจ้าก็ยังรู้สึกทำตัวไม่ถูกอยู่ดี”
“นี่ก็จริง”
หลิวจิ่วจู๋จัดให้บ่าวรับใช้สองคนดูแลหยางชิงซือกับจงซู่เกิน
จงซู่เกินบุรุษตัวโตผู้หนึ่งทำตัวไม่ถูกเล็กน้อยจึงขอให้หลิวจิ่วจู๋จัดสาวใช้สองคนมาดูแลหยางชิงซือเท่านั้น
ทั้งสองอาศัยอยู่ในเรือนด้านข้าง ที่นั่นอยู่ใกล้กับหลิวจิ่วจู๋ ทว่ามีประตูแยกต่างหาก กลางคืนสามารถปิดได้ เช่นนี้จึงจะไม่รบกวนกัน
หยางชิงซือกับจงซู่เกินย้ายสัมภาระไปแล้ว
หลิวจิ่วจู๋พักผ่อนได้ครู่หนึ่ง จู่ ๆ ก็มีคนประกาศว่าคุณหนูรองมาเยี่ยม
“คุณหนูรองคือ…”
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองก็คือน้องสาวท่านอย่างไรเจ้าคะ!” สาวใช้บอก
“พี่หญิง…” ถังจือฮุ่ยเดินเยื้องย่างเข้ามา
เป็นหญิงสาวหน้าตาอ่อนหวาน ดูใสซื่อบริสุทธิ์ผู้หนึ่ง
นางเห็นหลิวจิ่วจู๋ก็ค้อมคำนับก่อน จากนั้นจึงตรงเข้ามาจับมืออย่างกระตือรือร้น มองดูนางครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยท่าทีระมัดระวัง “ข้ามีพี่สาวหน้าตาดีเพียงนี้ โชคดีแล้วจริง ๆ”
หลิวจิ่วจู๋เอ่ยอย่างขัดเขิน “เจ้าถึงจะเรียกว่าหน้าตาดีจริง ๆ”
“ไม่ พี่หญิงสวยกว่าข้าเสียอีก” ถังจือฮุ่ยเอ่ย “พี่หญิง ท่านคุ้นเคยกับที่นี่แล้วหรือยัง? หากท่านขาดเหลือสิ่งใด เพียงแค่บอกข้า จริงสิ ท่านยังไม่คุ้นเคยกับสภาพแวดล้อมที่จวนกระมัง? ข้าจะพาท่านไปดูรอบ ๆ ให้ข้าแนะนำให้ท่านรู้จัก ไปทีละอย่าง ยังมีอีก พรุ่งนี้ต้องเข้าพิธีคืนสู่สกุล ท่านยังต้องทำความรู้จักกับญาติ ๆ ข้าได้เตรียมภาพญาติ ๆ แต่ละคนมาให้ท่านได้ทำความรู้จักทีละคน พรุ่งนี้จักได้ไม่ทำอะไรไม่ถูก”
สาวใช้ที่ถังจือฮุ่ยพามาถือปึกกระดาษเข้ามากองหนึ่ง เมื่อได้ยินคำพูดของนางจึงนำปึกกระดาษนั้นมาคลี่ออก
แต่ละแผ่นมีภาพคนที่วาดอย่างเรียบง่ายผู้หนึ่ง บนภาพระบุสถานะและความชอบเอาไว้ สำหรับหลิวจิ่วจู๋แล้ว นี่เป็นของขวัญที่ใส่ใจจริง ๆ
“ขอบคุณ” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “เจ้าช่างเอาใจใส่จริง ๆ ข้าอายุมากกว่าเจ้าเพียงไม่กี่ปี เช่นนั้นข้าจะเรียกเจ้าว่าน้องสาวก็แล้วกัน”
“พวกเราเดิมทีก็เป็นพี่น้องกันแท้ ๆ” ถังจือฮุ่ยจับมือนาง “ข้าเคยอิจฉาผู้อื่นที่มีพี่สาว ตอนนี้ข้าไม่ต้องอิจฉาพวกเขาแล้ว มา ข้าจะแนะนำญาติเหล่านี้ให้ท่าน…”