สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1194 ตอนพิเศษ (72)
บทที่ 1194 ตอนพิเศษ (72)
ลู่จื่อชิงพาหลิวจิ่วจู๋ไปเดินเล่นรอบ ๆ จวนอ๋องลู่
“คุณหนูรอง ฮูหยินท่านอ๋องน้อยมาเจ้าค่ะ” ไป๋กั่วเอ่ยเตือนลู่จื่อชิง
ลู่จื่อชิงเงยหน้าขึ้นมองสตรีท้องโตที่อยู่ตรงข้าม
ไม่ผิด! สิงเจียซือตั้งครรภ์แล้ว
นางทนต่อความเจ็บปวดรับการรักษา ติดตามลู่ฉาวอวี่ไปที่บ้านท่านน้ามู่เจิ้งหานกว่าครึ่งปี หลังจากได้รับการดูแลจากน้าสะใภ้เป็นเวลาครึ่งปี ท้ายที่สุดนางจึงได้รับข่าวดีเมื่อสามเดือนก่อน
ลู่จื่อชิงจูงหลิวจิ่วจู๋เข้าไปหาสิงเจียซือ
“พี่สะใภ้ หมู่นี้ท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
เริ่มแรกที่ตั้งครรภภ์ อาการแพ้ท้องของสิงเจียซือค่อนข้างหนัก ยามนั้นบังเอิญว่าลู่ฉาวอวี่ต้องออกว่าราชการพอดี เพื่อให้สิงเจียซือกินอิ่มนอนหลับแล้ว ลู่จื่อชิงทุ่มเทแรงกายแรงใจไปไม่น้อย
สามเดือนผ่านไป อาการแพ้ท้องของสิงเจียซือจึงดีขึ้นบ้าง
สิงเจียซือตั้งครรภ์แล้ว แก้มของนางกลมขึ้นมาก แววตาแผ่ประกายความเป็นแม่ออกมา
“ข้าดีขึ้นมากแล้ว ต้องขอบคุณน้องหญิงรอง” สิงเจียซือกล่าวจบก็หันไปมองหลิวจิ่วจู๋ “ผู้นี้คือ…”
“ท่านลองเดาดูสิ?”
“สหายที่เพิ่งรู้จักใหม่ของเจ้าหรือ? ก่อนหน้านี้ไม่เคยพบ ข้าคิดว่าเพิ่งมาถึงเมืองหลวงกระมัง?”
“พี่สะใภ้ ผู้นี้คือแม่นางหลิ่วผู้นั้นที่น้องจิ่งเคยเอ่ยถึงอย่างไรเล่า ไม่ถูกสิ ตอนนี้นางเป็นบุตรสาวคนโตแห่งจวนกั๋วกงแล้ว ควรจะเป็นแม่นางถัง”
“พี่หญิงทั้งสอง พวกท่านเรียกข้าว่าจิ่วเอ๋อร์หรือจู๋จือเถิด! พี่จิ่งเรียกข้าว่าจิ่วเอ๋อร์ ข้ารู้สึกว่าชื่อนี้ไพเราะที่สุด” หลิวจิ่วจู๋เอ่ย “ถึงแม้ข้าจะคืนสู่สกุลถังแล้ว ทว่าข้าแซ่จิ่วมาสิบกว่าปี ต่อแซ่ถังนี้ยังรู้สึกไม่คุ้นเคยอยู่บ้าง”
“เช่นนั้นพวกเราจะเรียกเจ้าว่าจิ่วเอ๋อร์” ลู่จื่อชิงกล่าว “พี่สะใภ้ จิ่วเอ๋อร์เพิ่งมาถึงเมืองหลวง ไม่คุ้นเคยกับที่แห่งนี้นัก นางเป็นผู้มีพระคุณช่วยชีวิตน้องจิ่ง ภายหน้าก็จะเป็นคนในครอบครัวเรา ถึงแม้ท่านพ่อท่านแม่จะยังไม่กลับเมืองหลวง พวกเราจึงยังไม่ได้ไปสู่ขอนางที่จวนถังกั๋วกง แต่ช้าเร็วนางก็จะกลายเป็นคนในครอบครัว”
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเพิ่งมาถึงเมืองหลวง ไม่รู้เรื่องที่นี่มากนัก แต่นั่นไม่สำคัญ น้องหญิงรองเดิมทีก็เป็นคนชอบเที่ยวเล่น ไม่มีที่ใดในเมืองหลวงที่นางไม่รู้จัก ตอนนี้ข้าตัวหนัก ไปเป็นเพื่อนไม่ได้ นางสามารถไปกับเจ้าได้” สิ้นคำ สิงเจียซือก็หันไปเอ่ยกับลู่จื่อชิง “จิ่วเอ๋อร์ยังไม่เคยไปเรือนพักผ่อนบนภูเขากระมัง? เจ้าพาจิ่วเอ๋อร์ไปเที่ยวเล่นที่นั่นสักสองสามวัน เชิญพี่หญิงน้องหญิงสองสามคนที่เจ้าสนิทไปด้วยให้นางได้คุ้นเคยเร็ว ๆ เถอะ”
“ความคิดนี้ไม่เลว”
ลู่ฉาวจิ่งรู้ว่าหลิวจิ่วจู๋มาที่จวนอ๋องลู่จึงกลับมาที่จวนก่อนเวลา
ลู่จื่อชิงเห็นเขาเป็นห่วงหลิวจิ่วจู๋จึงพาสาวใช้ผละจากไปอย่างรู้สถานการณ์ ปล่อยให้ทั้งสองคนอยู่ตามลำพัง
“วันนี้ฮูหยินผู้เฒ่าที่จวนเจ้ามีสีหน้าไม่ค่อยดีนัก นางทำให้เจ้าลำบากใจหรือไม่?”
หลิวจิ่วจู๋นั่งอยู่บนชิงช้า ส่วนลู่ฉาวจิ่งยืนอยู่ด้านหลังคอยไกวให้นาง
ร่างเพรียวระหงแกว่งไปตามชิงช้า ข้าง ๆ มีผีเสื้อโบยบินเข้ามา ทุกสิ่งสวยงามดั่งความฝัน
“นางไม่ชอบข้าจริง ๆ” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “เพียงแต่นั่นไม่สำคัญ เพราะข้าก็ไม่ชอบนางเช่นกัน เดิมทีดูเหมือนพ่อข้าจะจริงใจทีเดียว ข้าจึงคิดว่ากลับไปสกุลก็ดีเช่นกัน บัดนี้ดูท่าแล้ว อีกไม่นานข้าคงย้ายออกมา หากข้าย้ายออกมา ไม่ได้เป็นบุตรสาวคนโตของจวนกั๋วกง ผู้อื่นจะคิดว่าท่านแต่งภรรยาบ้านนอกผู้หนึ่งหรือไม่?”
“เจ้าวางใจ ไม่มีผู้ใดกล้าพูด ถึงแม้จะพูด พวกเราก็ไม่ได้สนใจ ก่อนหน้านี้ตอนที่พ่อข้ารุ่งโรจน์และพาท่านแม่เข้าเมืองหลวงมา ยามนั้นพวกเขาก็เอ่ยถึงแม่ข้าอย่างนี้เช่นกัน ผลที่ได้เล่า? แม่ข้าตบหน้าพวกเขาอย่างจัง นางทำให้พวกเขารู้ว่าตนเองยังสู้หญิงบ้านนอกผู้หนึ่งไม่ได้”
หลิวจิ่วจู๋ได้ยินลู่ฉาวจิ่งเอ่ยเช่นนี้ก็ดีใจ
“พี่หญิงรองบอกว่าพรุ่งนี้จะพาข้าไปที่เรือนพักผ่อนบนภูเขา”
“เช่นนั้นก็ต้องพาหมอตำแยไปด้วย”
“เพราะเหตุใด?”
“เจ้าออกไปเที่ยวเล่นก็ต้องพาฮูหยินจงไปด้วยกระมัง? ตอนนี้นางท้องโตแล้ว อาจจะคลอดยามใดก็ได้”
หลิวจิ่วจู๋คว้าแขนของลู่ฉาวจิ่ง เอ่ยด้วยน้ำเสียงเศร้าใจ “ข้านึกเสียใจภายหลังแล้ว ตอนนั้นไม่ควรฟังท่านพ่อที่บอกว่า การแต่งก่อนหน้าไม่นับอะไร จักต้องให้ท่านมาสู่ขอก่อนจึงจะได้ พวกเราแต่งงานเป็นสามีภรรยากันแล้ว เหตุใดไม่นับเล่า? ข้าควรตามท่านมาจวนอ๋องลู่ตั้งแต่ตอนนั้น”
ที่นี่สบายใจมากจริง ๆ!
ผู้คนที่นี่ก็เข้าหาง่ายยิ่งนัก
“พ่อของเจ้าพูดถูก การแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญของชีวิต พวกเราไม่อาจละเลยได้ เมื่อก่อนเป็นเพราะสถานการณ์บีบบังคับ บัดนี้ไม่มีผู้ใดบังคับพวกเรา เช่นนั้นก็ต้องจัดงานแต่งอย่างจริงจัง”
หลิวจิ่วจู๋อยู่ทานมื้อเย็นที่สกุลลู่
“บ่าวรับใช้สกุลถังมาขอรับ” พ่อบ้านจวนอ๋องลู่เดินเข้ามารายงาน “บอกว่าฮูหยินจงดูเหมือนจะคลอดก่อนกำหนดขอรับ”
“แต่ลูกในท้องชิงซือควรคลอดในอีกหนึ่งเดือนข้างหน้า” หลิวจิ่วจู๋ผุดลุกขึ้น “เป็นเพราะความเหนื่อยล้าจากการเดินทางไกลหรือ? ข้าจะกลับไปดูเสียหน่อย”
ลู่ฉาวจิ่งไม่วางใจ เพียงแต่รู้ว่าไม่สามารถตามหลิวจิ่วจู๋ไปที่จวนถังกั๋วกงได้ ลู่จื่อชิงจึงอาษาช่วยเหลือพาหลิวจิ่วจู๋กลับไปที่จวนถังกั๋วกงแทน
“ฮูหยินจงเป็นอย่างไรบ้าง?” หลิวจิ่วจู๋เพิ่งลงจากรถม้าก็เอ่ยถามบ่าวรับใช้ของจวนกั๋วกง
บ่าวรับใช้จวนถังกั๋วกงมีสีหน้างุนงง
ฮูหยินจงเป็นผู้ใด?
พวกเขาไม่รู้จักคนผู้นี้
ลู่จื่อชิงขมวดคิ้วแล้วกล่าวกับหลิวจิ่วจู๋ “สหายเจ้าอยู่ที่ไหนก็ตรงไปที่นั่นเถิด”
ดูจากท่าทีของคนเหล่านี้ในจวนถังก็พอรู้ว่าพวกเขาไม่เป็นที่ต้อนรับเพียงใด
“โอ๊ยยย…”
เสียงกรีดร้องดังขึ้นมามาจากเรือนไผ่เขียว
บ่าวรับใช้ตื่นตระหนกตกใจทำอะไรไม่ถูก อกสั่นขวัญกระเจิง
“เชิญหมอตำแยมาแล้วหรือยัง?” พ่อบ้านถามแม่นม
“ยามนี้หาหมอตำแยไม่ได้สักคนเลยเจ้าค่ะ”
“จะเป็นไปได้อย่างไร?!” พ่อบ้านเอ่ยกับแม่นมด้วยความโมโห “เมืองหลวงใหญ่โตเพียงนี้ จักหาหมอตำแยไม่ได้แม้สักคนได้อย่างไร?”
จงซู่เกินรุดมาด้วยดวงตาแดงก่ำ “ข้าให้พวกท่านไปหาคุณหนูใหญ่ พวกท่านส่งคนไปหรือยัง?”
“ส่งไปแล้ว คงกลับมาเร็ว ๆ นี้”
หลิวจิ่วจู๋รุดมาถึงก็ได้ยินเสียงจงซู่เกินที่เริ่มควบคุมสติไม่ได้พอดี
“ข้ากลับมาแล้ว”
จงซู่เกินเห็นนางกลับมา สีหน้าเขาดูดีขึ้นเล็กน้อย
“เจ้ารีบไปดูเถิด”
“ตอนที่ข้าไปยังดีอยู่เลย เหตุใดจู่ ๆ จึงจะคลอดก่อนกำหนดเล่า?”
“เช่นนั้นต้องถามบ่าวรับใช้จวนเจ้าแล้ว” จงซู่เกินนึกโมโห “เมื่อครู่ยังอยู่ดี จู่ ๆ นางก็ถูกบ่าวรับใช้ผู้หนึ่งขัดขาจนสะดุด ถึงแม้จะช่วยได้ทันแต่ก็ได้รับความตกใจ ไม่นานนางก็เริ่มมีอาการครรภ์กระทบกระเทือน”
“ตอนนี้ไปดูก่อนเถิดว่าชิงซือเป็นอย่างไร” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “ข้าจะเข้าไปดูนาง ท่านก็รู้ว่าข้าชำนาญเพียงใด ให้พวกเขาไปเตรียมของเถิด”
“คุณหนูใหญ่ ท่านเป็นแม่นางที่ยังไม่ออกเรือนผู้หนึ่ง สถานที่เช่นนี้ไม่ต้องเข้าไปหรอก กลิ่นคาวเลือดจะไม่ดีต่อท่าน!”
“ข้าต้องทำคลอด ก่อนหน้านี้ตอนข้าอยู่ที่บ้านนอกก็เคยทำเรื่องเหล่านี้มาแล้ว” หลิวจิ่วจู๋กล่าว “หากสหายข้าเป็นอะไรไป ข้าจะทำให้ทั้งจวนกั๋วกงวุ่นวายไม่รู้จบอย่างแน่นอน”
นางพาหยางชิงซือมาเมืองหลวง ไม่ใช่เพื่อมาเสี่ยง บัดนี้เพิ่งมาถึง หยางชิงชือก็ประสบเหตุเช่นนี้เพราะความสะเพร่าของนางแล้ว ตอนนี้หลิวจิ่วจู๋แทบจะทนไม่ไหวที่จะลากบ่าวรับใช้ผู้นั้นออกมาโบยสักสิบไม้
ลู่จื่อชิงกล่าว “คำพูดของคุณหนูใหญ่ พวกเจ้าไม่ฟังหรือ? หรือจะบอกว่า เสียงแส้ของข้าผู้นี้น่าฟังมากกว่า?”
บ่าวรับใช้ไม่กล้าปริปาก รีบพาหลิวจิ่วจู๋เข้าไปข้างในทันที