สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1195 ตอนพิเศษ (73)
บทที่ 1195 ตอนพิเศษ (73)
ฟางซื่อได้ยินคำพูดของบ่าวรับใช้ก็คว้าถ้วยข้าง ๆ ขึ้นมาเขวี้ยงใส่
ถ้วยเฉี่ยวหน้าผากสาวใช้ไปทิ้งรอยฟกช้ำเอาไว้ทันที
“เจ้าโง่หรือไร? ผู้ใดให้เจ้าลงมือ? เพียงแค่คนต่ำต้อยเกาะใบบุญผู้หนึ่ง ข้าไปหาเรื่องนางคุ้มแล้วหรือ? ตอนนี้ดีนัก หากเกิดอะไรกับชิ้นเนื้อในท้องนาง ท่านกั๋วกงจะต้องมาตำหนิข้าเป็นแน่ จับนางมัดไว้ให้ข้า!”
“ฮูหยิน ฮูหยินไว้ชีวิตข้าด้วยเถิด! ฮูหยิน…” สาวใช้คุกเข่าลงกับพื้นร้องขอความเมตตา “บ่าวเพียงแค่ปวดใจแทนฮูหยิน บ่าวภักดีต่อฮูหยิน…”
สาวใช้ที่อยู่ข้าง ๆ แค่นเสียงในลำคอ
เอ่ยถึงความภักดีอะไรกัน…
กล่าวถึงที่สุดแล้วที่ทำไปไม่ใช่เพื่อให้ฮูหยินกั๋วกงพอใจและเลื่อนตำแหน่งให้เป็นสาวใช้ขั้นหนึ่งหรือ
ข้างกายฟางซื่อเดิมทีมีสาวใช้ขั้นหนึ่งสองคน เพียงแต่หนึ่งในนั้นออกเรือนไปแล้ว ตำแหน่งว่างจึงกลายเป็นที่จับตามองของทุกคน บรรดาสาวใช้ต่างก็แย่งชิงกันอย่างเอาเป็นเอาตาย
“ฮูหยิน ตอนนี้สิ่งสำคัญที่สุดคือสถานการณ์ทางนั้น หากสตรีที่ติดตามคุณหนูใหญ่มาผู้นั้นคลอดลูกอย่างปลอดภัย ลูกแข็งแรงดี เรื่องคราวนี้เพียงกล่าวขอโทษดี ๆ ก็ผ่านไปได้แล้ว แต่หากเกิดอะไรขึ้น…”
“นำป้ายคำสั่งจวนกั๋วกงไปเชิญหมอหลวงมาที่จวนเดี๋ยวนี้!”
หญิงบ้านนอกผู้หนึ่งคลอดลูก การจัดหาหมอหลวงให้มาจับชีพจรนาง อย่างนี้นับว่าจริงใจพอแล้วกระมัง?
จากนั้นค่อยส่งตัวสาวใช้ที่กระทำผิดออกไปแล้วแจ้งให้พวกหลิวจิ่วจู๋รู้ว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องอะไรกับนาง
“คุณหนูรองเล่า?”
คุณหนูใหญ่แต่เดิมกลายเป็นคุณหนูรอง ฮุ่ยเอ๋อร์ เด็กคนนั้นกลับไม่โวยวายใด ๆ นี่ช่วยลดความกังวลนางไปไม่น้อย เพียงแต่นางยังรู้สึกเห็นใจเด็กคนนี้จริง ๆ
สิ่งเดียวที่ทำให้นางปวดหัวคือลูกสาวผู้นี้ไปต้องตาคุณชายรองสกุลลู่ คุณชายใหญ่สกุลลู่ทำให้คุณหนูสูงศักดิ์ในเมืองหลวงเลอะเลือนจนทำเรื่องขบขันออกมามากมาย บัดนี้มีคุณชายรองผู้ที่รูปร่างหน้าตาไม่ด้อยไปกว่าคุณชายใหญ่ออกมาอีกผู้หนึ่ง ทั้งยังทำให้ลูกสาวของนางสับสนแล้วเช่นกัน คนสกุลลู่เป็นปีศาจจิ้งจอกกลับชาติมาเกิดใช่หรือไม่?
“คุณหนูรองคงไปที่เรือนไผ่เขียวของคุณหนูใหญ่แล้วเจ้าค่ะ”
“ดี เด็กคนนี้ช่างไหวพริบดีจริง ๆ” สิ้นคำ ฟางซื่อก็เอ่ยถามอีกครั้ง “จือหลานเล่า?”
“คุณชายน้อยยังไม่กลับจวนเจ้าค่ะ”
วันนี้ที่จวนมีเรื่องใหญ่ ถังจือหลานบุตรชายภรรยาเอกจวนถังกลับไม่ปรากฏตัว โชคดีที่หลิวจิ่วจู๋เป็นลูกสาว จึงไม่ถูกลือว่าเขาข่มเหงรังแกนาง หากนางเป็นลูกชาย เกรงว่าคำนินทาว่าร้ายเหล่านั้นอาจบดขยี้ถังจือหลานจนป่นปี้เลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม หลิวจิ่วจู๋เป็นลูกสาวจึงไม่เป็นภัยต่อสถานะของลูกชายนาง ภายหน้าลูกชายนางก็จะได้สืบทอดจวนกั๋วกง ดังนั้นนังเด็กชั่วผู้นี้จึงไม่กระทบต่อสถานะอะไรของเขา
ถังจือฮุ่ยปรี่ไปที่เรือนไผ่เขียว เมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากข้างในจึงเอ่ยกับพ่อบ้านและแม่นมที่อยู่ข้าง ๆ “เป็นอย่างไรบ้าง”
“คุณหนูใหญ่เพิ่งเข้าไป ยังไม่รู้สถานการณ์ขอรับ”
“พี่หญิงข้าเข้าไปทำอะไร? นางเป็นแม่นางยังไม่ออกเรือนผู้หนึ่งจะให้เห็นเลือดได้อย่างไร? ไยพวกเจ้าไม่ห้ามนาง หากทำให้นางกลัวแล้ว นั่นจะไม่ทำให้ท่านพ่อท่านแม่ปวดใจมากหรือ?”
“คุณหนูใหญ่ยืนกรานจะเข้าไปเจ้าค่ะ”
“หลีกไป” จงซู่เกินเดินถืออ่างน้ำเข้าไปข้างใน
“พี่ใหญ่ผู้นี้…” ถังจือฮุ่ยเอ่ยกับจงซู่เกิน “ท่านเป็นสามีของพี่หญิงข้างในกระมัง? ฮูหยินของท่านเป็นอย่างไรบ้าง?”
“ตอนนี้พวกเรากำลังยุ่ง ไม่มีเวลาคุยกับท่าน ท่านออกไปได้ก่อนได้หรือไม่?” จงซู่เกินเดินชนนางอย่างหมดความอดทน ก่อนจะรีบรุดเข้าไปในห้อง
ถังจือฮุ่ย “…”
เสียงกรีดร้องข้างในดังไม่หยุด
ถังจือฮุ่ยได้ยินเสียงร้องพลันรู้สึกขนลุกขนชันทั่วทั้งสรรพางค์กาย
เสียงหลิวจิ่วจู๋ดังออกมา “หัวโผล่ออกมาแล้ว!”
ลู่จื่อชิงประหลาดใจ “จริงหรือ หัวโผล่ออกมาแล้ว ใกล้จะคลอดแล้ว”
ถังจือฮุ่ยได้ยินเสียงของลู่จื่อชิงจึงหันไปมองคนข้าง ๆ “ข้างในคือ…”
“คุณหนูรองลู่”
“เหตุใดคุณหนูรองลู่ถึงอยู่ข้างใน?”
“คุณหนูรองลู่พาคุณหนูใหญ่มาส่งเจ้าค่ะ”
ถังจือฮุ่ยจัดเผ้าจัดผมของตน
เมื่อนึกบางอย่างขึ้นมาได้ก็ทำผมตนยุ่งยิ่งกว่าเดิม
คนที่อยู่ข้าง ๆ ต่างมองหน้ากันไปมาราวกับไม่เข้าใจว่าถังจือฮุ่ยกำลังทำอะไร
ถังจือฮุ่ยเปิดประตูแล้วเดินเข้าไป
คนที่อยู่ข้าง ๆ ไม่สามารถหยุดนางได้แม้พวกเขาจะต้องการก็ตาม
“พี่หญิง ข้าก็มาช่วยเช่นกัน”
“ออกไป!” จงซู่เกินผลักถังจือฮุ่ยออกไปนอกประตูทันที
ตอนนี้เขาเกลียดคนจวนกั๋วกง ไม่ว่าจะเป็นนายหรือบ่าวก็ตาม
หากไม่ใช่เพราะกำลังทำคลอด เขาคงไปจากที่นี่พร้อมกับหยางชิงซือแล้ว
หลังจากเจอเรื่องในวันนี้ เขาไม่มีทางรั้งอยู่ในจวนถังกั๋วกงต่อไปเป็นแน่ เขาจะไปยืมเงินก้อนเล็ก ๆ จากลู่ฉาวจิ่ง ตั้งใจจะเช่าบ้านอยู่ข้างนอกสักหลัง อย่างนี้จะได้ดูแลภรรยากับลูกได้ง่ายขึ้น
“หมอหลวงมาแล้ว”
สาวใช้คนสนิทของฟางซื่อพาหมอหลวงเข้ามา
ในตอนนี้เอง หลิวจิ่วจู๋ก็ดึงตัวเด็กออกมาจากแม่ เกิดเสียง ‘ผลุบ’ เด็กน้อยออกมาจากท้องแม่โดยสมบูรณ์
“อุแว้ ๆ…”
ใบหน้าของหลิวจิ่วจู๋เต็มไปด้วยเลือด
ในเวลานี้นางกลับไม่ใส่ใจจะเช็ดออก ครั้นหันกลับไปมองลู่จื่อชิง ใบหน้าก็ยิ้มแย้มอย่างสดใส “คลอดแล้ว เป็นเด็กผู้ชายตัวอวบอ้วนผู้หนึ่ง!”
เขาเป็นเด็กอ้วนตัวใหญ่จริง ๆ หนักอย่างน้อย ๆ ราวเจ็ดจินครึ่ง
เดิมทีท้องชิงซือค่อนข้างกลม ทว่าด้วยการเดินทางที่ยาวนาน ทานไม่อิ่ม นอนหลับไม่สนิท นางจึงผอมลงเล็กน้อยระหว่างตั้งครรภ์ มีเพียงท้องของนางที่ใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ สวนทางกับแก้มของนางที่เล็กลง
นึกไม่ถึงว่า สิ่งเล็ก ๆ ในท้องจะตัวใหญ่โตเพียงนี้
จำต้องรู้ว่าเขาเป็นเด็กที่คลอดก่อนกำหนด โตได้ถึงเพียงนี้ก็นับว่าไม่น้อยแล้ว
ฟางซื่อมองหลิวจิ่วจู๋ด้วยสีหน้าแข็งค้าง
ใบหน้าหลิวจิ่วจู๋เปรอะไปด้วยเลือด ผมของนางชุ่มไปด้วยเหงื่อ ใบหน้าดูเลอะเทอะมอมแมม
เมื่อเห็นความยุ่งเหยิงนี้ฟางซื่อที่ถูกประคบประหงมมาตั้งแต่เด็กพลันทำอะไรไม่ถูก กลิ่นคาวเลือดและกลิ่นแปลก ๆ ยังคละคลุ้งอยู่ในอากาศ นางแทบจะอาเจียนออกมาตรงนั้น
แต่นางทำไม่ได้…
นางต้องอดทนกับมัน
เพราะสาวใช้ของนางเป็นต้นเหตุของปัญหานี้ หากนางไม่ทำตัวให้ดี ผู้อื่นอาจคิดว่านางจงใจสร้างปัญหาให้ลูกเลี้ยง ชื่อเสียงของนางที่สั่งสมมานานหลายปีก็จะไม่เหลืออีก
ถังจือฮุ่ยผงะถอยหลังไปสองสามก้าว
หลิวจิ่วจู๋ในตอนนี้ดูน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง
นางเป็นคุณหนูสูงศักดิ์ผู้หนึ่ง ไม่ควรมาอยู่ที่นี่ หากไม่ใช่เพื่อชื่อเสียงและเพื่อภาพลักษณ์ที่ดีต่อหน้าลู่จื่อชิง ถึงแม้จะมีมีดมาจ่อที่คอ นางก็คงไม่มาปรากฏตัวที่นี่เด็ดขาด
หยางชิงซือผล็อยหลับไปหลังคลอดลูก
“ไม่ได้บอกว่ามีหมอหลวงหรือ?” ลู่จื่อชิงเอ่ยขึ้น “ไยยังไม่รีบมาดูอีก?”
หมอหลวงเข้าไปจับชีพจรของหยางชิงซืออย่างรวดเร็วและกล่าว “คลอดก่อนกำหนด ร่างกายได้รับความเสียหาย หนึ่งปีนี้นางไม่อาจตั้งครรภ์ได้อีก ข้าจะเขียนใบสั่งยารักษานางหนึ่งปี หนึ่งปีให้หลังก็หายดีแล้ว”
“นางเพิ่งคลอดลูก จักต้องไม่ตั้งครรภ์อีกเร็ว ๆ นี้เป็นแน่” ลู่จื่อชิงกล่าว “ท่านเพียงเขียนใบสั่งยามาเถอะ เขียนที่อ่อน ๆ ไม่ทำให้พื้นฐานร่างกายเสียหาย”
“ย่อมได้” หมอหลวงตอบ
“ตรวจดูเด็กด้วยเถิด” ฟางซื่อเอ่ยเตือนจากด้านข้าง “อย่างไรเสียก็เป็นทารกคลอดก่อนกำหนด”
“เด็กคนนี้แข็งแรงจริง ๆ หากไม่คลอดก่อนกำหนด จะตัวใหญ่เพียงใดกัน!” ลู่จื่อชิงที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ย “รีบมาดูเด็กเถิดว่าเป็นอย่างไร”
หมอหลวงตรวจเด็กแล้วเอ่ยขึ้น “เหตุใดเด็กถึงได้มีหกนิ้ว?”
“มีหกจริง ๆ” ฟางซื่อประหลาดใจ “จะทำอย่างไรดี?!”
เด็กหกนิ้วในยุคนี้เป็นอัปมงคล