สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1211 ตอนพิเศษ (81.2)
บทที่ 1211 ตอนพิเศษ (81.2)
ผู้ติดตามเปิดประตูออก ติงเซียงเดินถือบางอย่างเข้ามา “คุณชายชูอี นี่เป็นอาหารที่คุณหนูพวกเราทำเอง นางบอกว่าเมื่อวานนี้รบกวนท่านพาเข้าเมือง อาหารเหล่านี้ถือเสียว่าเป็นการขอบคุณ”
ชูอีรับมา “อันที่จริงไม่ต้องเกรงใจเพียงนั้น”
“คุณหนูพวกเราแต่ไหนแต่ไรมาได้รับน้ำใจย่อมต้องตอบแทน” ติงเซียงกล่าว “ท่านทางนี้มีแขก ข้าไม่รบกวนแล้ว”
หลี่หยวนจงเรียกติงเซียงไว้ “แม่นางท่านนี้ ข้าน้อยแซ่หลี่ ตอนนี้คุณหนูพวกท่านสะดวกหรือไม่? ข้าน้อยอยากจะไปเยี่ยมเสียหน่อย”
“ไม่สะดวกเจ้าค่ะ” ติงเซียงยิ้ม “บ้านเรามีเพียงสตรีไม่กี่คน ไม่สะดวกรับแขกนอก”
สิ้นคำ นางก็จากไปโดยไม่รอให้หลี่หยวนจงได้กล่าวอะไรอีก
หลี่หยวนจงคร่ำครวญ “บุปผางามนั้นยากที่จะได้สัมผัสเสมอ”
ชูอีเอ่ยเสียงเรียบ “หากคุณชายมาทำการค้ากับข้าเพียงเพราะอยากจะชื่นชมบุปผาก็ไม่จำเป็นต้องลำบากเพียงนั้น ข้าไม่อยากช่วยคนชั่วก่อกรรมทำเข็ญ”
“ไอหยา พี่ใหญ่ชูอี ท่านเข้าใจผิดแล้ว พวกข้าต้องการสัตว์ป่าสามตัวจริง ๆ” หลี่หยวนจงกล่าว “เอาอย่างนี้ หน้าไม้นี้ของท่านข้าซื้อ ข้าพาลูกน้องมาสิบเอ็ดคน เตรียมให้คนของข้าคนละสองคันเถอะ”
“ยี่สิบสองคัน สองพันสองร้อยอีแปะ คิดเป็นเงินสองตำลึงสองเหรียญทองแดง”
“เมื่อครู่เจ้าไม่ได้บอกว่าเก้าสิบอีแปะหรือ?” ผู้ติดตามข้าง ๆ เอ่ย
“อ้อ ข้าคิดว่าคุณชายหลี่ไม่ได้ขาดแคลนเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ อีกทั้งนี่ยังเป็นการค้าเล็ก ๆ ไม่ได้กำไรมาตั้งแต่ต้น ข้าให้ส่วนลดพวกท่านมากเพียงนี้ก็นับว่าขาดทุนแล้ว”
“คุณชาย เจ้าเด็กนี่เดิมทีก็จงใจนะขอรับ” ผู้ติดตามเอ่ยอย่างไม่พอใจ
“คุณชายหลี่สามารถกลับคำได้ การค้านี้ข้าไม่ทำก็ไม่เดือดร้อน”
ไม่รู้ว่าด้วยเหตุใด เมื่อรู้ว่าหลี่หยวนจงต้องการเข้าใกล้ลู่จื่ออวิ๋น จู่ ๆ ชูอีก็รู้สึกว่าการค้านี้ทำให้รำคาญใจยิ่ง นับประสาอะไรกับสัตว์ป่าหนึ่งตัวหนึ่งร้อยห้าสิบตำลึงเงิน แม้จะเป็นหนึ่งพันตำลึงเงิน เขาก็ไม่ต้องการหาแล้ว
ชูอีรู้สึกเบื่อหน่ายเล็กน้อย
ภายในใจหนักอึ้ง
เขาเพิ่งฟื้นความทรงจำมาบางส่วน ในความทรงจำเขามีภรรยาและลูกแล้ว ดังนั้นเขาควรหาทางฟื้นความทรงจำแล้วไปตามหาพวกเขา แต่ต่อฮูหยินลู่ข้างบ้าน เขากลับถูกนางดึงดูดอย่างไม่อาจควบคุม
เขาเป็นบุรุษนิสัยเลวทรามต่ำช้าผู้หนึ่งหรือ?
“จะกลับคำได้อย่างไร?” หลี่หยวนจงกล่าว “พี่ใหญ่ชูอี พวกเราออกเดินทางตอนนี้ก็ได้”
“ดี เช่นนั้นไปกันเถอะ!”
ชูอีเหลือบมองตะกร้าข้าง ๆ แวบหนึ่ง สุดท้ายก็ถือไปด้วย
คนกลุ่มหนึ่งขึ้นเขาไปอย่างเอิกเกริก
คนในหมู่บ้านเห็นก็สงสัยว่าเกิดอะไรขึ้น
“เจ้าเด็กชูอีดูอนาคตไกลจริง ๆ สกุลหลี่เป็นสกุลที่ร่ำรวยที่สุดของที่นี่เชียวนะ!”
“ป้าหลินทุกข์ยากมาเกือบทั้งชีวิตยังเก็บสมบัติชิ้นใหญ่มาได้เมื่อยามแก่เฒ่า ตอนแรกที่ชูอีมาที่หมู่บ้านเรา พวกเราเพียงแค่คิดว่าใบหน้าเขาน่ากลัว นึกไม่ถึงว่า ผู้อื่นเขาจะมีความสามารถ”
“พวกเจ้าไม่สงสัยหรือว่าก่อนหน้านี้ชูอีทำอะไรมา? เขาบอกว่าความจำเสื่อม ความจำเสื่อมจริง ๆ หรือ? พวกเจ้าดูรอยแผลเป็นบนใบหน้าเขาซี เห็นได้ชัดว่าเป็นรอยคนทำ หากเป็นคนจากครอบครัวดี ๆ จักเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร? พวกเจ้าว่าเขาจะเคยเป็นโจรและถูกคนตามฆ่าระหว่างต่อสู้กับผู้อื่นหรือไม่? พอเสียโฉมแล้วจึงแสร้งเป็นความจำเสื่อมหนีมาที่นี่ หาเป็นเช่นนั้น เขาอยู่ที่นี่พวกเราก็มีอันตรายเช่นกันนะ!”
“ท่านไม่ต้องพูดแล้ว ท่านพูดเช่นนี้พวกเราไม่กล้าพูดคุยกับเขาแล้ว”
ลู่จื่ออวิ๋นพาสาวใช้สองคนไปเดินเล่นผ่อนคลายในหมู่บ้าน เดิมทีนางคิดว่าจะซื้อที่สักผืนปลูกบางอย่าง เช่นนี้จะได้ไม่เบื่อเกินไป ผู้ใดคิดว่าจะได้ยินคำพูดไม่มีมูลเช่นนี้จากชาวบ้านเหล่านั้น
“ท่านป้าทุกท่าน หากพวกท่านรู้สึกว่าลิ้นยาวเกินไปก็ตัดไปทอดให้สามีพวกท่านกินเป็นกับแกล้มเสีย ข้าจะสอนสูตรให้ ทั้งยังจะสอนทำลิ้นทอดด้วย อร่อยเลิศเชียวละ” ติงเซียงกล่าว “พวกท่านตัดมันออกแล้วล้างก่อน จำไว้ว่าต้องล้างละ น้ำลายบนนั้นกลิ่นเหม็นจนเกินไป ประเดี๋ยวจะส่งผลต่อรสชาติ จากนั้นค่อยหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ บางกว่านิ้วก้อยเล็กน้อย เอาผักดองสักสองชิ้นมาหั่นเป็นชิ้นบาง ๆ ทอดด้วยกันจนส่งกลิ่นหอม”
เมื่อสตรีสองสามคนที่กำลังพูดคุยกันเห็นติงเซียง พวกนางก็คิดจะโต้กลับ แต่เมื่อเห็นติงเซียงชกหินที่อยู่ข้าง ๆ กลายเป็นผุยผงก็ชะงัก
นางแสยะยิ้มน้อย ๆ มองบรรดาป้า ๆ รอยยิ้มบนใบหน้าสดใสยิ่งกว่าดอกไม้
“พวกท่านคิดว่าคำแนะนำข้าเป็นอย่างไร?”
สตรีหลายคนเผ่นแนบไปโดยเร็ว
ไป๋จื่อยืนหัวเราะอยู่ข้าง ๆ
ลู่จื่ออวิ๋นโบกพัดแล้วเคาะลงบนหน้าผากติงเซียง “ทำได้ไม่เลว ตกรางวัล”
ไป๋จื่อที่อยู่ข้าง ๆ เอ่ยขึ้น “เจ้าค่ะ คืนนี้บ่าวจะทำลิ้นทอดให้ติงเซียงสักจานนะเจ้าคะ”
ติงเซียงกล่าวยิ้ม ๆ “ขอเพียงไม่ใช่ลิ้นของข้า ลิ้นของผู้อื่นล้วนกินได้ทั้งสิ้น”
“คุณหนู พวกเขาถึงขั้นพูดถึงท่านเขยเช่นนี้ เกินไปจริง ๆ นะเจ้าคะ”
“คนเหล่านี้ล้วนไม่สำคัญ ไยต้องสนใจพวกเขา ท่านพี่ได้พบกับท่านป้าหลินที่นี่ ท่านป้าหลินปฏิบัติต่อท่านพี่อย่างจริงใจ นั่นเป็นโชคชะตาระหว่างทั้งสองคน ข้ามองออกว่าท่านป้าหลินเหลือเวลาไม่มากแล้ว” ลู่จื่ออวิ๋นกล่าว “ช่วงนี้ก็ให้พวกเขาใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ถือเสียว่าให้ใช้เวลาเหมือนอย่างแม่ลูกที่แท้จริงเป็นครั้งสุดท้ายเถอะ! รอท่านป้าหลินจากไป หากสามีข้ายังจำไม่ได้อีก ข้าก็จะบอกความจริงกับเขา”
“ถึงยามนั้น หากท่านเขยยังไม่ยอมรับท่านเล่าเจ้าคะ?”
“ข้าก็จะตีเขาให้หมดสติแล้วพาตัวไป” ลู่จื่ออวิ๋นแค่นเสียงเย็น “ข้าคุ้นเคยกับเขาที่ทำตัวไร้สวรรค์ ไร้กฎเกณฑ์ทีเดียว”
ติงเซียงกับไป๋จื่อหัวเราะออกมา
“จริงสิ คุณหนูควรไปพบท่านอ๋องกับพระชายาแล้วใช่หรือไม่เจ้าคะ?”
ลู่จื่ออวิ๋นส่ายหัว “ลืมเสียเถอะ ท่านพ่อ ท่านแม่ข้าไม่รู้ว่ายามนี้สบายใจเพียงใด ข้าเพียงแค่ต้องส่งจดหมายว่าข้าสบายดีไปให้พวกเขาตามปกติ พวกเขาจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง”
บนเขา หลี่หยวนจงตามชูอีไปด้านหลัง เห็นเขาใช้หน้าไม้ล่าไก่ฟ้ากับกระต่ายป่าได้ไม่น้อยก็เลียนแบบท่าทางการล่าสัตว์ของเขา ทว่าทุกครั้งเหยื่อกลับวิ่งหนีไป เหลือเพียงขนไก่ฟ้าบนพื้น
ชูอีมองหลี่หยวนจงนิ่ง ๆ
หลี่หยวนจงรู้สึกใจไม่เป็นสุขขึ้นมา
“ฮ่า ๆ ๆ บางทีอาจเป็นเพราะข้าหิวแล้ว พี่ใหญ่ชูอี ท่านมีของกินใช่หรือไม่? ไม่สู้ให้ข้ากินหน่อย ข้ากินอิ่มแล้วอาจจะมีแรงล่าสัตว์ขึ้นมาบ้าง”
ชูอีเห็นหลี่หยวนจงเอื้อมมือไปหมายจะคว้าตะกร้า เขาก็ย้ายมันไปข้าง ๆ
ตะกร้านั้นเขาถือด้วยตนเอง มีเพียงยามใช้หน้าไม้เท่านั้นถึงจะวางมันลงบนพื้นข้าง ๆ เมื่อเขายิงหน้าไม้ออกไปแล้วก็จะหยิบมันขึ้นมาถืออีกครั้ง
เมื่อเห็นท่าทางตระหนี่เช่นนั้น ผู้ติดตามที่อยู่ข้าง ๆ ยังหยอกล้อชูอีหลายครั้ง เขากลับไม่แม้แต่จะขมวดคิ้ว เพียงแค่ไม่อนุญาตให้พวกหลี่หยวนจงแตะตะกร้านั้น
หลี่หยวนจงคิดจะขโมยอาหารเขาอย่างเห็นได้ชัด ชูอีจึงแสดงท่าทีตระหนี่สุด ๆ ไม่อนุญาตให้เขาแตะต้องมัน
เขาชี้ไปข้าง ๆ “ผลของต้นผลไม้ป่านั้นไม่เปรี้ยว ท่านกินได้”
หลี่หยวนจงกล่าว “ข้าซื้อ ชิ้นละหนึ่งตำลึงเงิน”
“คุณชาย ท่านออกมาก็กลายเป็นคนโง่ให้ผู้อื่นเอาเปรียบแล้วหรือ?”
หลี่หยวนจงเตะขาผู้ติดตาม “ต้องให้เจ้าพูดมากหรือไร”
ผู้ติดตามเติบโตมาด้วยกันกับเขา ทั้งสองคนไม่ใช่พี่น้องแต่เป็นยิ่งกว่าพี่น้อง ด้วยเหตุนี้จึงไม่แยกสูงต่ำ
หลี่หยวนจงกล่าวต่อ “ท่านให้ข้าดูเถอะว่าฮูหยินบ้านข้าง ๆ ทำอาหารอะไร ข้าสงสัยจริง ๆ”
“ที่แท้ท่านอยากล่าสัตว์ หรือว่าดื่มน้ำเมาไม่หวังมึนเมากันแน่?” ชูอีจ้องมองเขา “หากคิดจะยืมมือข้าทำร้ายฮูหยินบ้านข้าง ๆ ข้าย่อมไม่ปล่อยท่านไปอย่างแน่นอน”