สาวนาผู้เป็นมารดาของครอบครัวตัวร้าย [农门福妻全家是反派] - บทที่ 1212 ตอนพิเศษ (82.1)
บทที่ 1212 ตอนพิเศษ (82.1)
หลี่หยวนจงยกมือขึ้นลูบหัว “เจตนาของข้าชัดเจนเพียงนั้นเชียวหรือ?”
ชูอีแค่นเสียงเย็น
ตาเขาไม่ได้มืดบอด
นับตั้งแต่เข้าบ้านเขาจนกระทั่งออกจากบ้าน สายตาคู่นั้นมักจะจับจ้องไปที่บ้านข้าง ๆ แทบจะเจาะรูบนกำแพงบ้านได้แล้ว
“เอาเถอะ ข้าจะบอกท่านตามจริง” หลี่หยวนจงกล่าว “ข้าส่งคนไปสอบถามแล้ว ฮูหยินท่านนั้นไม่ใช่ภรรยาท่าน ข้ารู้ว่านางเป็นม่าย ตอนนี้ไม่มีสามีแล้ว ข้าชมชอบฮูหยินท่านนั้นจริง ๆ จึงตั้งใจจะเอาชนะใจนาง”
หลี่หยวนจงพูดอยู่ครึ่งค่อนวัน อีกทั้งยังจ้องมองชูอีอย่างกระตือรือร้น
ชูอีนั่งยอง ๆ มองไปข้างหน้าด้วยสายตาเฉียบคม เมื่อสังเกตเห็นว่าคนข้าง ๆ ยังไม่เคลื่อนไหวจึงเอ่ยด้วยความโมโห “หมอบลงเร็วเข้า มีสัตว์ใหญ่กำลังเข้ามา”
หลี่หยวนจงได้ยินดังนั้นก็รีบส่งสัญญาณให้ลูกน้องทันที
พวกผู้ชายเลียนแบบท่าทางของชูอี กล่าวคือนั่งยอง ๆ จากนั้นก็หันไปมองทางที่ชูอีกำลังจับจ้องเป็นครั้งคราว
“ไม่มีเสียงนี่!”
“พวกเราก็ไม่ได้ยินเสียงเช่นกัน”
“ชู่ว!” หลี่หยวนจงทำท่าให้เงียบ ๆ
เขาเชื่อมั่นในการตัดสินใจของชูอี
นอกจากนี้ พ่อของเขายังเคยกล่าวไว้ว่า เขาจะไม่ทำการค้าก็ได้ แต่ไม่อาจมองคนไม่เป็น พี่ใหญ่ชูอีผู้นี้ดูแล้วคบหาได้ยาก ทว่าแววตาของเขาบริสุทธิ์ มองเพียงแวบแรกก็รู้ว่าเป็นคนที่ไว้ใจได้
ตึก! ตึก!
“เป็นหมูป่า” ชูอีฟังเสียงฝีเท้าแล้วตัดสิน “หมูป่าตัวนี้น้ำหนักไม่น้อย ทั้งยังอารมณ์ไม่ดี ระวังตัวด้วย”
หมูป่าร้องคำรามเสียงดังลั่น
ชูอีคว้ามีดเล่มใหญ่ กระโดดไปทางหมูป่า
ผู้ติดตามหลี่หยวนจงกล่าวด้วยความประหลาดใจ “เขาคิดจะเผชิญหน้ากับหมูป่าหรือ? หมูป่าจัดการไม่ได้ง่าย ๆ ได้ยินว่าเมื่อก่อนแม้กระทั่งผู้ฝึกยุทธ์ยังตายในปากหมูป่า ”
“หากเห็นท่าทีผิดปกติก็เข้าไปช่วย” หลี่หยวนจงกล่าว “เราไม่อาจปล่อยให้เขาเป็นอะไรได้”
ชูอีมีประสบการณ์ในการจัดการกับหมูป่าอย่างเห็นได้ชัด เขาตัดสินได้อย่างรวดเร็วว่าต่อไปหมูป่าจะโจมตีเข้ามาทางใด จากนั้นก็สกัดกั้นการโจมตีของมันเสียก่อน ท้ายที่สุดก็ล้มหมูป่าได้ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง
หลี่หยวนจงออกไปพร้อมกับลูกน้องของเขา
“ท่านไม่ได้บอกว่าจัดการยากหรือ?”
“ที่ข้าเอ่ยถึงคือพวกท่าน ขอเพียงพวกท่านไม่ออกมาสร้างปัญหาให้กับการแสดงฝีมือของข้า ภายใต้สถานการณ์ปกติย่อมไม่มีปัญหาอะไร” ชูอียกมีดขึ้นปาเข้าใส่คอหมูป่า บัดนี้มีดถูกเขาดึงออกมาแล้ว
เมื่อดึงออกมาก็พาเลือดมหาศาลพวยพุ่งออกมาราวกับสายฝนด้วย ชูอีเป็นคนแรกที่ตั้งท่าป้องกันและหลบหลีก ทว่าหลี่หยวนจงกลับหลบไม่ทัน
เสื้อผ้าชุดใหม่ชุ่มโชกไปด้วยเลือด เสื้อคลุมที่แต่เดิมเป็นสีขาวถูกย้อมเป็นสีแดงสดในอึดใจเดียว
โชคดีที่เขาปิดหน้าไว้ตอนเลือดกระเซ็นออกมา ใบหน้าเล็กหล่อเหลานั้นจึงไม่เป็นอะไร มิเช่นนั้นเลือดคงกระเด็นใส่หน้าเขาเปรอะไปทั้งปากและจมูก นั่นคงน่าขยะแขยงทีเดียว
“คุณชาย ไม่เป็นไรกระมัง?”
“ไม่เป็นไร” หลี่หยวนจงนั่งลงอาเจียนข้าง ๆ “อุแหวะ…”
“สัตว์ป่าตัวแรกยกให้ท่าน ตอนนี้ยังอยากเดินไปข้างในต่อหรือไม่?” ชูอีถามหลี่หยวนจง
หลี่หยวนจงน่องขาสั่นระริก
สามัญสำนึกบอกเขาว่าในยามนี้ควรลงภูเขาไปพักฟื้นเสียก่อน หลังจากผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า พักผ่อนเอาแรง และปรับสภาพจิตใจแล้ว ขึ้นเขาอีกครั้งก็ยังไม่สาย อย่างไรก็ตาม เขาเพิ่งขึ้นเขามาได้ไม่นาน ชูอีสามารถล่าสัตว์ป่าได้ด้วยท่าทีสงบนิ่ง เขาที่ไม่ได้ทำสิ่งใดกลับกลัวเลือดจนต้องกลับลงไป หากพบหญิงสาวข้างบ้านผู้นั้น เขาจะเอาหน้าไปไว้ที่ใดกัน?
เขาชมชอบหญิงสาวตัวน้อยผู้นั้นจากใจจริง!
หลี่หยวนจงเติบใหญ่มาจนป่านนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่สนใจสตรีนางหนึ่ง ตราบใดที่สตรีนางนั้นไม่มีสามี นางจะเคยแต่งงานมาก่อนหรือไม่ก็ไม่สำคัญ เดิมทีเขาก็ไม่สนใจแม้แต่น้อย พ่อแม่เขาร้องขอเพียงอย่างเดียว นั่นคือเป็นสตรีก็เป็นอันใช้ได้ ท้ายที่สุดแล้วหลายปีมานี้เขาก็ทำเรื่องเหลวไหลไร้สาระมามากมาย เมื่อเห็นว่าถึงวัยที่ควรพูดคุยเรื่องการแต่งงานแต่บุตรชายกลับยังเลื่อนลอย เดิมทีบิดามารดาก็ไม่คาดหวังสิ่งใดแล้ว
“แน่นอนว่าต้องเข้าไปข้างใน” หลี่หยวนจงกล่าว “เถอะ ข้าไม่เป็นไร”
“เช่นนั้นก็ดี”
ลู่จื่ออวิ๋นวางเข็มลง มองดูผ้าห่มลายมังกรและหงส์เพลิงตรงหน้าแล้วเอ่ยขึ้น “ดูเหมือนว่าฝีมือข้ายังดีอยู่ ไม่ได้ไม่คุ้นชินอะไร”
“คุณหนู ฝีมือท่านไม่เป็นสองรองผู้ใด ท่านจะฝีมือขึ้นสนิมได้อย่างไรเจ้าคะ?”
“ไม่ว่าช่างเย็บปักจะเยี่ยมยอดเพียงใด หากไม่ได้สัมผัสเข็มกับด้ายนานเกินไป มือนางก็จะทื่อ เกรงว่าจะไม่อาจก้าวข้ามทักษะแต่เก่าก่อนไปได้ ตอนนี้ข้าหาสามีพบแล้ว อย่างไรก็ไม่มีอะไรทำ ย่อมมุ่งเน้นไปที่การฝึกเย็บปักถักร้อยได้ กล่าวไปแล้ว หมู่บ้านเล็ก ๆ แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่เหมาะให้คนฝึกฝนตนเอง”
ติงเซียงยกของว่างเข้ามา “นี่เป็นขนมหอมหมื่นลี้ที่ทำวันนี้เจ้าค่ะ ข้าใช้น้ำผึ้งแทนน้ำตาล กินแล้วหวานขึ้นมากทีเดียวเจ้าค่ะ”
ลู่จื่ออวิ๋นหยิบขนมขึ้นมากินชิ้นหนึ่ง
“อันนี้อ่อนนุ่ม เจ้าเอาไปส่งให้ป้าหลินข้างบ้านสักหน่อย”
“บ่าวรู้ว่าท่านจะต้องคิดถึงนางจึงส่งไปให้นางตั้งแต่หม้อแรกที่ทำออกมาแล้วเจ้าค่ะ คุณชายชูอีพาคุณชายหลี่ผู้นั้นขึ้นเขาไปล่าสัตว์ เป็นไปได้มากว่าวันนี้จะไม่กลับมา ดังนั้น ย่อมต้องดูแลท่านป้าแทนเขาสักหน่อย!”
“ข้าลองฝีมือปักผ้าพอดี ไม่เช่นนั้นไปหานางที่ข้างบ้านกันเถอะ!”
ป้าหลินมองไม่เห็น นอกจากเดินอยู่รอบ ๆ บริเวณบ้านก็ออกไปข้างนอกไม่ได้
นางไม่อยากเบื่อเกินไป ทั้งยังต้องการทำอะไรเพื่อครอบครัวสักหน่อยจึงตั้งใจจะเก็บกวาดห้องให้เรียบร้อย
อย่างไรก็ตาม ปกติล้วนเป็นชูอีที่เก็บกวาดข้าวของให้เป็นระเบียบ เดิมทีนางก็ไม่รู้ว่าควรจัดวางของอย่างไร ดังนั้นยิ่งจัดมากเพียงใดก็ยิ่งยุ่งเหยิงมากขึ้นเพียงนั้น
ขณะที่ลู่จืออวิ๋นเข้ามา ป้าหลินก็หันกลับมาชนเข้ากับโถใบใหญ่ข้าง ๆ โถใบนั้นบรรจุเครื่องมือที่ปกติชูอีใช้ทำหน้าไม้ไว้จึงหนักเป็นพิเศษ
“ระวังเจ้าค่ะ!” ลู่จื่ออวิ๋นวิ่งเข้าไปประคองป้าหลินด้วยมือข้างหนึ่ง มืออีกข้างถือโถใบใหญ่เอาไว้
โถใบใหญ่โอนไปเอนมาสองสามครั้งแต่ก็ไม่หล่นลงมา
“เป็นท่านหรือ!” ป้าหลินดึงมือนางเข้าไปจับ “เมื่อครู่ข้าสร้างปัญหาอีกแล้วใช่หรือไม่?”
“ไม่ได้เจ้าค่ะ เพียงแต่มีของข้าง ๆ เกือบจะหล่นใส่ท่าน” ลู่จืออวิ๋นเอ่ย “โชคดีที่ข้ามาทัน ไม่เช่นนั้น หากท่านได้รับบาดเจ็บ พี่ใหญ่ชูอีกลับมาจะต้องเสียใจเป็นแน่ ท่านป้า ของในห้องนี้มีมากเกินไป ทั้งยังรกอยู่เล็กน้อย ปกติพี่ใหญ่ชูอีมักไม่เก็บกวาดกระมังเจ้าคะ? ดูเอาเถิด วันนี้ท่านยังเกือบโดนของหล่นใส่แล้ว ดังนั้นถึงได้กล่าวว่าบุรุษไว้ใจไม่ได้”
อันที่จริงชูอีจัดห้องไว้เรียบร้อยทีเดียว ตอนที่เข้ามาเมื่อครู่ป้าหลินเข้ามาแตะต้องของเหล่านั้น ทำให้ของเหล่านั้นระเกะระกะยิ่งกว่าเดิม
“ใช่ไหมเล่า? ข้าบอกแล้วบุรุษไว้ใจไม่ได้ อย่าได้มองว่าเขาทำงานนอกบ้านลำบากเพียงใด พอกลับถึงบ้านเขาก็ขี้เกียจปัดกวาด ท่านช่วยข้าดูหน่อยว่าผ้าห่มของเขายุ่งเหยิงหรือไม่?”
ลู่จื่ออวิ๋นเดินไปที่เตียงหลังใหญ่ หยิบผ้านวมที่ตัดเย็บอย่างดีออกมาแล้วเอ่ย “ยุ่งเล็กน้อยเจ้าค่ะ”
“ข้าจะช่วยเขาพับผ้าห่ม”
ท่านป้าหลินมองไม่เห็น จึงเดินคลำทางเข้ามา
ลู่จื่ออวิ๋นจับมือนางไว้แล้วพานางไปข้าง ๆ เตียง
“ยุ่งเหยิงดังคาด” ท่านป้าหลินกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ทำให้ท่านขบขันแล้ว ถึงแม้เจ้าเด็กคนนั้นจะมีความสามารถมาก เพียงแต่เขาไม่มีสตรีคอยใส่ใจ งานบ้านงานเรือนย่อมไม่มีประสบการณ์”
“ข้าเข้าใจ”
ป้าหลินดึงผ้าห่มขึ้นมาสะบัด
ลู่จื่ออวิ๋นเห็นว่านางยืนไม่มั่นคงจึงกล่าว “ข้าช่วยท่านได้หรือไม่?”